ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี เราคัดมาให้เลือกหลายช่วงราคา 2024

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
ภาพจาก pixabay.com

ในปัจจุบันหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายกันมากขึ้น แต่สำหรับบางคนที่อยากออกกำลังกายแต่มีข้อจำกัดต่างๆ ทั้งไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ทำงานตั้งแต่เช้ากลับมาถึงบ้านก็มืด ไม่อยากออกไปเสี่ยงกับเชื้อโรคนอกบ้าน การมีอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายเอาไว้ที่บ้านกันสักเครื่องก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว ซึ่งหนึ่งในอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้ที่เลือกออกกำลังกายกันที่บ้านก็คือ “ลู่วิ่งไฟฟ้า” นั่นเอง เพราะเป็นเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ติดตั้งไม่ยาก ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ต้องออกไปข้างนอกให้เสียเวลา เพียงแค่ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงขึ้นไปไม่ว่าจะวิ่งหรือเดินบนลู่วิ่งไฟฟ้า ก็ทำให้เราสามารถออกกำลังกายกันได้แล้ว

สำหรับใครที่กำลังมองหาลู่วิ่งไฟฟ้ามาใช้งานกันที่บ้าน แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี วันนี้เราก็มีวิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่เหมาะสำหรับคุณมาแนะนำ พร้อมทั้งได้ทำการคัดเลือก 10 รายชื่อลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นที่น่าสนใจจากหลากหลายยี่ห้อในหลายช่วงราคาอีกด้วย

วิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า

ก่อนที่จะไปดูว่าลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ เราก็มีวิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าให้เหมาะสมสำหรับความต้องการใช้งานมาฝากกัน เพื่อที่จะได้เลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีความเหมาะสมและมีคุณสมบัติตรงกับความต้องการใช้งานของคุณให้ได้มากที่สุด โดยข้อควรพิจารณาสำหรับการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าก็มีดังนี้

1. เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าจากมอเตอร์

มอเตอร์เป็นส่วนประกอบสำคัญของลู่วิ่งไฟฟ้า มีหน่วยเป็นแรงม้า (Horse Power หรือ HP) ยิ่งกำลังมอเตอร์มาขึ้นเท่าไหร่ นั่นก็แปลว่าลูกวิ่งไฟฟ้าสามารถรับน้ำหนักและทำความเร็วสูงสุดได้มากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งถ้าหากเป็นการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ามาไว้ใช้งานกันที่บ้านตามปกติ ก็แนะนำให้เลือกมอเตอร์ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นชนิด DC ที่มีแรงม้าอยู่ระหว่าง 1.5 – 3 .0 แต่ถ้าหากเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าระดับที่ใช้ในฟิตเนสหรือโรงยิม ก็จะเป็นมอเตอร์ชนิด AC ที่มีความทนทานมากกว่า คุณภาพดีกว่า ที่มีกำลังตั้งแต่ 4 แรงม้าขึ้นไป แต่ก็มีราคาแพงมากกว่าด้วยเช่นกัน ดังนั้นการซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ามาไว้ใช้ในบ้านก็ แนะนำให้เลือกเป็นมอเตอร์แบบ DC ก็เพียงพอแล้ว

2. เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าจากขนาด

หลายคนสั่งซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ามาแต่ก็ไม่ได้ดูขนาดของพื้นที่ว่าเพียงพอสำหรับการติดตั้งลู่วิ่งไฟฟ้าหรือไม่ จนในบางครั้งก็ทำให้ต้องมีการย้ายข้าวของจัดให้วุ่นวายเพื่อหาที่วางลู่วิ่งไฟฟ้า ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าก็ควรที่จะตรวจสอบดูว่าลู่วิ่งที่เราสนใจนั้นมีขนาดเป็นอย่างไร พื้นที่ว่างบริเวณบ้านที่เราจะติดตั้งลู่วิ่งนั้นเพียงพอหรือไม่ แต่ถ้าหากมีพื้นที่ว่างเพียงพอก็แนะนำให้เน้นไปที่ขนาดของลู่วิ่ง เพราะยิ่งถ้าหากสายพานลู่วิ่งมีขนาดใหญ่ทั้งความกว้างและความยาว ก็จะทำให้เราสามารถมีพื้นที่ในการวิ่งออกกำลังกายได้สบายตัวมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ก็ควรดูด้วยว่าเมื่อไม่มีการใช้งานลู่วิ่งแล้วสามารถพับเก็บได้หรือไม่ เพราะลู่วิ่งเป็นเครื่องออกกำลังกายที่มีขนาดใหญ่และค่อนข้างกินพื้นที่ ดังนั้นถ้าหากสามารถพับเก็บได้ก็จะช่วยประหยัดพื้นที่ได้มากขึ้น

3. เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าจากความสามารถในการรับน้ำหนัก

ลู่วิ่งไฟฟ้าเป็นเครื่องออกกำลังกายที่จะต้องมีการรับน้ำหนักของเราไปทั้งตัว รวมไปถึงน้ำหนักรวมแรงกดที่มีการวิ่งลงไปในแต่ละครั้งอีกด้วย ดังนั้นจึงควรเช็คน้ำหนักสูงสุดที่ลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถรับได้กันดูก่อนว่าครอบคลุมน้ำหนักตัวของผู้ใช้งานหรือไม่ เพราะถ้าหากลูกวิ่งรับน้ำหนักมากเกินความสามารถก็จะทำให้ตัวมอเตอร์และสายพานนั้นทำงานหนักมากเกินไปจนเกิดการชำรุดเสียหายขึ้นมาได้ ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งานมีน้ำหนักตัวปกติ ก็แนะนำให้เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่สามารถรองรับน้ำหนักผู้ใช้งานได้ตั้งแต่ 100 กิโลกรัมขึ้นไปก็เพียงพอแล้ว แต่สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนก็แนะนำให้เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่สามารถรองรับน้ำหนักได้มากกว่านั้น

4. เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าจากคุณสมบัติ

คุณสมบัติต่างๆ ของลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ควรจะต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี มีดังนี้

  • ความเร็วสูงสุดที่สามารถทำได้ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องดูว่าความสามารถในการวิ่งของเรานั้นเต็มที่แล้วอยู่ที่กี่กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งอาจจะไปลองทดสอบที่ฟิตเนสกันดูก่อนว่าเป็นอย่างไร จะได้ซื้อลู่วิ่งไฟฟ้าที่สามารถทำความเร็วที่รองรับกับความสามารถในการวิ่งของเราได้
  • การปรับองศาความชัน เป็นการปรับลู่วิ่งให้มีความชันขึ้นมาคล้ายกับการวิ่งขึ้นเนิน เพื่อเพิ่มความเข้มข้นในการออกกำลังกายให้มากขึ้น ซึ่งก็มีให้เลือกทั้งการปรับด้วยมือ โดยจะต้องทำการปรับก่อนทำการวิ่งและไม่สามารถเปลี่ยนในระหว่างใช้งานได้ และการปรับความชันแบบไฟฟ้า ที่เป็นระบบการปรับความชันแบบอัตโนมัติ สามารถปรับขึ้นลงได้ในขณะกำลังใช้งาน
  • ระบบลดแรงกระแทก แน่นอนว่าการออกกำลังกายด้วยการวิ่งย่อมต้องเกิดแรงกระแทกบริเวณเข่าและข้อเท้าด้วยกันทั้งนั้น ดังนั้นจึงควรเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มาพร้อมระบบลดแรงกระแทกเพื่อช่วยให้เราสามารถออกกำลังกายบนลู่วิ่งได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และยังทำให้สามารถวิ่งได้นานขึ้นด้วย
  • โปรแกรมการวิ่ง โดยทั่วไปลู่วิ่งไฟฟ้าก็จะมีหน้าจอซึ่งจะมีปุ่มปรับตั้งค่าต่างๆ รวมไปถึงมีโปรแกรมวิ่งให้เลือกใช้งาน มากน้อยแตกต่างกันออกไปตามราคา ซึ่งถ้าหากเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีราคาแพงก็อาจจะมาพร้อมกับหน้าจอแบบสัมผัสที่มีโปรแกรมการวิ่งให้เลือกหลากหลาย มีลูกเล่นเยอะ และสามารถสร้างโปรแกรมการวิ่งได้ด้วยตนเอง สามารถช่วยเพิ่มความสนุกและความท้าทายในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี

5. เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีการรับประกันและบริการหลังการขาย

แน่นอนว่าลู่วิ่งไฟฟ้านั้นเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดการชำรุดเสียหายได้ โดยเฉพาะตัวมอเตอร์และตัวเครื่อง ดังนั้นสิ่งสำคัญในการเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการรับประกันและบริการหลังการขายนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วก็จะมีการรับประกันตัวลู่วิ่งประมาณ 1 ปี และรับประกันมอเตอร์ 5 ปี ซึ่งแนะนำให้เลือกเป็นบริการแบบ On-Site Service ที่มีเจ้าหน้าที่มาบริการดูแลให้ถึงบ้านเมื่อเกิดปัญหาจะเป็นการดีที่สุด

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี

ได้ทราบกันไปแล้วว่า การจะเลือก ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี หรือว่ารุ่นไหนนั้น มีสิ่งใดบ้างที่เราต้องพิจารณา คราวนี้เรามาเข้าสู่การแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้ารุ่นที่น่าสนใจกันเลย โดยเราคัดมาให้หลากหลายช่วงราคาด้วยกัน

1. ลู่วิ่งไฟฟ้า MERRIRA รุ่น MX-1000

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า MERRIRA รุ่น MX 1000
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
มอเตอร์แบบ 5 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 22 กม./ชม ปรับความชันอัตโนมัติรับน้ำหนักได้สูงสุด 150 กิโลกรัม
พับเก็บได้ด้วยระบบ Hydraulic Soft Dropรับประกันสินค้า 1 ปี (เฉพาะมอเตอร์ 7 ปี)
ระบบลดแรงกระแทกแบบโช้คคู่ ช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 70%
หน้าจอ LED แสดงข้อมูลครบถ้วน พร้อมโปรแกรมออกกำลังกายถึง 16 โปรแกรม

มาเริ่มต้นการแนะนำ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี กันที่ MERRIRA รุ่น MX-1000 ลู่วิ่งไฟฟ้าที่สามารถเชื่อมต่อบลูทูธเข้ากับมือถือเพื่อเล่นเกมวิ่งออนไลน์เสมือนจริง ZWIFT เพื่อความเพลิดเพลินในการออกกำลังกาย ปรับความเร็วและความชันได้อัตโนมัติได้อย่างสะดวกเพียงแค่กดปุ่ม มีหน้าจอ LED แสดงข้อมูลครบถ้วน พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกาย 16 โปรแกรม และเทคโนโลยี Double Cross Shock Absorption ช่วยลดแรงกระแทกที่ข้อเท้าและหัวเข่าในขณะวิ่ง

2. ลู่วิ่งไฟฟ้า Van Burgh รุ่น VB5009

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า Van Burgh รุ่น VB5009
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
มอเตอร์ 3 แรงม้า ทำความเร็วได้ 0.8-10 กม./ชม ปรับความชันอัตโนมัติไม่มีระบบกันกระแทก รับน้ำหนักได้สูงสุด 90 กิโลกรัม
มีโปรแกรมออกกำลังกายอัตโนมัติ P1-P12 เลือกใช้งานได้ตามความต้องการรับประกันสินค้า มอเตอร์ 6 เดือน
หน้าจอ LED แสดงข้อมูลการออกกำลังกาย
มีช่องต่อ AUX และช่องเสียบ USB

สำหรับลู่วิ่งไฟฟ้า Van Burgh รุ่น VB5009 นี้เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าราคาเบาๆ ขนาดกะทัดรัดเหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็ก ด้วยมอเตอร์กำลัง 3 แรงม้าที่ทำงานเงียบ มาพร้อมฟังชันการออกกำลังกายพื้นฐานที่ครบครันไม่ว่าจะเป็นการปรับความชันอัตโนมัติ การปรับความเร็ว และโปรแกรมการออกกำลังกายให้เลือกได้ตามความเหมาะสม พร้อมหน้าจอแสดงผล LED ที่แสดงข้อมูลการออกกำลังกายมาไว้ให้อย่างครบครัน

3. ลู่วิ่งไฟฟ้า Horizon Treadmill รุ่น ELITE T5.1

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า Horizon Treadmill รุ่น ELITE T5.1
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ 3 แรงม้า ทำความเร็ว 0.8 – 20 กม./ชมรับน้ำหนักได้สูงสุด 152 กิโลกรัม
ระบบลดแรงกระแทก Variable Cushioning Systemรับประกันสินค้า 1 ปี แบบ on-site Service
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกายถึง 19 โปรแกรม
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth

ใครที่อยากได้ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ได้มาตรฐาน แข็งแรงทนถึก เหมาะสำหรับนักวิ่งมืออาชีพ ก็ขอแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้า Horizon Treadmill รุ่น ELITE T5.1 รุ่นนี้กันเลย มาพร้อมเทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเพื่อการออกกำลังกายที่ดียิ่งขึ้น ช่วยลดอาการบาดเจ็บและอุบัติเหตุในการออกกำลังกาย มีโปรแกรมการออกกำลังกายให้เลือกอย่างหลากหลาย รองรับการเชื่อมต่อเพื่อความบันเทิงในขณะออกกำลังกาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในชีวิตได้อย่างลงตัว

4. ลู่วิ่งไฟฟ้า eBuy ลู่วิ่งพับได้

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า eBuy ลู่วิ่งพับได้
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับได้ มอเตอร์ 3.5 แรงม้า ทำความเร็ว 1-10 กม./ชมโปรแกรมเป็นภาษาจีน
ใช้วัสดุที่มีความหนาแน่นสูงช่วยดูดซับแรงกระแทกในขณะวิ่งรับประกันสินค้า 3 เดือนจากผู้ขาย
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล
ปรับความชันอัตโนมัติ

สำหรับรุ่นนี้เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ที่สามารถพับเก็บได้อย่างสะดวกเพื่อประหยัดพื้นที่ ใช้วัสดุที่มีความหนาแน่นสูงช่วยดูดซับแรงกระแทกในขณะวิ่ง เหมาะสำหรับผู้ที่อยากออกกำลังกายอยู่กับบ้านแต่มีพื้นที่จำกัด ซึ่งการใช้งานก็จะค่อนข้างเรียบง่ายก็คือสามารถปรับความเร็วและความชันได้เพื่อออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นหลังอาหาร การวิ่งจ๊อกกิ้งเบาๆ หรือวิ่งที่ความเร็วมากขึ้นเพื่อเผาผลาญไขมันส่วนเกิน ใครยังไม่รู้จะเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี รุ่นนี้ก็น่ารับไว้พิจารณา

5. ลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX F1

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX F1
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ AC 5 แรงม้า ทำความเร็ว 1 – 20 กม./ชมรับน้ำหนักได้สูงสุด 170 กิโลกรัม
ระบบโช้คตัวใหญ่เป็นพิเศษ ช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 70%รับประกันสินค้า 1 ปี (เฉพาะมอเตอร์ 7 ปี)
หน้าจอ LED 7.5 นิ้ว พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกาย 12 โปรแกรม
รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย App เทรนเนอร์ส่วนตัว

สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายอยู่เป็นประจำแล้วอยากได้รูปวิ่งไฟฟ้าที่สามารถออกกำลังกายได้นานยิ่งขึ้น ขอแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX F1 ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์แบบ AC ที่มาพร้อมมอเตอร์ 5 แรงม้าที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 20 กม./ชม ปรับความชันได้ถึง 20 ระดับ ระบบโช้คตัวใหญ่เป็นพิเศษ ช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 70% มีหน้าจอ LED 7.5 นิ้ว พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกาย 12 โปรแกรม และยังรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนด้วย App เทรนเนอร์ส่วนตัวอีกด้วย

ก็แนะนำให้เลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์แบบ AC ในรุ่นนี้กันเลย ด้วยมอเตอร์ 5 แรงม้าที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 20 กม./ชม ปรับความชันได้ถึง 20 ระดับ พร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานที่ทันสมัยสำหรับคนยุคใหม่ และโปรแกรมการออกกำลังกายที่มีให้เลือกถึง 12 แบบ

6. ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmill
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบพับเก็บได้ 1.25 แรงม้า ทำความเร็ว 1.0-15 กม./ชมรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กิโลกรัม
รองรับการเชื่อมต่อกับแอป Zwift และซิงค์เข้ากับนาฬิกา Amazfit และ Mi Band ได้รับประกันสินค้า 1 ปี
ติดตั้งโช้คอัพจำนวน 8 ตัวเพื่อกระจายแรงกระแทก
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมลำโพง JBL 2 ตัวแบบบิ้วท์อิน ให้เสียงรอบทิศทาง

ผ่านมาแล้วครึ่งทางสำหรับรายชื่อแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี มาต่อกันที่ Amazfit Airrun Smart Treadmill ลู่วิ่งไฟฟ้าอัจฉริยะแบบพับเก็บได้สไตล์มินิมอล ที่ตอบโจทย์การใช้งานคนยุคใหม่ได้ด้วยฟังก์ชันการใช้งานอันทันสมัย พร้อมลำโพง JBL ที่ให้เสียงกระหึ่มมอบความบันเทิงในขณะออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี พร้อมระบบดูดซับแรงกระแทก และสามารถซิงค์ข้อมูลอัตราการเต้นของหัวใจกับนาฬิกา Amazfit และMi Band ได้

7. ลู่วิ่งไฟฟ้า OVICX รุ่น Q2S Plus

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า OVICX รุ่น Q2S Plus
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้าแบบพับเก็บได้ มอเตอร์ 3 แรงม้า ทำความเร็ว 1-14 กม./ชมไม่มีระบบปรับความชัน
มีระบบดูดซับแรงกระแทกรับประกันสินค้า 1 ปี
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมปุ่มควบคุม
มีระบบกันสะเทือนที่ทำให้ไม่เกิดเสียงดังในขณะวิ่ง

ใครที่อยากได้ลู่วิ่งแบบพับเก็บได้ประหยัดเนื้อที่ในการใช้งาน มาไว้สำหรับการออกกำลังกายตามปกติอย่างเช่นเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย ลู่วิ่งไฟฟ้า OVICX รุ่น Q2S Plus อาจถูกใจคุณก็ได้ โดยเป็นลู่วิ่งที่จะเปลี่ยนบ้านของคุณให้กลายเป็นฟิสเนสได้อย่างรวดเร็ว มีระบบกันสะเทือนที่ทำให้ไม่เกิดเสียงดังในขณะวิ่ง พร้อมด้วยระบบดูดซับแรงกระแทกที่ช่วยปกป้องข้อเท้าและหัวเข่าในขณะออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น เพื่อสุขภาพที่ดีในทุกวัน

8. ลู่วิ่งไฟฟ้า B&G รุ่น MT900

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า BG รุ่น MT900
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ 3 แรงม้า ทำความเร็ว 1-10 กม./ชมรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กิโลกรัม
สามารถพับเก็บได้เพื่อประหยัดพื้นที่และสะดวกในการเคลื่อนย้ายรับประกันสินค้า 3 เดือน
สามารถดูดซับแรงกระแทกได้ดี ช่วยลดอาการบาดเจ็บในขณะออกกำลังกาย
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB สำหรับฟังเพลง

สำหรับรุ่นนี้ก็เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่จำกัด หรือบ้านที่มีพื้นที่ในการจัดวางน้อย ด้วยลู่วิ่งที่มีความกว้าง 51 cm จึงสามารถจัดวางเพื่อหาหามุมออกกำลังกายได้ไม่ยาก มาพร้อมสายพานลู่วิ่งคุณภาพสูงที่ช่วยดูดซับแรงกระแทก และลดแรงกระแทกได้ดีจึงไม่เกิดเสียงดังในขณะออกกำลังกาย ลดอาการบาดเจ็บในขณะออกกำลังกาย มีหน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมช่องเชื่อมต่อ AUX และ USB สำหรับฟังเพลง ตอบโจทย์สำหรับผู้ที่รักสุขภาพและอยากออกกำลังกายที่บ้านได้อย่างลงตัว

9. ลู่วิ่งไฟฟ้า Dobetters รุ่น T910

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า Dobetters รุ่น T910
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ 4 แรงม้า ทำความเร็ว 0.8-14 กม./ชมรับน้ำหนักได้สูงสุด 130 กิโลกรัม
รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อดูหนังฟังเพลงในขณะออกกำลังกายได้รับประกันสินค้า 1 ปี
มีระบบลดแรงกระแทกลดเสียงรบกวน
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกาย

ใครที่อยากได้ไฟฟ้าที่มีพื้นที่การวิ่งกว้างมากขึ้น ขอแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้า Dobetters รุ่น T910 มาพร้อมกับสายพานวิ่งที่กว้างถึง 62 เซนติเมตร มอบพื้นที่ในการออกกำลังกายได้มากกว่า มีระบบกันสะเทือนแบบล้อ 16 ระดับที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกและแรงสั่นสะเทือน ให้เสียงที่เงียบมากขึ้น มีหน้าจอ LED แสดงข้อมูล และโปรแกรมการออกกำลังกาย พร้อมรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi เพื่อรับฟังและรับชมความบันเทิงในขณะออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี

10. ลู่วิ่งไฟฟ้า Thai Sun Sport รุ่น TA07

ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ลู่วิ่งไฟฟ้า Thai Sun Sport รุ่น TA07
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ลู่วิ่งไฟฟ้า มอเตอร์ 2 แรงม้า ทำความเร็ว 0.8-12 กม./ชมผู้ซื้อต้องประกอบสินค้าเอง โดยมีคู่มือประกอบการติดตั้งและใช้งานมาให้
ปรับความชันได้อัตโนมัติรับประกันสินค้า 1 ปี รับประกันมอเตอร์ 5 ปี
ระบบลดแรงกระแทกแบบโช้คคู่ ช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 70%
หน้าจอ LED แสดงข้อมูล พร้อมโปรแกรมการออกกำลังกายถึง 16 โปรแกรม

ปิดท้ายการแนะนำลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี กันที่ Thai Sun Sport รุ่น TA07 ลู่วิ่งไฟฟ้าราคาเบาๆ ขนาดเล็กไม่เปลืองพื้นที่ มาพร้อมมอเตอร์กำลัง 2 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 12 กม./ชม มีระบบลดแรงกระแทกแบบโช้คคู่ Double Shock Absorption ช่วยลดแรงกระแทกได้ถึง 70% พร้อมฟังก์ชันพื้นฐานครบครันไม่ว่าจะเป็นการปรับระดับความเร็วและความชัน มีหน้าจอแสดงผล LED ที่แสดงข้อมูลการออกกำลังกายมาไว้ให้อย่างครบถ้วน และมีช่อง AUX, USB สำหรับเชื่อมต่อเพื่อฟังเพลงผ่านสมาร์ทโฟนได้

บทส่งท้ายจากผู้เขียน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับลู่วิ่งไฟฟ้าทั้ง 10 รุ่นในรายชื่อลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีที่เราคัดมาหลากหลายแบรนด์ ซึ่งต้องบอกว่ามีทั้งแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และแบรนด์จากจีนที่หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยแต่ก็สามารถใช้งานได้ดี และก็มีราคารวมไปถึงคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก่อนที่จะตัดสินใจซื้อลู่วิ่งไฟฟ้ายี่ห้อไหนดีนั้นแนะนำให้ลองพิจารณาดูจากวิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้าที่เราได้ทำการแนะนำไปแล้วในข้างต้นเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพื่อที่จะได้ลู่วิ่งไฟฟ้าที่ตอบโจทย์การออกกำลังกายได้อย่างเหมาะเจาะลงตัวมากที่สุด

หมวดหมู่