สำหรับผู้ที่ใช้งานคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง ไม่ว่าจะเป็น เมาส์, คีย์บอร์ด, แฟลชไดร์ฟ, ไมโครโฟน, กล้องถ่าย Vlog และอื่นๆ หลายครั้งที่พอร์ตการเชื่อมต่อที่ให้มากับตัวเครื่องไม่เพียงพอกับการใช้งาน ทำให้ต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมเพิ่มพอร์ตการเชื่อมต่อให้มากขึ้น ซึ่งไอเทมที่ว่าก็คือ USB HUB นั่นเอง โดยอุปกรณ์นี้มีให้เลือกมากมายหลายแบบและหลายยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีฟังก์ชันการทำงานและจำนวนพอร์ตที่แตกต่างกันออกไป ใครหาอุปกรณ์นี้อยู่แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดี บทความนี้เรามีมาให้คุณได้เลือกกัน
วิธีการเลือก USB HUB
แม้ว่าพื้นฐานการใช้งานของ USB HUB ส่วนใหญ่จะคล้ายๆ คือเพิ่มพอร์ตการเชื่อมต่อให้มากขึ้น แต่ก็มีรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ในการจะเลือกใช้อย่างเหมาะสมนั้นมีหลายอย่างที่เราต้องพิจารณาเพื่อช่วยในการตัดสินใจ ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้นเรามาดูไปพร้อมๆ กันเลย
1. เลือก USB HUB จากพอร์ตหลักที่มีในคอมพิวเตอร์
การจะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดีนั้นข้อแรกเลยที่เราต้องตรวจสอบก็คือเครื่องคอมพิวเตอร์หรือโน้ตบุ๊กของเราติดตั้งพอร์ตการเชื่อมต่อแบบไหนมาบ้าง เช่น พอร์ต USB-A, พอร์ต USB-C, พอร์ต HDMI ซึ่งเป็นพอร์ตพื้นฐานที่ควรต้องมีในอุปกรณ์ยุคนี้ จากนั้นจึงดูว่า USB HUB ที่เราสนใจสามารถใช้ได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราหรือไม่
2. เลือกจากประเภทและจำนวนพอร์ตของ USB HUB
ประเภทและจำนวนพอร์ตของ USB HUB แต่ละรุ่นคืออีกปัจจัยที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกได้ เพราะส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง โดยอย่างน้อยควรมีพอร์ตเบื้องต้น 3-4 พอร์ต บางรุ่นนั้นอาจมากถึง 16 พอร์ตเลยทีเดียว ส่วนประเภทของพอร์ตก็มีให้เลือกทั้ง USB Type-C, USB Type-A, HDMI, VGA, หรือบางรุ่นอาจมีช่องสำหรับเชื่อมต่อสาย LAN หรือ SD/TF Card เสริมเข้ามาให้ด้วยเพื่อความหลากหลายในการใช้งานซื้อตัวเดียวครบทุกความต้องการ
3. เลือก USB HUB จากฟังก์ชันเสริม
ปัจจุบัน USB HUB ไม่ได้มีเพียงแค่พอร์ตที่เยอะและหลากหลายเท่านั้น แต่บางรุ่นยังมีฟังก์ชันเพิ่มเติมเพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประสิทธิภาพ และความปลอดภัยให้กับผู้ใช้และอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วงด้วย อาทิ มีสวิตช์ปิด-เปิดแยกแต่ละพอร์ต, สามารถใช้งานเป็น Power Bank ได้, รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Windows และ Mac, มีระบบ MultiProtect ช่วยป้องกันไฟเกินหรือความร้อน, มีไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน ฯลฯ เป็นต้น
4. เลือก USB HUB จากขนาดและดีไซน์
การจะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดีเอามาไว้ใช้งานขนาดและดีไซน์ก็สำคัญสำหรับใครหลายคน ซึ่งก็มีหลายรุ่นหลายยี่ห้อที่ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจ ทั้งเรื่องของสีสันที่มีความเรียบหรูหรือสีสันสดใส ผลิตด้วยวัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป บางรุ่นมาพร้อมกับดีไซน์ที่ไม่เหมือนใครเช่นออกแบบมาให้มีรูปทรงเป็นวงกลม มีความบางเป็นพิเศษ หรือมีสายที่ยาวเพื่อสะดวกการใช้งาน ส่วนใครจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบส่วนตัวเป็นหลัก
5. เลือก USB HUB จากยี่ห้อและราคา
สุดท้ายเลยก็คือการเลือกจากยี่ห้อที่ได้มาตรฐานเป็นที่รู้จัก เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความปลอดภัย ทั้งกับผู้ใช้และกับอุปกรณ์ที่นำมาต่อพ่วง อาทิ USB HUB จากแบรนด์ Baseus, Vention, UGREEN, Dodocool, OWIRE, ORICO, TP-Link, Belkin, Wavlink เป็นต้น โดยสนนราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายพันบาท ขึ้นกับจำนวนและประเภทของพอร์ต รวมถึงฟังก์ชันการทำงานด้วย ทั้งนี้อย่าลืมที่จะตรวจสอบเงื่อนไขและระยะเวลาในการรับประกันสินค้าร่วมด้วยทุกครั้ง
USB HUB ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ เรารวมมาให้แล้ว
ได้ทราบกันไปแล้วว่าการจะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดีนั้นต้องพิจารณาองค์ประกอบในเรื่องใดบ้าง คราวนี้เราจะมาชี้เป้าให้คุณได้เลือกกันว่ามี USB HUB รุ่นไหน จากยี่ห้อใดที่น่าสนใจบ้าง โดยเราคัดมาให้คุณเลือกกันถึง 10 รุ่นด้วยกัน
1. USB HUB: Baseus 16 in 1 HUB
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับการเชื่อมต่อแบบ 16 in 1 | ราคาค่อนข้างแพง |
| ดีไซน์สวยงามทันสมัย | ไม่รองรับการอ่านการ์ด TF และ SD พร้อมกัน |
| รองรับการชาร์จ PD สูงสุดถึง 100W | |
| ผ่านการรับรอง CE, FCC, ROHS |
เริ่มต้นรายชื่อ USB HUB ยี่ห้อไหนดีกันด้วย Baseus 16 in 1 HUB รุ่นนี้มีช่องสำหรับเชื่อมต่อมาให้เยอะและครบถ้วนที่สุดรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ แถมดีไซน์ยังสวยงาม ทนทานด้วยวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ ปลอดภัยเพราะผ่านการรับรองจากทั้ง CE, FCC และ ROHS มาพร้อมพอร์ต USB 2.0, USB 3.0, อินเทอร์เฟซ RJ45 รองรับเครือข่าย 1000 Mbps, พอร์ต VGA, พอร์ต HDMI ที่รองรับการแสดงผลระดับ 4K มีช่องอ่านการ์ด TF และ SD ช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร รองรับการชาร์จเร็ว PD กำลังไฟสูงสุด 100W ใช้ได้กับทั้งระบบปฏิบัติการ Chrome OS, Windows 10 และ Mac OS Sierra งานสร้างถือว่าไม่เสียชื่อยี่ห้อ
2. USB HUB: Vention USB Port HUB 2.0
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีพอร์ต USB จำนวน 3 พอร์ต | ไม่รองรับ USB 3.0 |
| อินเทอร์เฟซ RJ45 รองรับเครือข่าย 100 Mbps | ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลไม่สูงนัก |
| สามารถใช้ชาร์จแบตเตอรี่มือถือได้ | |
| ราคาไม่แพงจนเกินไป |
ต่อกันด้วย Vention USB Port HUB 2.0 รุ่นนี้มาในราคาเบาๆ จำนวนพอร์ตอาจจะไม่เยอะแต่ก็ถือว่าเพียงพอกับการใช้งานทั่วไป โดยมากับพอร์ต USB 2.0 จำนวน 3 พอร์ต สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ที่ความเร็ว 480 Mbps รองรับการเชื่อมต่อ Flash Drive, เมาส์, คีย์บอร์ด และอุปกรณ์อ่านข้อมูลอื่นๆ พ่วงมาด้วยอินเทอร์เฟซ RJ45 ความเร็ว 100 Mbps ช่วยให้การออนไลน์ราบรื่นขึ้น พ่วงมาด้วยช่องสำหรับเชื่อมต่อเพื่อชาร์จมือถืออีก 2 ช่อง รวมถึงสามารถใช้งานได้กับ Flash Drive OTG ได้อีกด้วย ภาพรวมเทียบกับราคาแล้วถือว่าคุ้ม
3. USB HUB: UGREEN USB 3.0 รุ่น 50263
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต | หากเป็นของแท้จะรับประกันนาน 2 ปี หากเสียเปลี่ยนสินค้าให้ |
| ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps | ความยาวสาย (รุ่น 50263) แค่ 25 เซนติเมตร |
| รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย | |
| มีราคาไม่แพง |
อีกรุ่นในรายชื่อ USB HUB ยี่ห้อไหนดีที่เราไม่อยากให้คุณมองผ่านก็คือ UGREEN USB 3.0 รุ่น 50263 จากแบรนด์อุปกรณ์ชาร์จและต่อพ่วงชั้นนำของวงการที่คุณภาพคับแน่นเกินราคา ตัวนี้มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต ให้ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูลถึง 5Gbps เรียกว่าเร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าตัวเลยก็ว่าได้ ทำให้รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น เครื่องคอมพิวเตอร์, โน้ตบุ๊ก, แท็บเล็ต, สมาร์ทโฟน, แฟลชไดรฟ์, เมาส์, คีย์บอร์ด มีไฟ LED แสดงสถานการณ์ทำงานชัดเจน ผลิตด้วยวัสดุที่มีความทนทานแต่น้ำหนักเบา และยังมีระบบป้องกันไฟรั่ว ไฟเกิน และไฟฟ้าลัดวงจรมาช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
4. USB HUB: Nubwo NCR-100
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมพอร์ต USB จำนวน 3 พอร์ต | สายเคเบิลยาวเพียง 10-15 เซนติเมตร |
| มีช่องอ่านการ์ด TF และ SD | พอร์ตที่ให้มาเป็น USB 2.0 |
| รองรับ HDD ได้ถึง 1 TB | |
| ใช้งานได้กับอุปกรณ์หลายแบบ |
Nubwo NCR-100 อีกตัวเลือกที่น่าสนใจจากผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์ขวัญใจเกมเมอร์ในบ้านเราอีกเจ้า ด้วยราคาที่ไม่แพงแต่คุณภาพและประสิทธิภาพนั้นถือว่าไม่น้อยหน้าค่ายใหญ่ โดยรุ่นนี้มาพร้อมพอร์ตแบบ USB 2.0จำนวน 3 พอร์ต ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ที่ 480 Mbps มีช่องสำหรับอ่านการ์ด TF และ SD รองรับ SDHC/SDXC/T Flash รวมถึงรองรับการใช้งานร่วมกับ HDD ความจุ 1 TB ได้ด้วย ใช้งานง่ายไม่ต้องลงซอฟต์แวร์ใดๆ มีไฟแสดงสถานะการทำงานชัดเจน มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวและสีดำ
5. USB HUB: OWIRE รุ่น SY-0716
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมพอร์ต USB จำนวน 4 พอร์ต | พอร์ตเชื่อมต่อเป็น USB 2.0 |
| ผลิตด้วยวัสดุ ABS กระจายความร้อนได้ดี | ระยะเวลารับประกันแค่ 1 เดือน |
| ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล 480 Mbps | |
| มีไฟแสดงสถานะการทำงาน |
ใครยังไม่รู้จะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดี OWIRE รุ่น SY-0716 อาจเป็นรุ่นที่คุณกำลังมองหาอยู่ก็เป็นได้ โดยมากับดีไซน์สีดำตัดด้วยสีแดงดูทันสมัย น้ำหนักเบาเพียง 50 กรัม ทนทานแข็งแรง สายเคเบิลยาว 30 เซนติเมตร ผลิตด้วยวัสดุแบบ ABS ที่สามารถระบายความร้อนได้ดี ใช้งานง่ายแบบ Plug and Play ไม่ต้องลงโปรแกรมเพิ่มเติม มีพอร์ตแบบ USB 2.0 มาให้ใช้งานถึง 4 พอร์ตด้วยกัน ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลอยู่ที่ 480 Mbps ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นแฟลชไดร์ฟ เมาส์ คีย์บอร์ด ลำโพง รองรับระบบปฏิบัติการทั้ง Windows และ Mac ที่สำคัญราคาจับต้องได้
6. USB HUB: ORICO รุ่น TWU3
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในแบบ 4 พอร์ต และ 7 พอร์ต | ความยาวสายแค่ 15 เซนติเมตร |
| มาพร้อมอินเทอร์เฟซ USB 3.0 | ไม่มีฟังก์ชันการชาร์จ |
| ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps | |
| ผลิตด้วยวัสดุ ABS ระบายความร้อนได้ |
ผ่านไปแล้วครึ่งทางกับรายชื่อ USB HUB ยี่ห้อไหนดี มาต่อกันที่ USB HUB จากทาง ORICO ในรุ่น TWU3 ผู้ผลิตที่วางใจได้ในเรื่องคุณภาพของสินค้า โดยผลิตด้วยวัสดุพลาสติก ABS มีความทนทานแข็งแรง ระบายความร้อนได้ดี มีให้เลือกในสีขาวและสีดำ มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 มีให้เลือกทั้งแบบ 4 พอร์ตและ 7 พอร์ต ให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 5Gbps ทำงานได้เสถียร รองรับฮาร์ดไดรฟ์แบบพกพา และอุปกรณ์ต่อพ่วงหลายแบบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ต่างๆ ทั้งงานเอกสาร ภาพถ่าย หรือคลิปวิดีโอ
7. USB HUB: TP-Link รุ่น UH400
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีพอร์ต USB 3.0 มาให้ 4 พอร์ต | อุปกรณ์ Wireless 2.4Ghz บางรุ่นอาจไม่รองรับ USB 3.0 ควรเชื่อมต่อผ่านช่อง USB 2.0 |
| ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps | |
| ขนาดกะทัดรัด มีสาย USB ในตัว | |
| รับประกันสินค้านาน 1 ปี |
อีกรุ่นที่ต้องพูดถึงก็คือ USB HUB จาก TP-Link รุ่น UH400 ที่มากับดีไซน์แบบสี่เหลี่ยมแตกต่างจากหลายรุ่น ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพดี ทนทาน ระบายความร้อนได้เร็ว มีสาย USB ในตัว มีพอร์ตแบบ USB 3.0 มาให้ 4 พอร์ต ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps เร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าเลยทีเดียว ตัวนี้ใช้งานง่ายไม่ต้องลง Driver ใช้ชิปเซ็ต VIA VL812 และ Firmware ล่าสุด รองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย ใช้ได้กับระบบปฏิบัติการ Mac OS, Windows และ Linux ลองดูว่ารุ่นนี้ถูกใจคุณหรือไม่
8. USB HUB: Belkin 6-in-1
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับการใช้งานแบบ 6-in-1 | ควรตรวจสอบรุ่นสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ตที่รองรับก่อนซื้อ |
| มีพอร์ต Gigabit Ethernet | |
| มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 | |
| รองรับ USB-C PD สูงสุด 60W |
มาถึงรุ่นที่ 8 ในรายชื่อ USB HUB ยี่ห้อไหนดีนั่นก็คือ Belkin 6-in-1 ที่ครบเครื่องทุกการใช้งานแถมดีไซน์ยังสวยงามน่าพกพาอีกด้วย เพราะทั้งบางและเบา สีสันเรียบหรูดูแพง โดยมากับพอร์ต USB-C จำนวน 3 พอร์ต ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 5Gbps ตามมาด้วยพอร์ต HDMI ที่รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ 4K ที่ 30Hz, พอร์ต USB-C ที่รองรับเทคโนโลยี PD สูงสุด 60W มีช่องสำหรับ Card Reader รวมถึงพอร์ต Gigabit Ethernet ที่ช่วยเพิ่มความลื่นไหลในโลกออนไลน์ และยังรับประกันให้นานถึง 2 ปี อีกด้วย
9. USB HUB: BASEUS 4 in 1 Smart Converter
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์แบบทรงกลม สวยและใช้งานสะดวก | สายเคเบิลค่อนข้างสั้น |
| CE, RoHS และ FCC | ไม่มีพอร์ต HDMI |
| มีทั้งพอร์ต USB 3.0 และ USB 2.0 | |
| ผ่านการรับรอง |
BASEUS 4 in 1 Smart Converter อีกรุ่นจากยี่ห้อนี้ที่มากับความโดดเด่นด้านการออกแบบ โดยมากับดีไซน์แบบทรงกลม ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อได้จากหลายทิศทาง รุ่นนี้ผลิตด้วยวัสดุพลาสติก ABS ทนทานและระบายความร้อนได้ดี สายเคเบิลใช้วัสดุ TPE ปลอดภัยเพราะผ่านการรับรองจากทั้ง CE, RoHS และ FCC พอร์ตที่ให้มาประกอบด้วยพอร์ต USB 3.0 ที่ด้านบน 1 พอร์ต ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 5Gbps และพอร์ต USB 2.0 ที่ด้านข้างอีก 3 พอร์ต ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 480 Mbps มี 2 สีให้เลือกคือ สีดำและสีขาว
10. USB HUB: Wavlink High Speed USB 3.0
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| สวยงามทนทานด้วยวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ | กระแสไฟโดยรวมไม่ควรเกิน 5V/6A เพื่อความเสถียรในการทำงาน |
| มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต | |
| มีระบบป้องกันไฟรั่ว ไฟเกิน ไฟลัดวงจร | |
| ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 5Gbps |
ปิดท้ายรายชื่อ USB HUB ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Wavlink High Speed USB 3.0 ที่ต้องบอกว่าครบถ้วนทั้งงานออกแบบและประโยชน์ใช้สอย เรียบหรู ทนทานด้วยวัสดุอลูมิเนียมอัลลอยด์ ป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี น้ำหนักเบาพกพาสะดวก ใช้งานง่ายไม่ต้องลงไดร์ฟเวอร์ มีไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน มาพร้อมพอร์ต USB 3.0 จำนวน 4 พอร์ต ความเร็วสูงสุดในการถ่ายโอนข้อมูล 5Gbps ย้ายไฟล์ภาพยนตร์ระดับ HD ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังมีระบบป้องกันไฟรั่ว ไฟเกิน ไฟลัดวงจรช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอีกด้วย
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 รุ่น USB HUB จากแบรนด์ชั้นนำของวงการไม่ว่าจะเป็น Baseus, Vention, UGREEN, Dodocool, OWIRE, ORICO, TP-Link, Belkin, Wavlink ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละรุ่นก็มากับจุดเด่นของตัวเอง สนนราคาก็แตกต่างกันออกไปตามคุณสมบัติ โดยมีตั้งแต่หลักรอยไปจนถึงหลักพัน ส่วนการจะเลือก USB HUB ยี่ห้อไหนดีเอามาไว้ใช้งานนั้น ก็อยู่ที่เรามีความต้องการใช้งานพอร์ตมากน้อยแค่ไหน ประเภทและความเร็วของการถ่ายโอนที่ต้องการ ความเข้ากันได้ระหว่างอุปกรณ์ รวมถึงงบประมาณที่มีในกระเป๋าด้วยครับ
