ทุกวันนี้สมาร์ทโฟน มีฟังก์ชันอเนกประสงค์ที่สามารถทำอะไรได้มากมาย เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับเราได้ในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นความบันเทิง การทำงาน ธุรกรรมทางการเงิน รวมถึงใช้ในการสร้างคอนเทนต์และตัดต่อได้ในตัวเอง หนึ่งในนั้นก็คือการใช้เพื่อทำงานอดิเรกต่าง ๆ รวมไปถึงการอัดเสียง โดยมีแอปพลิเคชันหลายตัวให้ได้เลือกใช้ทั้งแบบฟรี แบบมีโฆษณา และแบบที่ต้องชำระเงินซื้อฟีเจอร์บางอย่าง ใครมองหาเครื่องมือนี้อยู่แต่ยังไม่รูปว่าจะเลือกแอปอัดเสียงตัวไหนดี ลองมาดู 10 แอปที่เราแนะนำในบทความนี้กัน
วิธีเลือกแอปอัดเสียง
แอปอัดเสียงเป็นแอปพลิเคชันที่ดูจะไม่มีอะไรซับซ้อน แต่จริงๆ แล้วมีรายละเอียดที่ต้องสังเกต และเลือกใช้งานพอสมควร ดังนั้นเพื่อช่วยคุณประหยัดเวลาเราเลยมีวิธีเลือกแอปประเภทนี้มาฝาก เพื่อให้คุณได้ใช้เป็นแนวทางเบื้องต้นกัน
1. ตรวจสอบฟังก์ชันการใช้งาน ของแอป
หน้าที่ของแอปอัดเสียงก็คือการใช้เพื่อบันทึกเสียงเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากฟังก์ชันในการ กดบันทึกเสียง แต่นอกเหนือจากนี้ แต่ละแอปก็จะมีฟังก์ชัน วิธีการใช้งาน ที่ต่างกันอยู่บ้างอันเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจแตกต่างในแต่ละแอปครับ เช่น มาพร้อมกับลูกเล่นในการใช้งานในตัว อาทิ การปรับโทนเสียง หรือการลดเสียงรบกวนอัตโนมัติ หรือเป็นฟังก์ชันการอัดเสียงที่พ่วงมากับฟีเจอร์หลัก เช่น การเป็นแอปฟังเพลง หรือแอปร้องคาราโอเกะ เป็นต้น
2. เลือกที่ระดับคุณภาพของเสียงที่แอปสามารถบันทึกได้
สำหรับการบันทึกเสียงเพื่อนำไปใช้งานจริงนั้น คุณภาพของเสียง นับเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับแรกก็ว่าได้ ยิ่งแอปสามารถบันทึกเสียงได้ในคุณภาพที่ดี ก็จะยิ่งส่งผลดีต่อคุณภาพของคอนเทนต์ โดยในแต่ละแอปก็จะมีการรองรับคุณภาพเสียงที่ไม่เท่ากัน ส่วนมากจะขึ้นอยู่กับตัวแอปเอง หากเป็นแอปฟรี ก็อาจจะมีคุณภาพเสียงที่ดีสู้แอปที่เสียเงินไม่ได้ ซึ่งรายละเอียดตรงนี้ มักจะไม่มีบอกในหน้าดาวน์โหลด ส่วนมากเรามักจะได้เจอเองตอนที่โหลดแอปมาแล้ว จึงควรอ่านรีวิวของผู้ที่เคยใช้ ในการประกอบการตัดสินใจ
3. ตรวจสอบดูอุปกรณ์ที่แอปสามารถรองรับการใช้งาน
การบันทึกเสียงผ่านแอปบนมือถือ สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการอัดผ่านไมค์จากตัวมือถืออยู่แล้ว แต่ในบางครั้ง เราก็ต้องการใช้งานอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เพื่อการบันทึกเสียงด้วย เช่น ไมค์ของหูฟัง และ เฮดโฟน เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่ทุกแอปครับที่จะรองรับได้กับทุกอุปกรณ์ เราจึงควรเลือกใช้แอปให้เหมาะสมกับอุปกรณ์ที่เราใช้งานเป็นหลัก
4. ตรวจสอบดูว่าแอปใช้งานได้ฟรี หรือมีฟังก์ชันที่เสียเงินอยู่หรือไม่
แอปพลิเคชันบนมือถือในยุคนี้ หลักๆ มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ แอปที่สามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่เสียเงิน เป็น Freeware และแอปแบบ Shareware ที่ใช้ได้ฟรี แต่จะมีการจำกัดฟีเจอร์ในการใช้งานบางส่วน ต้องเสียเงินจึงจะสามารถใช้งานฟังก์ชันทั้งหมดได้ และอาจจะมีโฆษณาติดมาด้วย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการในการใช้งานของแต่ละคนว่า พอใจกับแอปที่กำลังใช้อยู่แค่ไหน และมีประสิทธิภาพมากพอที่จะทำให้เราเสียเงินหรือไม่
5. ควรเลือกใช้โปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดใน App Store ได้เท่านั้น!
สำหรับแอปอัดเสียงบนมือถือนั้น เราแนะนำให้โหลดผ่านทาง App Store ของ Android และ iOS เท่านั้น ไม่แนะนำให้โหลดผ่านทางเว็บไซต์ภายนอกอย่างเด็ดขาด เพราะการโหลดไฟล์ apk จากเว็บข้างนอกนั้น มีความเสี่ยงมากที่จะพา ไวรัส หรือ มัลแวร์ ติดมาด้วย และการติดไวรัสบนมือถือนั้น แก้ไขได้ยากกว่าบนคอมพิวเตอร์เป็นอย่างยิ่ง จึงควรตัดไฟตั้งแต่ต้นลม โดยโหลดแอปผ่านทาง Store ที่มีการรับประกันความปลอดภัยมาเป็นอย่างดีแล้ว เท่านั้น!
10 แอปอัดเสียง น่าใช้
หลังจากได้ทราบวิธีการเลือกใช้แอปอัดเสียงไปแบบพอสังเขป ก็ถึงเวลามาดูทั้ง 10 แอป ที่เราคัดมาให้เพื่อนๆ ได้เลือกกันว่าจะมีแอปไหนบ้าง ที่ถูกใจคุณบ้าง หรืออาจจะมีหลายแอปที่คุณใช้กันอยู่แล้วก็ได้ ก็ลองมาดูแอปอื่น ประกอบการตัดสินใจกันได้
1. แอปอัดเสียง StarMaker
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา) | ไม่ใช่แอปอัดเสียงโดยตรง เน้นการประยุกต์ใช้งาน |
| เป็นแอปร้องคาราโอเกะ | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| สามารถบันทึกเสียงเพื่อแชร์ทางออนไลน์ได้ | |
| มีระบบปรับแต่งเสียงหลากหลาย |
มาเริ่มกันที่ แอปอัดเสียง ตัวแรกในลิสต์นี้กันเลย กับแอปที่สายเอนเตอร์เทนหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดี นั่นก็คือแอป StarMaker แอปร้องคาราโอเกะและสร้างคอนเทนต์บันเทิงสำหรับแชร์บนโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ไม่ว่าใครก็สามารถเป็นสตาร์ในโลกออนไลน์ได้! แต่ด้วยความที่เป็นแอปในสายบันเทิง ทำให้หลายคนมองข้ามฟังก์ชันในการอัดเสียงคุณภาพสูงของแอปไป เพราะแอปมีฟีเจอร์การอัดเสียงที่ละเอียดและมีลูกเล่นให้เลือกใช้มากมาย สำหรับคนที่ชอบทำคอนเทนต์ออนไลน์ แอป StarMaker ก็ถือเป็นแอปที่ไม่ควรมองข้าม
2. แอปอัดเสียง Dolby On: Record Audio & Music
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| บันทึกเสียงด้วยระบบเสียง Dolby Digital | |
| สามารถบันทึกเสียงเพื่อแชร์ทางออนไลน์ได้ | |
| มีระบบปรับแต่งเสียงหลากหลาย |
มากันที่แอปอัดเสียงจากแบรนด์ผู้พัฒนาด้านเสียงคุณภาพระดับโลกกันบ้าง กับแอป Dolby On:Record Audio & Music แอปอัดเสียงที่ถูกพัฒนาโดย Dolby ระบบเสียงที่ทั่วโลกให้การยอมรับในทุกๆ สื่อบันเทิง ตั้งแต่ภาพยนตร์จอใหญ่จนถึงความบันเทิงจอเล็กที่บ้าน และเมื่อ Dolby หันมาพัฒนาแอปสำหรับมือถือ แน่นอนว่าคุณภาพจึงไม่ธรรมดาแน่นอน ด้วยระบบการปรับแต่งเสียงที่ละเอียดในทุกๆ มิติ มีให้เลือกทุกโทนเสียงที่ต้องการ และอยู่ในคุณภาพเสียงที่ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย หากคุณมั่นใจในคุณภาพเสียงจาก Dolby รับรองว่าไม่มีผิดหวังแน่นอน
3. แอปอัดเสียง WeSing
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา) | ไม่ใช่แอปอัดเสียงโดยตรง เน้นการประยุกต์ใช้งาน |
| เป็นแอปร้องคาราโอเกะ | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| สามารถบันทึกเสียงเพื่อแชร์ทางออนไลน์ได้ | |
| มีระบบปรับแต่งเสียงหลากหลาย |
อีกหนึ่ง แอปอัดเสียง สายเอนเตอร์เทนที่หลายคนรู้จักกันดี กับแอป WeSing แอปร้องเพลงยอดนิยมที่ทำให้ทุกคนได้สนุกกับการร้องเพลง สร้างคอนเทนต์ และแชร์บนโซเชียลมีเดียกัน และเพราะความที่เป็นแอปร้องเพลงที่มีชื่อเสียง และมีระบบการใช้งานที่เสถียรมาก จึงมั่นใจได้ในคุณภาพการบันทึกเสียง และการปรับแต่งเสียงที่รองรับทุกความต้องการของเราได้เป็นอย่างดี เป็นอีกหนึ่งแอปสายบันเทิงที่มาพร้อมกับคุณภาพเสียงที่ดีอย่างที่หลายคนนึกไม่ถึง
4. แอปอัดเสียง Joox
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา และระบบสมัครสมาชิก) | ไม่ใช่แอปอัดเสียงโดยตรง เน้นการประยุกต์ใช้งาน |
| เป็นแอปฟังเพลงที่มีระบบการอัดเสียงในตัว | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| สามารถบันทึกเสียงเพื่อแชร์ทางออนไลน์ได้ | |
| มีระบบปรับแต่งเสียงหลากหลาย |
เมื่อพูดถึงแอปฟังเพลงที่ได้รับความนิยมสูง และมีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการด้านเสียงเพลง ชื่อของ Joox น่าจะเป็นชื่อที่ผุดขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ เพราะเป็นแอปเพลงที่รวบรวมเพลงคุณภาพมากมายอย่างถูกลิขสิทธิ์ แถมเรายังสามารถสร้างคอนเทนต์การร้องเพลงของเราเอง แชร์ให้ชาวโลกได้ชมได้อีกด้วย ในด้านคุณภาพการอัดเสียง Joox เป็นอีกแอปที่มีคุณภาพในการอัดเสียงที่คุณภาพสูง สำหรับการบันทึกจากทุกๆ อุปกรณ์ พร้อมกับระบบแต่งเสียงที่ใช้งานง่าย คนที่มี Joox อยู่ในเครื่องอยู่แล้ว แต่ไม่เคยเข้าไปในส่วนฟีเจอร์อัดเสียงมาก่อน ต้องลองเข้าไปใช้ดูกันสักครั้ง
5. แอปอัดเสียง ALICE Comes Alive
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี | มีให้ใช้เฉพาะในระบบ iOS เท่านั้น |
| เป็นแอปจำลองการเล่นเสียงเสมือน (Virtual) | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| เต็มไปด้วยลูกเล่นในปรับแต่งเสียงหลายรูปแบบ | |
| มีมินิเกม ให้สามารถเล่นสนุกฆ่าเวลาได้ |
มาดู แอปอัดเสียง ที่มีให้มาใช้เฉพาะบน iOS กันบ้าง ตัวนี้ไม่เชิงว่าเป็นแอปอัดเสียงซะทีเดียว แต่เป็นแอปในรูปแบบมินิเกม Interacetive ที่มีฟีเจอร์การบันทึกเสียงเป็นส่วนประกอบนั่นเอง กับแอปชื่อว่า ALICE Comes Alive ที่ประกอบไปด้วยมินิเกมสนุกๆ ให้เด็กๆ ได้เชื่อมโยงภาพที่เห็น เข้ากับเสียงดนตรีที่ได้ยิน เข้าด้วยกัน เป็นการเสริมสร้างทักษะการคิดและความช่างสังเกตที่ดีให้กับเด็กๆ โดยเราสามารถอัดเสียงของเราเองเข้าไป เพื่อสร้างเป็นดนตรีรูปแบบใหม่ขึ้นมาได้ด้วย นับเป็นแอปที่มีความหลากหลายในตัวเอง และนำเอาแต่ละฟีเจอร์ ทั้งเสียงและสัมผัส มาให้กับตัวแอปได้เป็นอย่างดี
6. แอปอัดเสียง บันทึกเสียง Pro
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี | มีให้ใช้เฉพาะในระบบ iOS เท่านั้น |
| ระบบบันทึกเสียงคุณภาพสูง | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| ระบบการปรับแต่งเสียงทำได้อย่างละเอียด | |
| มีระบบผสมเสียงได้หลายเส้นเสียงในครั้งเดียว |
เราได้นำเสนอแอปที่ไม่ใช่แอปอัดเสียงโดยตรง แต่เป็นการเอาฟีเจอร์อัดเสียงมาประยุกต์ใช้กับตัวแอป มาแล้วหลายตัว คราวนี้กลับมาดู แอปอัดเสียง ที่ใช้บันทึกเสียงโดยเฉพาะกันบ้าง กับแอปที่มีชื่อแบบตรงตัวว่า บันทึกเสียง Pro แอปฝีมือคนไทยที่มีให้ใช้เฉพาะบน iOS เท่านั้น โดยเป็นแอปที่ถูกออกแบบมาสำหรับการอัดเสียง ตัดแต่งเสียง และปรับโทนของเสียง เพื่อใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้เป็นอย่างดีครบทุกความต้องการ และยังสามารถรวมไฟล์เสียงหลายอันเข้าด้วยกันเป็นอันเดียว เพื่อสร้างอะไรใหม่ๆ ในแบบของเราได้ คนใช้ iOS ควรมีตัวนี้ติดเครื่องไว้
7. แอปอัดเสียง Smart Recorder – High-quality voice recorder
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา) | มีให้ใช้เฉพาะในระบบ Android เท่านั้น |
| ระบบบันทึกเสียงคุณภาพสูง | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| มีระบบตัดเสียงรบกวนในพื้นหลังได้ | |
| สามารถบันทึกเสียงเพื่อแชร์ทางออนไลน์ได้ |
มากันที่ แอปอัดเสียง อย่าง Smart Recorder – High-Quality Voice Recorder แอปที่มีระบบอัดเสียงคุณภาพสูงรองรับการบันทึกไฟล์เสียงได้หลายรูปแบบ และยังมีฟีเจอร์ที่สามารถตัดเสียงรบกวนที่อยู่ในบริเวณโดยรอบ ระหว่างที่เรากำลังอัดเสียง ได้อีกด้วย ช่วยให้เสียงที่เราบันทึกมีความคมชัด และไม่ถูกรบกวนจากเสียงรอบข้างให้ต้องวุ่นวายอีกด้วย พร้อมกับระบบการแชร์ให้เราสามารถแชร์ไฟล์ไปยังโซเชียลมีเดีย หรือพื้นที่จัดเก็บออนไลน์ ได้อีกหลายช่องทาง ถือเป็นแอปที่คนใช้ Android ควรมีติดเครื่องไว้อีกตัว
8. แอปอัดเสียง ShurePlus MOTIV
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| สามารถปรับแต่งเสียงให้เข้ากับอุปกรณ์ที่เราใช้ได้ | |
| ระบบการปรับแต่งเสียงทำได้อย่างละเอียด | |
| หน้าควบคุมใช้งานได้ง่ายมาก |
หลายคนอาจต้องเจอกับปัญหาที่ แอปไม่สามารถรองรับการใช้งานของอุปกรณ์ได้มากพอ จนเราไม่สามารถใช้อุปกรณ์เสริมเช่น หูฟัง หรือ ไมค์ไร้สาย ในการอัดเสียงได้ แต่ปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปทันที เมื่อเลือกใช้แอปตัวนี้ กับ ShurePlus MOTIV แอปอัดเสียงคุณภาพดี ที่มีฟีเจอร์เฉพาะคือการค้นหาความเข้ากันได้ระหว่างคุณภาพเสียงที่จะอัด และตัวอุปกรณ์ที่เรากำลังเชื่อมต่อกับมือถืออยู่ ทำให้คุณภาพเสียงจะออกมาตรงกับที่เราต้องการ โดยที่ไม่ต้องปรับอะไรเพิ่มมากนัก
9. แอปอัดเสียง Voice Changer Voice Recorder
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา) | เน้นการใช้งานเพื่อความสนุกมากกว่าใช้แบบจริงจัง |
| สามารถเปลี่ยนเสียงของเราได้หลายรูปแบบ | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| ปรับแต่งเสียงในแบบของเราได้อิสระ | |
| สามารถใช้งานร่วมกับแอปอื่นๆ ได้ |
มาดู แอปอัดเสียง ที่เน้นที่ความสนุกสนานและใช้งานได้อย่างหลากหลายกันอีกตัว กับแอป Voice Changer Voice Recorder แอปที่สามารถเปลี่ยนไฟล์เสียง ให้กลายเป็นเสียงได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเท่ๆ เช่น เสียงหุ่นยนต์ หรือเสียงตัวร้ายที่น่ากลัว เสียงตลกๆ เช่น เสียงเป็ด หรือเสียงเด็ก เป็นต้น และยังมีเสียงอีกมากมายให้เลือกใช้เล่นกันได้เพียบไม่มีเบื่อ รวมถึงยังสามารถปรับแต่งโทนเสียง จนออกมาเป็นเสียงในแบบของเราเองได้เช่นกัน พร้อมกับฟีเจอร์ในการใช้ร่วมกับแอปอื่นๆ เพื่อส่งเป็น Voice Mail หรือเสียงแปลกๆ บนแอปโซเชียลมีเดียได้ด้วย ถือเป็นแอปอัดเสียงที่มีฟีเจอร์อันเป็นเอกลักษณ์น่าลองใช้งาน
10. แอปอัดเสียง Audio Memos SE
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| แอปประเภทฟรี (มีโฆษณา) | ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับระบบก่อนใช้งาน |
| ระบบอัดเสียงในระยะเวลาสั้นๆ | |
| เหมาะสำหรับการอัดเสียงเพื่อบันทึกความจำโดยเฉพาะ | |
| มีระบบปรับแต่งเสียงหลายรูปแบบ |
ปิดท้ายรายชื่อ แอปอัดเสียงน่าใช้ของเรากันด้วยอีกหนึ่งแอปที่มีรูปแบบการใช้งานแบบเฉพาะตัว กับแอป Audio Memos SE แอปอัดเสียงที่มีจุดเด่นในด้านการใช้งานแบบ บันทึกเสียงเพื่อใช้เป็น บันทึกเตือนความจำ หรือ Memo เป็นเสียงแบบสั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งมีประโยชน์หลายอย่าง ทั้งใช้เป็นการจดบันทึกข้อมูลโดยการพูด แทนการพิมพ์หรือเขียน หรือใช้เพื่ออัดเป็นเสียงสัมภาษณ์ หรือเสียงร้องเพลง ต่างๆ ในแบบขนาดสั้น ไม่ยาวมาก เพื่อใช้งานกับสื่อหรือคอนเทนต์แบบเฉพาะทางนั่นเอง จึงถือเป็นอีกแอปทางเลือกที่น่าสนใจ
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนี้ก็คือแอปอัดเสียง บนมือถือ ทั้งบน Android และ iOS ที่เราคัดมาให้ชมกันแบบเน้นๆ ทั้ง 10 แอป หวังว่าเพื่อนๆ จะเจอแอปที่น่าสนใจและอยากลองใช้งานกันไม่มากก็น้อย โดยจากแอปทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่า แอปอัดเสียง ถูกพัฒนาออกมาเพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลายกว่าที่หลายคนคิดมาก ไม่เพียงแค่การบันทึกเสียงเท่านั้น แต่หลายแอปก็มีฟีเจอร์ที่พร้อมจะต่อยอดการบันทึกเสียง ไปสู่การใช้งานในด้านอื่นๆ ต่อได้อีกหลากหลายรูปแบบ ทั้งในการทำงาน และการทำคอนเทนท์สนุกๆ ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งานของแต่ละคน ลองดูว่าแอปไหนน่าจะตรงกับความต้องการใช้งานของคุณมากที่สุด หรือลองดาวน์โหลดมาใช้ก่อนหลายๆ แอปก็ได้เช่นกัน
