เพราะสภาพอากาศ มลภาวะ และแสงแดดอันรุนแรงของประเทศไทยที่เราต้องเผชิญในแต่ละวันนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผิวของเราถึงถูกทำร้ายรุนแรงได้ ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีสภาพที่มันเยิ้ม เป็นสิวง่ายจะทำให้หลายคนรู้สึกกังวลเป็นอย่างมากแล้ว อีกหนึ่งปัญหาผิวที่ทำหลายคนหนักใจเพราะยากต่อการดูแลรักษานั้นก็คือ “ฝ้า” “กระ” และ “จุดด่างดำ” นั่นเอง
โดยการรักษาปัญหาเหล่านี้ที่ดีที่สุดนั้นก็คือการเลเซอร์ แต่ถ้าเงินในกระเป๋าหรือในบัญชีของคุณยังไปไม่ถึงจุดนั้นล่ะก็ เราขอแนะนำให้ลองมองหาสกินแคร์ความงามทั้งหลายที่ช่วยจัดการฝ้ากระ และจุดด่างดำไปพลาง ๆ ก่อนจะดีกว่า โดยเฉพาะ “ครีมทาฝ้า” ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความกระจ่างใสเรียบเนียนแก่ผิวอีกด้วย แต่ครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนน่าซื้อมาลองใช้บ้างนั้น ตามเราไปดูกันเลย
วิธีเลือกครีมทาฝ้า
ต้องบอกว่าครีมทาฝ้าที่มีขายทั้งหน้าร้าน และร้านค้าออนไลน์นั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งก็ต้องพิถีพิถันในการเลือกกันหน่อย เพื่อผลลัพธ์ที่น่าพอใจ รวมถึงความปลอดภัยด้วย โดยสิ่งที่เราต้องพิจารณาในการที่จะเลือกครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดีนั้น ประกอบไปด้วย
1. เลือกซื้อครีมทาฝ้าจากส่วนผสมสำคัญ
เพราะฝ้า กระ หรือจุดด่างดำนั้นเกิดขึ้นได้จากความผิดปกติของเม็ดสีผิว ฉะนั้นส่วนผสมที่คุณควรมองหาเวลาเลือกซื้อครีมทาฝ้า จึงจำเป็นต้องลองดูที่ส่วนผสมสำคัญในครีมทาฝ้ายี่ห้อนั้นๆ ว่ามีอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็น Arbutin, Tranexamic Acid, Niacinamide, วิตามิน C รวมถึงกรดผลไม้ต่างๆ อย่าง AHA LHA PHA เป็นต้น
2. เลือกซื้อครีมทาฝ้าจากเนื้อสัมผัสที่เหมาะกับสภาพผิว
เพื่อประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำอย่างมีประสิทธิภาพ อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยคุณเลือกซื้อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี ก็คือดูว่าเนื้อสัมผัสของครีมทาฝ้ายี่ห้อนั้นๆ เหมาะกับสภาพผิวของเราหรือไม่ เช่น หากคุณมีสภาพผิวมัน ครีมทาฝ้าที่เลือกซื้อก็ควรมาในรูปแบบของเนื้อเซรั่มที่บางเบา สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวรวดเร็ว ไม่ทิ้งคราบหรือความเหนอะหนะ แต่ถ้าคุณมีสภาพผิวแห้ง แนะนำเลือกซื้อครีมทาฝ้าที่มีเนื้อครีมเข้มข้น เพื่อการบำรุงผิวอย่างล้ำลึก และมองหาส่วนผสมช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวร่วมด้วย
3. เลือกซื้อครีมทาฝ้าจากยี่ห้อที่วางใจได้
การเลือกครีมทาฝ้า หรือเครื่องสำอาง จากแบรนด์ที่ได้มาตรฐาน อาทิ Provamed, KA, Melamii, Himalaya, KIEHL’s, NIVEA, Clinique, OLAY หรือ Yanhee เป็นต้น จะช่วยให้เราวางใจได้ในเบื้องต้นถึงคุณภาพและความปลอดภัย ทั้งนี้ต้องไม่ลืมตรวจสอบวันหมดอายุทุกครั้ง รวมถึงซื้อจากร้านค้าที่มั่นใจได้ โดยหากเป็นการสั่งซื้อออนไลน์ก็ควรอ่านรีวิวร่วมด้วย หรือเลือกจากร้านค้าทางการของแบรนด์
ครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี
ได้ทราบกันไปแล้วว่าการจะเลือกซื้อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดีนั้น มีสิ่งใดบ้างที่เราต้องพิจารณา คราวนี้เรามาเข้าสู่การแนะนำรายชื่อของครีมทาฝ้าที่เราคัดมาให้คุณเลือกกัน ว่าตัวไหนน่าจะเหมาะกับสภาพและปัญหาผิวของคุณมากที่สุด
1. ครีมทาฝ้า Provamed Anti Melasma Spot Corrector
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อสัมผัสเจลกึ่งครีม บางเบาซึมซาบรวดเร็ว | มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ พาราเบน น้ำหอมสังเคราะห์ |
อัดแน่นด้วยส่วนผสมประเภทไวท์เทนนิ่ง | แต้มบริเวณผิวที่มีปัญหา 2 ครั้งต่อวัน ก่อนแต่งหน้าตอนเช้าและก่อนนอน |
ลดเลือนฝ้า กระ ความหมองคล้ำ โดยไม่ทำให้หน้าบาง | |
เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวด้วย Sodium Hyaluronate |
เริ่มต้นรายชื่อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดีของเรากันด้วย Provamed Anti Melasma Spot Corrector สุดยอดครีมทาฝ้าคุณภาพเยี่ยมที่อัดแน่นสารสำคัญในการดูแลปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำแบบเข้มข้นมากถึง 4 ตัว ได้แก่ Tranexamic Acid, Alpha Arbutin, Tyrostat และสารสกัดจาก Rumex Occidentalis ซึ่งสามารถช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสีสาเหตุหลักการเกิดปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยเนื้อเซรั่มนั้นมีความบางเบา ใช้งานง่าย ซึมเข้าสู่ผิวรวดเร็วให้คุณได้สัมผัสถึงผิวที่ชุ่มชื้นในทันที
2. ครีมทาฝ้า KA Expert Anti-Melasma Serum
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อเซรั่มบางเบา เกลี่ยง่าย ไม่เหนอะหนะผิว | ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม และพาราเบน |
มี INNO MelanoOff นวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะจัดการฝ้าตรงจุด | ทาทั่วใบหน้า ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน |
มี Alisma Plantago Aquatica มอยเจอร์ไรเซอร์ธรรมชาติ | |
มีแบบซองจำหน่าย เหมาะแก่การทดลองใช้ |
จัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำกวนใจให้จางลงภายใน 7 วัน ด้วย INNO MelanoOff นวัตกรรมลิขสิทธิ์เฉพาะที่ทำงานร่วมกับ Arbutin ที่ถูกอัดแน่นมาใน KA Expert Anti-Melasma Serum เพื่อการดูแลปัญหาฝ้าอย่างตรงจุด พร้อมมีส่วนผสมของ Niacinamide และวิตามิน E ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระและบำรุงผิวให้มีความกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันอาศัย Alisma Plantago Aquatica มอยเจอร์ไรเซอร์จากธรรมชาติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นนุ่มเนียนแก่ผิว
3. ครีมทาฝ้า Melamii Anti-Melasma
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อสัมผัสเป็นครีมกึ่งเซรั่ม ซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว | ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมสังเคราะห์ แอลกอฮอล์ หรือพาราเบน |
นวัตกรรม Melasmiin X4 Technology ช่วยจัดการฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ | ทาครีมบริเวณผิวที่มีปัญหา หรือทาทั่วใบหน้าบางๆ วันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน |
มีค่า SPF20 ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวการก่อให้เกิดฝ้า | |
ผ่านการทดสอบจากสถาบัน Dermscan Asia ใช้แล้วไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ |
ครีมทาฝ้า 4in1 ที่จะช่วยยับยั้งกระบวนการผลิตเม็ดสีผิว ลดเลือนฝ้ากระจุดด่างดำ บำรุงผิวให้เนียนใส และป้องกันการเกิดฝ้าซ้ำให้จบภายในหลอดเดียว ขอแนะนำ Melamii Anti-Melasma Perfect White Serum and Spot Corrector ครีมทาฝ้ากึ่งเซรั่ม สัมผัสบางเบา ใช้งานง่าย อาศัยMelasmiin X4 Technology นวัตกรรมเอกสิทธิ์เฉพาะช่วยจัดการปัญหาผิวได้ดีกว่าอาร์บูติน 80 เท่า ขณะเดียวกันมีค่า SPF20 สามารถช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีตัวการทำให้เกิดฝ้าได้อีกด้วย ที่สำคัญเป็นครีมทาฝ้าที่ปราศจากสารเคมีอันตราย มั่นใจได้เลยว่าหากคุณมีสภาพผิวบอบบางแพ้ง่ายก็สามารถใช้ได้อย่างไร้กังวล
4. ครีมทาฝ้า La Vita Anti-Melasma Spot Serum
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ครีมทาฝ้าในรูปแบบเซรั่มเนื้อบางเบา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ | มีส่วนผสมของน้ำหอมสังเคราะห์ |
ดูแลปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ | แต้มเซรั่มบริเวณผิวที่มีปัญหา ทุกเช้าและก่อนนอน |
มีสารสกัดจากใบบัวบกช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว เพิ่มความเรียบเนียนแก่ผิว | |
ครีมทาฝ้าที่ผ่าน Dermatologically Tested |
ยับยั้งความผิดปกติของเม็ดสีผิวอย่างตรงจุดด้วยครีมทาฝ้า La Vita Anti-Melasma Spot Serum ที่มาในรูปแบบของเนื้อเซรั่มสัมผัสบางเบา มีกลิ่นหอมอ่อนๆ น่าใช้งาน อาศัยประสิทธิภาพการลดเลือนฝ้าถึงต้นตอด้วย 4-Butyl Resorcinol และ Lepidium Sativum Sprout Extract ที่ล้วนมีคุณสมบัติชะลอการสร้างเม็ดสีผิว ทำให้สามารถช่วยลดฝ้า กระ จุดด่างดำได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นครีมทาฝ้าที่มาพร้อมกับสารสกัดจากใบบัวบกคอยเสริมทัพช่วยกระตุ้นคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ให้คุณได้สัมผัสถึงผิวที่มีความเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
5. ครีมทาฝ้า Himalaya Bleminor
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อสัมผัสเป็นครีมที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมสมุนไพร | ทาทั่วผิวหน้า หรือบริเวณที่มีปัญหาทั้งเช้าและก่อนนอน |
อัดแน่นด้วยส่วนผสมของสมุนไพรจากอินเดีย | มีส่วนผสมของพาราเบน |
สามารถช่วยลดเลือนรอยดำรอยแดงจากสิวได้ | |
มีส่วนผสมของน้ำมันอัลมอนด์ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว |
ตากแดดบ่อย ลืมทาครีมกันแดดอยู่เสมอ อาจเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ หรือแม้แต่ฝ้าที่รักษายากได้ ซึ่งถ้าคุณกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี ที่มีคุณภาพดีและราคาถูก เราขอแนะนำ Himalaya Bleminor Anti-Blemish Cream ครีมทาฝ้าที่อัดแน่นด้วยสมุนไพรจากประเทศอินเดียที่ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ไวท์เทนนิ่งจากธรรมชาติ สามารถจัดการความผิดปกติของเม็ดสีผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ หรือแม้แต่มีรอยดำจากสิว ครีมทาฝ้าหลอดนี้ก็เอาอยู่ ทั้งนี้เนื้อครีมอาจมีสัมผัสที่หนักเล็กน้อย แถมมีกลิ่นสมุนไพรจัดเต็มแบบฉบับครีมสัญชาติอินเดีย
6. ครีมทาฝ้า KIEHL’s Clearly Corrective Dark Spot Solution
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อเซรั่มบางเบา ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างรวดเร็ว | ปราศจากสารเคมีที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง |
ลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ เพิ่มความกระจ่างใสแก่ผิว | ทาทั่วใบหน้าทุกเช้าและก่อนนอน |
ใช้เพื่อลดเลือนรอยแดงรอยดำจากสิวได้ | |
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว |
ใครที่กำลังเผชิญกับปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำอยู่ แต่ยังไม่รู้จะเลือกซื้อสกินแคร์หรือครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำ KIEHL’s Clearly Corrective Dark Spot Solution เซรั่มเนื้อบางเบา ไร้สี ไร้กลิ่น ซึมซาบเข้าสู่ผิวรวดเร็วเพื่อลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำได้อย่างตรงจุด และเห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ ขณะเดียวกันก็สามารถช่วยลดเลือนรอยแดงรอยดำจากสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกัน โดยสารสำคัญในการออกฤทธิ์ดูแลปัญหาผิวนั้นคือ 3-O-Ethyl Ascorbic Acid หรืออนุพันธ์วิตามิน C ที่มีคุณสมบัติช่วยต้านอนุมูลอิสระ ซ่อมแซมเซลล์ผิวล้ำลึก และสามารถชะลอการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดสีที่เป็นสาเหตุการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำได้อีกเช่นกัน
7. ครีมทาฝ้า NIVEA LUMINOUS 630 SPOTCLEAR INTENSIVE TREATMENT SERUM
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อเซรั่มเข้มข้น ทว่าเกลี่ยง่าย ซึมเข้าสู่ผิวเร็ว | มีส่วนผสมของน้ำหอมสังเคราะห์และแอลกอฮอล์ |
ช่วยลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำฝังแน่น | เกลี่ยทั่วใบหน้า ทุกเช้าและก่อนนอน |
เพิ่มการต้านอนุมูลอิสระด้วยส่วนผสมของวิตามิน E | |
มีส่วนผสมของไฮยาลูรอนช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ชุ่มชื้น |
Nivea Luminous 630 Spotclear Intensive Treatment Serum ครีมทาฝ้าที่มาในรูปแบบของเนื้อเซรั่มเข้มข้นทว่าสามารถเกลี่ยให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างง่ายดาย โดดเด่นด้วยส่วนผสมเอกสิทธิ์เฉพาะของนีเวียอย่าง สารลูมินัส630 ที่มีประสิทธิภาพในการลดเลือนปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำได้มากกว่าสารจำพวกไวท์เทนนิ่งถึง 10 เท่า สามารถช่วยจัดการรอยฝ้า กระ หรือจุดด่างดำที่ฝังแน่นได้อย่างดีเยี่ยมโดยไม่ทำให้ผิวบาง หรือเกิดอาการระคายเคืองผิว ให้คุณได้สัมผัสผิวที่มีความเรียบเนียนและกระจ่างใสมากยิ่งขึ้นอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็ยังมีส่วนผสมของไฮยาลูรอนเข้มข้นพร้อมด้วยวิตามิน E เพื่อฟื้นบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวให้ห่างไกลสารอนุมูลอิสระตัวการทำให้ผิวของเราเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเม็ดสีอีกด้วย
8. ครีมทาฝ้า Clinique Even Better Clinical
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อเซรั่มบางเบา ไม่เหนอะหนะผิว | ปราศจากส่วนผสมของพาราเบน น้ำหอมสังเคราะห์ |
ลดเลือนฝ้า จุดด่างดำ รวมถึงรอยดำรอยแดงสิวอย่างมีประสิทธิภาพ | ใช้ 1-2 ปั๊ม ทาทั่วใบหน้าเว้นรอบดวงตา สามารถใช้ได้ทั้งตอนเช้าและก่อนนอน |
ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิว สัมผัสผิวกระจ่างใสและเรียบเนียนกว่าเดิม | |
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้ผิวบอบบางแพ้ง่าย |
ถ้าหากคุณกำลังตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดี และมีงบพอประมาณ เราขอแนะนำ Even Better Clinical Radical Dark Spot Corrector + Interrupter ครีมทาฝ้าที่มีความอ่อนโยนต่อผิวแบบขั้นสุด เนื่องจากปราศจากสารเคมีอันตรายที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว ในส่วนประสิทธิภาพของการจัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ หรือความหมองคล้ำนั้น ครีมทาฝ้าขวดนี้ก็ทำได้ดีเลยทีเดียว โดยอาศัยเทคโนโลยีสูตรพิเศษ CL-302 Equalizer Technology ช่วยเคลียร์ฝ้าและจุดด่างดำที่มีอยู่ให้จางลง พร้อมปรับสีผิวให้กระจ่างใสมากขึ้น และเสริมทัพยับยั้งการเกิดฝ้า จุดด่างดำในอนาคตด้วย Interrupter Complex ที่อัดแน่นไปด้วยสารสกัดจากธรรมชาติช่วยต้านอนุมูลอิสระและฟื้นบำรุงผิวแบบจัดเต็ม
9. ครีมทาฝ้า ProX OLAY Brightening Spot Fading Essence
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อเซรั่มบางเบา ไม่เหนียวเหนอะผิว | ครีมทาฝ้าสูตรปราศจากน้ำหอมสังเคราะห์ |
ลดเลือนรอยฝ้า กระที่ฝังลึกมานานได้อย่างมีประสิทธิภาพ | เทเซรั่มลงฝ่ามือ 2 หยด ทาให้ทั่วใบหน้า ใช้ตอนเช้าและก่อนนอน |
ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้ผิวมีความเรียบเนียนกระจ่างใส | |
ได้รับการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังและสถาบันระดับสากล |
ฝ้า ProX OLAY Brightening Spot Fading Essence ครีมทาฝ้าเวชสำอางราคาย่อมเยาน่าลงทุนที่มาในรูปแบบของเซรั่มเนื้อสัมผัสบางเบา ใช้แล้วไม่เหนอะหนะผิว โดดเด่นด้วย SACCHARINA-GLY-N COMPLEX สารสกัดจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาลทำงานร่วมกับ Undecylenoyl Phenylalanine ที่มีส่วนช่วยในการลดเลือนปัญหาเม็ดสีผิวเช่น ฝ้า กระ จุดด่างดำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งการันตีว่าสามารถลดเลือนปัญหาฝ้าและความหมองคล้ำได้รวดเร็วภายใน 28 วัน
10. ครีมทาฝ้า Yanhee Mela Cream
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เนื้อครีมเข้มข้น ทว่าไม่หนักผิว หรือก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิว | ทาทั่วใบหน้าเป็นประจำ วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน |
ช่วยลดเลือนฝ้า กระ รวมถึงจุดด่างดำให้จางลงภายใน 14 วัน | มีส่วนผสมของพาราเบน |
สามารถช่วยเพิ่มความกระจ่างใสและเรียบเนียนแก่ผิว | |
ครีมทาฝ้าสูตรเฉพาะจากโรงพยาบาลยันฮี |
ปิดท้ายรายชื่อครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดีของเรากันด้วย Yanhee Mela Cream ครีมทาฝ้าสูตรเข้มข้นจากโรงพยาบาลยันฮี ช่วยจัดการปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำให้จางลงอย่างรวดเร็วภายใน 14 วัน ด้วย Tranexamic Acid สารสกัดยอดนิยมที่จะช่วยดูแลปัญหาฝ้ากระโดยเฉพาะ และเสริมทัพด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ เช่น สารสกัดรากชะเอมเทศ และ Glycolic Acid เพื่อให้คุณสัมผัสผิวหน้าที่กระจ่างใสแลดูเรียบเนียนไร้ปัญหาผิวหมองคล้ำมากกว่าเดิม โดยเนื้อครีมมีลักษณะเข้มข้นทว่าสามารถเกลี่ยได้ง่าย ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้รวดเร็ว หมดกังวลปัญหาผิวเหนอะหนะหลังใช้งาน
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ก็จบไปแล้วกับการแนะนำครีมทาฝ้า ยี่ห้อไหนดีทั้ง 10 ยี่ห้อ พร้อมด้วยวิธีการเลือกซื้อครีมทาฝ้าเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผิวได้อย่างตรงจุดที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ น่าซื้อมาลองใช้มากๆ เลยใช่ไหมล่ะ? ซึ่งนอกจากจะเลือกซื้อครีมทาฝ้ายี่ห้อที่ตรงใจแล้ว ก็ควรปรับพฤติกรรมการดูแลผิวร่วมด้วยเพื่อให้เห็นผลลัพธ์การดูแลปัญหาฝ้าและความหมองคล้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือหมั่นใช้ครีมกันแดดทุกวัน เพื่อป้องกันรังสียูวีในแสงแดดทำร้ายผิว พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามไม่เครียดเพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนให้สมดุล เป็นต้น