Micro SD Card อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่มีความจำเป็นกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน, กล้องถ่ายรูป, แท็บเล็ต, กล้อง CCTV และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆ อีกมากมาย ข้อดีของการ์ดหน่วยความจำแบบนี้ก็คือมีขนาดเล็กแต่ความจุสูง พกพาง่าย ไม่เปลืองพื้นที่ของอุปกรณ์ โดยปัจจุบันแต่ละรุ่นก็มากับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ในยุคที่ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญในชีวิตทั้งภาพ เสียง และเอกสาร สำหรับใครที่กำลังมองหาไอเทมนี้อยู่แต่ยังไม่รู้จะเลือก Micro SD Card ยี่ห้อไหนดีและมีรุ่นไหนน่าสนใจ ตามมาเลยเพราะเรามีมาแนะนำกันอย่างจุใจถึง 10 รุ่นด้วยกัน
วิธีเลือก Micro SD Card
สำหรับ Micro SD Card นั้นแม้รูปแบบการใช้งานจะคล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งในการที่เราจะเลือกใช้เลือก Micro SD Card ยี่ห้อไหนดีนั้นมีหลายเรื่องที่เราต้องพิจารณาร่วมกันเพื่อให้ได้การ์ดหน่วยความจำที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุด โดยสิ่งที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจได้นั้นประกอบไปด้วย
1. เลือก Micro SD Card จากความจุที่ต้องการ
เรื่องแรกที่ถือว่าสำคัญในการเลือก Micro SD Card ก็คือความจุนั่นเอง โดยปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้อุปกรณ์นี้มีความจุให้เลือกอย่างหลากหลายตามความต้องการไล่ตั้งแต่ 8 GB, 16 GB, 32 GB, 64 GB, 128 GB, 256 GB, 512 GB 1 TB ไปจนถึง 2 TB เลยทีเดียว ทั้งนี้ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการจะเลือกMicro SD Card ยี่ห้อไหนดีหรือว่ารุ่นไหนเอามาใช้งานนั้นไม่ได้หมายความว่าต้องเลือกที่ความจุสูงๆ เอาไว้ก่อน เพราะบางครั้งอุปกรณ์ที่เราใช้อาจจะจำกัดความจุของ Micro SD Card ที่รองรับเอาไว้ เช่น รับได้แค่ 128 GB หรือ 216 GB หากซื้อมาแล้วใช้ไม่ได้จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
2. เลือก Micro SD Card จากความเร็วในการรับส่งข้อมูล
ข้อต่อมาที่ถือว่าสำคัญไม่แพ้กันก็คือการเลือก Micro SD Card จากความเร็วในการรับส่งข้อมูลการรับส่งข้อมูล ซึ่งสำหรับมือใหม่หัดเลือกอาจจะงงว่าต้องดูจากอะไร เพราะมีหลายมาตรฐานมาก สำหรับข้อนี้ให้เราสังเกตจากข้อมูลของสินค้าว่าสามารถรับส่งข้อมูลได้ที่กี่เม็กกะไบต์(MB) ต่อ วินาที (Per Second) หรือ MB/s ยิ่งสูงก็ยิ่งรับส่งข้อมูลได้เร็ว เช่น 10 MB/s, 30 MB/s, 60 MB/s, 90 MB/s โดยหากเป็นการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ถ้าเราเลือกแบบที่มีความเร็วสูงก็จะช่วยให้งานของเราเสร็จเร็วมากยิ่งขึ้น
3. เลือก Micro SD Card จากความเข้ากันได้ของอุปกรณ์
ไม่ใช่ว่าอุปกรณ์ทุกอย่างจะสามารถใช้งานร่วมกับ Micro SD Card ได้ โดยมักจะมีการระบุประเภทของการ์ดที่รองรับเอาไว้ในคู่มือการใช้งานอยู่แล้ว จึงควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ของเรานั้นสามารถใช้งานกับการ์ดประเภทใดได้บ้าง เพราะหากซื้อมาแล้วไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากจะเสียเงินแล้วยังเสียเวลาต้องมาหาซื้อใหม่หรือไม่ทันกับความต้องการใช้งาน ยิ่งกับการสั่งซื้อออนไลน์แล้วยิ่งต้องตรวจสอบให้แน่ใจมากยิ่งขึ้น
4. เลือก Micro SD Card จากคุณสมบัติพิเศษ
นอกจากเรื่องของความจุและความเร็วแล้ว Micro SD Card หลายรุ่นยังมีคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ที่จะมาเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงยืดอายุของการ์ดให้ยาวนานขึ้น อาทิ ความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่น กันกระแทก ทนต่อรังสี X-Ray สามารถจัดระเบียบไฟล์ผ่านแอปพลิเคชันของทางผู้ผลิตได้ มีระบบสำรองหรือกู้คืนข้อมูล ทนต่อความร้อนหรือระบายความร้อนได้ดี เป็นต้น
5. เลือก Micro SD Card จากยี่ห้อที่วางใจได้
การเลือก Micro SD Card จากยี่ห้อที่วางใจได้ เช่น Kingston, IMOU, Samsung, Transcend, SanDisk, Teclast, PNY, LULAE, Lexar หรือ Sony ซึ่งได้รับการยอมรับมานานในเรื่องของมาตรฐาน ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยี จะช่วยให้เราสามารถใช้งานได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้นเพราะส่วนใหญ่แบรนด์เหล่านี้มักมีการรับประกันสินค้าให้ในกรณีที่เกิดความเสียหายตามเงื่อนไข โดยเฉพาะกับรุ่นที่มีราคาแพง ดังนั้นการจะเลือกMicro SD Card ยี่ห้อไหนดีจึงควรตรวจสอบระยะเวลาและเงื่อนไขการรับประกันทุกครั้งเพื่อประโยชน์ของตัวเราเอง
Micro SD Card ยี่ห้อไหนดี
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า Micro SD Card นั้นมีรายละเอียดหลายอย่างที่ทำให้เราต้องใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้ได้รุ่นที่ตรงตามความต้องการใช้งานรวมถึงงบประมาณที่มีมากที่สุด และเพื่อไม่ให้คุณต้องเสียเวลามากนักเราเลยคัดเอา 10 รุ่นของ Micro SD Card รุ่นน่าสนใจจากแบรนด์ชั้นนำมาให้คุณใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจกัน
1. Micro SD Card: Kingston High Endurance 64 GB
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| จัดเก็บวิดีโอ FHD ได้สูงสุดถึง 10,000 ชั่วโมง | ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล อยู่ที่ 95/45MB/s |
| รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลาย | |
| ทนทานต่อสภาพอากาศเลวร้ายได้ดี | |
| รับประกันนาน 2 ปี |
มาเริ่มต้นรายชื่อ Micro SD Card ยี่ห้อไหนดีของเรากันด้วย Kingston High Endurance 64 GB ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์แถวหน้าของวงการที่หลายคนใช้แล้วไม่เปลี่ยนใจไปหายี่ห้ออื่น สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่สมบุกสมบัน กันน้ำกันกระแทก เหมาะกับการใช้งานกับกล้องติดรถยนต์หรือกล้องแนว Action Camera และอุปกรณ์ทั่วไป สามารถจัดเก็บวิดีโอความคมชัดระดับ FHD ได้สูงสุดถึง 10,000 ชั่วโมง ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล อยู่ที่ 95/45MB/s อุ่นใจมากขึ้นด้วยการรับประกันยาวนานถึง 2 ปี จากศูนย์ Synnex หรือถ้า 64 GB ไม่เพียงพอยังมีรุ่น 128 GB เอาไว้รองรับด้วย
2. Micro SD Card: IMOU 32 GB และ 64 GB
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในความจุ 32 GB และ 64 GB | ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 100 MB/s |
| ใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์ | พื้นที่เก็บข้อมูลจริงอาจน้อยกว่าที่ระบุเล็กน้อย |
| มีคุณสมบัติในการกันน้ำกันกระแทก | |
| รับประกันสินค้านาน 2 ปี |
ต่อกันเลยกับ Micro SD Card จาก IMOU แบรนด์ที่มีสินค้าเทคโนโลยีออกมาวางขายหลายอย่าง จับกลุ่มไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ สำหรับรุ่นนี้เป็นการ์ด MicroSDXC แบบ Class 10 ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดอยู่ที่ 100 MB/s มีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB และ 64 GB รองรับการใช้งานร่วมกับกล้องถ่ายรูป สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์อื่นๆ ทนทานเพราะมากับคุณสมบัติในการกันน้ำกันกระแทก ช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น และยังรับประกันให้อีก 2 ปีด้วย
3. Micro SD Card: Samsung EVO Plus
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่นความจุ 64 GB, 128 GB, 256 GB และ 512 GB | ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลสูงสุด 130 MB/s |
| ทนต่อเครื่องเอ็กซเรย์และสนามแม่เหล็ก | |
| รองรับวิดีโอ 4K | |
| รับประกันศูนย์นาน 10 ปี |
หากถามว่า Micro SD Card ยี่ห้อไหนดี Samsung EVO Plus คือหนึ่งในตัวเลือกที่น่ารับไว้พิจารณา วางใจได้ในเรื่องเทคโนโลยีเบื้องหลังการผลิต โดยมีให้เลือกใช้กันตามความต้องการทั้งรุ่น 64 GB, 128 GB, 256 GB และ 512 GB มีความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูลสูงสุด 130 MB/s พ่วงมาด้วยความเสถียรในการถ่ายโอนข้อมูล มีอะแดปเตอร์ SD มาให้เพื่อจะได้ใช้งานได้หลายอุปกรณ์ รองรับวิดีโอระดับ FHD และ 4K ปกป้องอย่างเหนือชั้นเพราะอยู่ในน้ำทะเลได้ถึง 72 ชม. ทนต่อเครื่องเอ็กซเรย์และสนามแม่เหล็ก ทนได้ทั้งความร้อนและความเย็น และยังกล้ารับประกันให้นานถึง 10 ปีอีกด้วย
4. Micro SD Card: Transcend High Endurance
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่น 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB | ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล อยู่ที่ 95/45MB/s |
| ทนทานต่อสภาพอากาศร้อนและเย็น | |
| มีระบบ RecoveRx ช่วยในการกู้คืนไฟล์ | |
| สินค้ารับประกันนาน 2 ปี |
มาต่อกันที่ Micro SD Card จาก Transcend รุ่น High Endurance ที่มากับความทนทานเป็นพิเศษทั้งกันกระแทก ทนต่ออากาศร้อนและเย็น ช่วยปกป้องข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกในรุ่น 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB ความเร็วในการอ่าน/เขียนข้อมูล อยู่ที่ 95/45MB/s สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายทั้งกล้องถ่ายรูป สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องติดหน้ารถยนต์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบ RecoveRx เอาไว้ช่วยในการกู้คืนไฟล์ และ Error Correcting Code สำหรับแก้ไขความผิดพลาดของไฟล์ รุ่นนี้รับประกันให้นาน 2 ปี
5. Micro SD Card: SanDisk Ultra
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีความจุให้เลือกหลากหลายตามต้องการ | ควรทำการ Format ก่อนใช้งาน |
| ใช้งานกับอุปกรณ์ได้หลายอย่าง | ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 100 MB/s |
| รองรับแอปพลิเคชัน SanDisk Memory Zone เพื่อจัดการไฟล์ | |
| รับประกันนาน 7 ปี |
เมื่อพูดถึง Micro SD Card ยี่ห้อไหนดีจะขาด SanDisk ไปได้อย่างไร ซึ่งเจ้า SanDisk Ultra ก็ไม่ทำให้ผิดหวังด้วยประสิทธิภาพในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุดถึง 100 MB/s สามารถใช้บันทึกและเก็บข้อมูลได้ทั้งเอกสาร ไฟล์ภาพนิ่ง เพลง คลิปวิดีโอความคมชัดระดับ Full HD ใช้งานได้กับหลายอุปกรณ์ทั้งกล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ กล้องถ่ายรูป สมาร์ทโฟน มีความจุให้เลือกหลากหลายตั้งแต่ 4 GB ไปจนถึง 256 GB รองรับแอปพลิเคชัน SanDisk Memory Zone เพื่อใช้จัดการไฟล์ผ่านสมาร์ทโฟน และยังรับประกันนานถึง 7 ปีจากศูนย์ Synnex อีกด้วย
6. Micro SD Card: PNY Pro Elite
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมความจุ 256 GB | ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 100 MB/s |
| รองรับ 4K Ultra-HD | |
| รองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย | |
| รับประกันตลอดการใช้งาน |
PNY Pro Elite เป็นอีกรุ่นของ Micro SD Card คุณภาพ ที่ช่วยในการเก็บข้อมูลสำคัญจากอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Action Camera สมาร์ทโฟน กล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ รองรับข้อมูลระดับ 4K Ultra-HD ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 100 MB/s โดยมากับความจุ 256 GB เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป ที่สำคัญคือมีการรับประกันสินค้าตลอดอายุการใช้งาน(สอบถามเงื่อนไขจากผู้ขาย) ใครที่กำลังมองหา Micro SD Card ความจุประมาณนี้เอาไว้ใช้รุ่นนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
7. Micro SD Card: LULAE Micro SDHC Card
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่นความจุ 16 GB, 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB | ไม่มีคุณสมบัติในการกันน้ำ |
| สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของอุปกรณ์ |
| รองรับการใช้งานที่หลากหลาย | |
| สินค้ารับประกันนาน 1 ปี |
มาถึง Micro SD Card อย่าง LULAE Micro SDHC Card อีกตัวเลือกมาแรงในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป สามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน กล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด เครื่องเล่นเกม รองรับทั้งไฟล์เอกสาร ภาพถ่าย เพลง คลิปวิดีโอ เป็น Micro SDHC Card แบบ Class 10 อ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มีให้เลือกในรุ่นความจุ 16 GB, 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB โดยสินค้ารับประกันนาน 1 ปี
8. Micro SD Card: Lexar High Performance with SD Adapter
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่น 32 GB, 64 GB, 128 GB, 256 GB, 512 GB และ 1 TB | ความเร็วในการถ่ายโอนสูงสุดที่ 100MB/s |
| ใช้งานกับกล้อง Action Camera ได้ดี | ควรเลือกความจุให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ |
| ที่มาพร้อม SD Adapter | |
| รับประกันตลอดอายุการใช้งาน |
ใครยังไม่รู้จะเลือก Micro SD Card ยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำ Lexar High Performance ที่มาพร้อม SD Adapter ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน เป็นการ์ดแบบ UHS-I Class 10 มีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB, 64 GB, 128 GB, 256 GB, 512 GB และ 1 TB สามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะ มีความเร็วในการถ่ายโอนสูงสุดที่ 100MB/s รองรับวิดีโอ 4K, ไฟล์ 3D, เพลง, ภาพถ่าย, ไฟล์มัลติมีเดีย โดยรุ่นนี้นอกจากใช้งานกับอุปกรณ์ทั่วไปได้แล้วยังมีความทนทานเป็นพิเศษเหมาะกับการใช้ในกล้อง Action Camera ผ่านการทดสอบจาก Lexar Quality Labs ในอุปกรณ์มากกว่า 1,100 เครื่อง และยังรับประกันตลอดอายุการใช้งานอีกด้วย
9. Micro SD Card: SanDisk Extreme Pro
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB | ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 170MB/s |
| รองรับแอปพลิเคชัน SanDisk Memory Zone | ควรเลือกความจุให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ |
| รองรับวิดีโอ 4K Ultra HD | |
| รับประกันตลอดอายุการใช้งานจาก SYNNEX |
SanDisk Extreme Pro อีกรุ่นของ Micro SD Card จากแบรนด์นี้ที่น่าใช้ โดยเป็นแบบ Class 10 ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึง 170MB/s มีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB, 64 GB, 128 GB และ 256 GB เป็น Micro SD Card ประสิทธิภาพสูง รองรับวิดีโอ 4K Ultra HD เล่นไฟล์ได้อย่างลื่นไหล ใช้ได้กับอุปกรณ์หลายอย่างทั้งแท็บเล็ต สมาร์ทโฟน กล้องถ่ายรูป กล้องติดรถยนต์ จุดเด่นคือรองรับแอปพลิเคชัน SanDisk Memory Zone ช่วยในการจัดการไฟล์ สามารถดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ RescuePRO Deluxe ในการกู้คืนไฟล์ได้ และยังรับประกันตลอดอายุการใช้งานจาก SYNNEX อีกด้วย
10. Micro SD Card: Sony Ultra
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB, 64 GB และ 128 GB | ระยะเวลารับประกันแค่ 3 เดือน |
| มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันรังสี X-Ray | ความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 90MB/s |
| ใช้ได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลาย | |
| ทนต่ออากาศร้อนและเย็นได้ดีตั้งแต่ -13 ถึง 185 องศา |
ปิดท้ายรายชื่อ Micro SD Card ยี่ห้อไหนดีกันด้วย Sony Ultra อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจากแบรนด์อิเล็กทรอนิกส์แถวหน้าอีกรายที่มากับคุณสมบัติที่น่าสนใจหลายอย่างด้วยกัน โดยมีให้เลือกในรุ่นความจุ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ใช้ได้กับกล้องถ่ายรูป กล้องวงจรปิด กล้องติดรถยนต์ สมาร์ทโฟน ลำโพง หูฟัง และอีกมากมาย มีความเร็วการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 90MB/s รองรับไฟล์หลายประเภท รุ่นนี้ทนทานต่ออากาศร้อนและเย็นระหว่าง -13 ถึง 185 องศา มีคุณสมบัติในการกันน้ำ กันรังสี X-Ray กันกระแทก ช่วยยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปแล้วกับ 10 รุ่น Micro SD Card ที่เราคัดมาจากแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Kingston, IMOU, Samsung, Transcend, SanDisk, Teclast, PNY, LULAE, Lexar และ Sony โดยมาในความจุที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสมกับอุปกรณ์ของตัวเอง ในช่วงราคาที่เลือกได้ตามต้องการ ซึ่งการจะเลือกMicro SD Card ยี่ห้อไหนดีหรือว่ารุ่นไหนนั้นสิ่งสำคัญก็คือต้องดูว่าปริมาณข้อมูลที่เราจะจัดเก็บนั้นมีมากน้อยแค่ไหน และการ์ดรุ่นนั้นใช้ได้กับอุปกรณ์ของเราหรือไม่ ลองดูว่าใน 10 รุ่นนี้มีรุ่นไหนบ้างที่น่าจะตรงตามความต้องการของคุณมากที่สุด
