“โทรโข่ง” อาจจะดูเป็นของใช้ที่หลายคนไม่ค่อยคิดถึงกันเท่าไหร่ เพราะถ้าเราไม่ใช่คนค้าขาย หรือต้องไปร่วมกิจกรรมกับคนเยอะๆ คงมีน้อยคนมากที่จะคิดถึง หรืออยากซื้อโทรโข่งมาไว้ในครอบครอง แต่ความจริงแล้ว โทรโข่ง ก็นับว่ามีประโยชน์หลายอย่างที่ไม่ควรมองข้าม ในฐานะเครื่องขยายเสียงที่สามารถใช้งานได้ง่ายที่สุด ใครจะไปรู้ว่า สักวันหนึ่ง เราอาจจะต้องงัดเอาออกมาใช้ก็ได้ ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีโทรโข่งออกมามากมายหลายรุ่น ที่มาพร้อมกับรูปแบบการใช้งาน ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กับเราได้ในหลากหลายสถานการณ์มากกว่าเดิม สำหรับใครที่กำลังมองหาโทรโข่งเอาไว้ใช้งาน แต่ยังไม่รู้จะเลือก โทรโข่ง ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นไหนน่าใช้บ้าง บทความนี้มีคำตอบ
ประโยชน์ของ “โทรโข่ง” ที่ไม่ควรมองข้าม
เวลานึกถึงโทรโข่ง จะนึกถึงอะไรกันบ้าง? ถือเป็นของใช้ที่หลายคนนิยามไม่ค่อยได้เหมือนกันว่า ถ้าว่ากันจริงๆ หน้าที่ของโทรโข่งคืออะไร? หน้าที่หลักๆ ของโทรโข่ง ในฐานะของใช้ในชีวิตประจำวันก็คือ การเป็น “เครื่องขยายเสียงที่สามารถใช้งานแบบ Manual ได้ง่ายที่สุด” นั่นเอง แตกต่างจากไมโครโฟน ที่ต้องติดตั้งระบบเสียง เชื่อมต่อลำโพง แต่โทรโข่งสามารถเปิดใช้งานได้ทันที
ซึ่งเราจะซื้อโทรโข่งมาใช้ทำอะไรได้บ้าง ก็ขึ้นอยู่กับเซนส์ของแต่ละคน เช่น สำหรับพ่อค้าแม่ค้า ที่ต้องใช้เสียงเชิญชวนลูกค้า, สำหรับครูหรือคนคุมแถว ที่ต้องคุมคนจำนวนมาก, สำหรับผู้กำกับ หรือทีมงานในกองถ่าย ที่ต้องประสานงานกับทีมงานจำนวนมาก, สำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน เมื่อเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด ฯลฯ และอีกหลายๆ อย่างที่เราต้องใช้เสียงดัๆ เพื่อสื่อสารกับคนอื่น
วิธีเลือกโทรโข่งให้เหมาะสมกับการใช้งาน
แม้ว่าโทรโข่ง จะดูเป็นของที่ไม่น่าจะเลือกยาก เพราะวิธีการใช้ก็น่าจะเหมือนๆ กันหมด แต่ในปัจจุบัน มีโทรโข่งออกมามากมาย และหลายรุ่นก็มีคุณสมบัติ ฟังก์ชันการใช้งาน จุดเด่น จุดด้อย ของตัวเองที่แตกต่างกันไป แล้วแต่ว่าทางผู้ผลิตจะเน้นออกแบบโทรโข่งออกมา เพื่อกลุ่มเป้าหมายไหนเป็นพิเศษ ซึ่งการจะเลือกโทรโข่ง ยี่ห้อไหนดีนั้น มีสิ่งที่เราต้องพิจารณาดังนี้
1. ดีไซน์และขนาดของโทรโข่ง ที่ลงตัวและจับได้อย่างถนัดมือ
ข้อแรกเป็นปัจจัยภายนอก นั่นคือเรื่องของขนาดและดีไซน์ความสวยงามของตัวโทรโข่งนั่นเอง ขนาดประมาณไหน ดีไซน์ยังไง ถึงจะสามารถใช้งานได้อย่างถนัดมือ หากโทรโข่งใหญ่เกินไป ก็อาจจะทำให้ถือใช้ลำบาก แต่ถ้าต้องการเสียงที่ดังแบบได้ยินกันเป็นหมู่คณะ โทรโข่งอันเล็กที่มีกำลังขับเคลื่อนเสียงน้อย ก็อาจจะไม่พอเช่นกัน ซึ่งตรงนี้ขึ้นอยู่กับความพอใจของแต่ละคนเป็นหลัก ว่ายินดีจะถือโทรโข่งอันเขื่องไปไหนมาไหนตลอดวันหรือไม่ หรือถ้าคิดว่าโทรโข่งอันเล็กๆ ก็เพียงพอต่อการใช้งาน
2. จำนวนวัตต์ (W) กำลังไฟที่ใช้ขับเคลื่อนพลังเสียงของโทรโข่ง
ค่าที่สำคัญที่สุด ของอุปกรณ์ขยายเสียง เช่น ไมค์ ลำโพง หรือ โทรโข่ง ก็คือ จำนวนของกำลังไฟฟ้า หรือ วัตต์ (W) นั่นเอง เพราะการขยายเสียง จำเป็นต้องมีกำลังไฟฟ้า ที่จะช่วยนำเสียงของเรา เข้าสู่ตัวขยายเสียง โดยปกติแล้ว โทรโข่งมักจะมีจำนวนวัตต์ที่ค่อนข้างสมดุล ไม่มากไปไม่น้อยไป ให้เหมาะสำหรับการใช้งาน ในบริเวณไม่เกิน 2-3 เมตร จากระยะที่ผู้ใช้ยืนอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้เสียงมีอาการโอเวอร์โหลด (แบบที่เรามักจะได้ยินเสียงวี๊ดดังขึ้นมา เวลาเอาไมค์ไปกระแทกแบบไม่ได้ตั้งใจ) ซึ่งเราสามารถเลือกจำนวนวัตต์ของโทรโข่งที่ต้องการได้เลย โดยส่วนมาก จำนวนวัตต์ก็จะเป็นไปตามขนาดของโทรโข่ง ซึ่งเราสามารถดูได้ง่ายๆ จากขนาดของโทรโข่งได้เองเลย
3. ประเภทการใช้งานของไมโครโฟน
สำหรับไมค์ของโทรโข่ง หลักๆ จะมีด้วยกัน 2 แบบครับ ได้แก่ ไมค์แบบที่ติดอยู่ด้านหลังของโทรโข่ง ที่เราสามารถถือแล้วพูดผ่านไมค์เข้าไปได้ทันที ซึ่งใช้งานได้ง่าย แต่ก็อาจจะเมื่อยนิดหน่อย เพราะเราก็ต้องถือโทรโข่งไประหว่างพูดตลอดเวลาด้วย กับอีกแบบคือ “ไมค์แบบแยกออกจากตัวโทรโข่ง” ซึ่งจะเป็นคนละชิ้นแยกจากตัวขยายเสียง ที่เราสามารถถอดออกมาใช้งานได้ โดยข้อดี มันทำให้เราไม่ต้องถือโทรโข่งเอาไว้ตลอดเวลา สามารถพูดผ่านไมค์ตัวเล็ก แล้วใช้ตัวโทรโข่ง เป็นลำโพงขยายเสียง ที่สามารถวาง หรือแขวนเอาไว้ได้ ทั้ง 2 แบบ ก็จะมีจุดเด่นของตัวเองที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้
4. ปริมาณแบตเตอรี่ และรูปแบบการเชื่อมต่อของโทรโข่ง
มาถึงปัจจัยเรื่องการใช้พลังงานบ้าง กับปริมาณของแบตเตอรี่สูงสุด ที่ตัวโทรโข่งสามารถชาร์จได้ เนื่องจากโทรโข่งเป็นอุปกรณ์ที่ต้องมีกำลังไฟฟ้าเพื่อเปิดใช้งาน ยิ่งเป็นรุ่นที่มีกำลังวัตต์สูง ก็ยิ่งต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามาก โทรโข่งที่ดี จึงต้องมีปริมาณแบตเตอรี่ ที่พอดีและสมเหตุสมผลกับกำลังวัตต์ที่โทรโข่งสามารถใช้ได้ หากกำลังวัตต์มาก แต่ปริมาณแบตไม่สูง ก็อาจจะทำให้แบตหมดเร็วเกินไป แถมเสี่ยงต่อการที่อายุการใช้งานจะสั้นไปด้วยนั่นเอง
5. ฟังก์ชันเสริมอื่นๆ ของโทรโข่ง ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
ข้อสุดท้ายถือเป็นปัจจัยเสริมที่รองลงมาจากการใช้ขยายเสียง คือฟีเจอร์เสริมอื่นๆ ที่ติดมากับตัวโทรโข่งนั่นเอง ปัจจุบันโทรโข่งมักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษ ที่ช่วยเสริมให้โทรโข่งสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าเดิม เช่น เอฟเฟกต์เสียงอย่าง เสียงไซเรน หรือการปรับโทนของเสียงที่จะออกมา, ระบบการบันทึกเสียงแบบวนลูป (Loop) ที่สามารถเปิดใช้งานได้ตลอดทั้งวัน ฯลฯ และอีกหลายๆ อย่างที่หลายคนอาจจะคิดไม่ถึงเลยว่า โทรโข่งก็ทำแบบนี้ได้ด้วย ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ความจำเป็นในการใช้งานของเรา เพราะบางฟีเจอร์ของโทรโข่ง ก็อาจจะไม่จำเป็นสำหรับเราเช่นกัน
โทรโข่ง ยี่ห้อไหนดี
หลายคนน่าจะพอเริ่มเห็นความสำคัญ และประโยชน์ของโทรโข่ง ในมุมที่อาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน กันไปไม่มากก็น้อย แต่เพื่อให้คุณประหยัดเวลาในการเลือกซื้อเราเลยคัดสรรเอา 10 รุ่นโทรโข่งที่น่าใช้งานมาแนะนำให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
1. โทรโข่ง ยี่ห้อ TOA รุ่น ER-520
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ดีไซน์ดูล้ำสมัย เรียบง่ายแต่ดูดี | ราคาค่อนข้างสูง |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 10 วัตต์ | ไม่รองรับระบบชาร์จไฟ |
ไมโครโฟนแบบติดกับตัวเครื่อง | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
เริ่มต้นการแนะนำโทรโข่ง ยี่ห้อไหนดีของเรากันเลยกับโทรโข่ง ยี่ห้อ TOA รุ่น ER-520 โทรโข่งขนาดมาตรฐาน ใช้งานได้อย่างเหมาะมือ พร้อมกับดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายสวยล้ำ มีความโมเดิร์นแตกต่างจากโทรโข่งรุ่นอื่นๆ ที่ขนาดใกล้เคียงกันอย่างมาก การออกแบบที่เน้นความเป็นเรขาคณิต ใครชอบสินค้าดีไซน์แหวกๆ และดูไม่เชย ไม่ควรมองข้าม อีกทั้งน้ำหนักก็ยังเบา สามารถถือใช้งานได้อย่างสะดวก ใช้พลังงานจากถ่าน AA จำนวน 8 ก้อน ซึ่งลงตัวกับกำลังไฟ 10 วัตต์ สามารถใช้งานได้นาน แต่ราคาถือว่าค่อนข้างสูงพอสมควร ถือเป็นโทรโข่งระดับคุณภาพทั้งเสียงและวัสดุที่ใช้ ใครมีความจำเป็นต้องใช้โทรโข่งเป็นอุปกรณ์คู่กายทุกวัน รุ่นนี้ถือว่าลงตัว
2. โทรโข่ง ยี่ห้อ HoxX รุ่น HM-88U
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ขนาดใหญ่สะใจ ระดับเสียงที่ดังชัดเจน | ขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร |
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AUX / USB และ Bluetooth | |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 45 วัตต์ | |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ / ใส่ถ่าน | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
ใครชอบโทรโข่งขนาดใหญ่ แบบเน้นเสียงดังๆ ให้ได้ยินกันไกลออกไปในระยะหลายร้อยเมตร ต้องลองมาดูโทรโข่งไซส์ใหญ่ขนาด 7.50 นิ้ว ลำโพงขยายเสียงด้านหน้ามีขนาดใหญ่และกว้าง ช่วยให้การขยายเสียงทำได้ดี ส่งเสียงออกไปด้วยแรงขับเคลื่อนถึง 45 วัตต์ เรียกได้ว่าดังมากๆ สามารถใช้งานได้ดี ทั้งภายในและนอกอาคาร นอกจากนี้ยังรองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านสาย AUX, USB และแบบไร้สายผ่านสัญญาณ Bluetooth ด้วย รวมถึงรองรับการใช้ SD Card ให้โทรโข่งไม่จำกัดอยู่กับแค่การเป็นโทรโข่งเท่านั้น แต่สามารถใช้เป็นเครื่องขยายเสียงคุณภาพดีๆ ตัวนึงได้เลย
3. โทรโข่ง ยี่ห้อ MITSUMI รุ่น MP-19S
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ขนาดใหญ่สะใจ ปรับระดับความดังได้อย่างชัดเจน | ไม่รองรับการใส่ถ่าน |
รองรับการเล่นไฟล์เสียงผ่าน SD Card | |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 80 วัตต์ | |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
ต่อกันด้วย โทรโข่ง ยี่ห้อ MITSUMI รุ่น MP-19S ที่มาในขนาดที่ใหญ่สะใจถึง 9 นิ้ว ด้านหน้าลำโพงกว้างมาก กำลังไฟขยายเสียงสูงมากถึง 80 วัตต์ ทำให้เสียงสามารถดังออกไปไกลพร้อมกับการขยายเสียงผ่านไมโครโฟนแบบแยกชิ้น ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวก โดยที่ไม่ต้องถือโทรโข่งไว้ตลอดเวลา สามารถสะพายไหล่ หรือวางเอาไว้ที่โต๊ะ ก็ยังสามารถให้เสียงที่ดังฟังชัดเจนได้ และแม้จะขนาดใหญ่ แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเมื่อย เพราะมีน้ำหนักเพียงแค่ 1.45 กิโลกรัม เท่านั้นเอง อีกทั้งยังมีระบบการเชื่อมต่อผ่านสาย USB ที่สามารถใช้ได้ทั้งสำหรับชาร์จไฟ และเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อย่างอื่น เพื่อเพิ่มความดังได้ด้วย
4. โทรโข่ง ยี่ห้อ DECCON รุ่น MG-3008B
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
โทรโข่งขนาดใหญ่ ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ | ไม่รองรับการใส่ถ่าน |
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AUX / USB และ Bluetooth | |
รองรับการเล่นไฟล์เสียงผ่าน SD Card | |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 70 วัตต์ |
ใครยังไม่รู้ว่าจะเลือก โทรโข่ง ยี่ห้อไหนดี DECCON รุ่น MG-3008B เป็นอีกตัวเลือก ที่ภายใต้รูปทรงที่ดูธรรมดา ดูเผินๆ จะไม่ค่อยต่างไปจากโทรโข่งรุ่นอื่นๆ ในขนาดเดียวกันมากนัก แต่ในด้านการใช้งาน ถือว่าโดดเด่นพอสมควร ทั้งทางเลือกในการเชื่อมต่อ ที่สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งมีสายกับไร้สาย ผ่านพอร์ตทั้ง AUX, USB รวมไปถึง Bluetooth และยังรองรับการเก็บไฟล์หรือเล่นเสียงผ่าน SD Card ได้ด้วย ถือเป็นอีกรุ่นที่มีฟังก์ชันค่อนข้างอเนกประสงค์พอสมควร แม้กำลังไฟขับเคลื่อนจะไม่เยอะมาก ถ้าเทียบกับขนาดของลำโพง เพียงแค่ 70 วัตต์ เท่านั้น แต่ก็ถือเป็นสเปกแบบที่สมเหตุสมผลและเพียงพอต่อการใช้งานแน่นอน
5. โทรโข่ง ยี่ห้อ Sonar รุ่น MG-66RUB
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ดีไซน์เน้นความอเนกประสงค์ สามารถพับเก็บด้ามจับได้ | ไม่รองรับการเล่นเสียงผ่าน SD Card |
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AUX / USB และ Bluetooth | |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 50 วัตต์ | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
ต่อกันด้วยโทรโข่งดีไซน์สวยงามจากแบรนด์ชื่อคุ้นๆ อย่าง Sonar ที่หลายคนนิยมเลือกใช้กัน (ถ้าเห็นโทรโข่งสีแดงๆ ล่ะก็ใช่เลย) ด้วยความที่ดีไซน์สวย น้ำหนักเบา ใช้งานได้สะดวก มีแผงควบคุมที่สามารถใช้มองเห็นได้ชัดเจน ตำแหน่งเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ และเปลี่ยนโหมดการทำงานได้ง่าย ด้วยขนาดที่ใหญ่มากถึง 10 นิ้ว ทำให้สามารถขยายเสียงได้ไกลหลายเมตร ด้วยกำลังไฟขับเคลื่อน 50 วัตต์ และสามารถรองรับได้ทั้งการชาร์จไฟกับใส่ถ่าน ให้สามารถเลือกใช้ได้ในทุกๆ เวลาที่ต้องการ (หากไม่มีปลั๊กสำหรับชาร์จ ก็สามารถสำรองพลังงานจากถ่านแทนได้) และสามารถรองรับการเชื่อมต่อทุกอย่างได้สะดวก ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
6. โทรโข่ง ยี่ห้อ JMF รุ่น SD-8SL
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ขนาดกำลังเหมาะมือ พกพาได้สะดวก | วัสดุค่อนข้างธรรมดา ควรระมัดระวังการกระแทก |
ไมโครโฟนแบบติดกับตัวเครื่อง | |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ / ใส่ถ่าน | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
ผ่านไปแล้วครึ่งทางกับรายชื่อแนะนำโทรโข่ง ยี่ห้อไหนดีของเรา ไปกันต่อกับโทรโข่ง ยี่ห้อ JMF รุ่น SD-8SL ที่มาพร้อมขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ผลิตจากพลาสติก ABS ที่มีน้ำหนักไม่เยอะ ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวก สามารถเดินถือไปไหนมาไหนได้เป็นอย่างดี แม้ว่ากำลังไฟที่ใช้ขยายเสียงจะไม่มาก (เพียงแค่ 3-5 วัตต์เท่านั้น) แต่สามารถขยายเสียงไปได้ไกลมากกว่า 500 เมตร นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเสียงดนตรีในตัว ให้สามารถเลือกเปิดใช้งานในโอกาสต่างๆ ได้ แต่ความที่เป็นพลาสติกที่น้ำหนักเบา ทำให้จะเสี่ยงต่อการแตกหักได้ง่ายกว่ารุ่นอื่น แต่ด้วยราคาที่ไม่สูงมากจึงเป็นอีกรุ่นที่น่ารับไว้พิจารณา
7. โทรโข่ง ยี่ห้อ PK รุ่น HY-1002B
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
โทรโข่งขนาดเล็ก มีระบบเชื่อมต่อด้วย USB | ไม่รองรับระบบใส่ถ่าน |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 15 วัตต์ | |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
อีกหนึ่งโทรโข่งขนาดกลางๆ ที่เหมาะสำหรับการใช้ในหลายๆ สถานการณ์ กับโทรโข่งขนาด 6 นิ้ว กำลังไฟขยายเสียงแบบกำลังดี 15 วัตต์ สามารถขยายเสียงได้ไกลหลายเมตร พร้อมกับแผงควบคุมที่สามารถใช้งานได้ง่ายมาก ในทุกๆ โหมดการใช้งานที่เราต้องการ เพียงแค่กดปุ่ม เปิด-ปิด เท่านั้น ไม่ต้องปรับอะไรให้วุ่นวายแต่อย่างใด เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่ต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อน แต่ก็ต้องการฟีเจอร์ในระดับใกล้เคียงกับโทรโข่งรุ่นแพง ๆ โดยทั่วไป และยังสามารถรองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และการเล่นเสียงผ่าน SD Card ได้ ภายใต้ราคาที่ไม่แพงอีกด้วย
8. โทรโข่ง ยี่ห้อ TOA รุ่น ER-3215
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
โทรโข่งขนาดพอดีมือ คุณภาพเสียงยอดเยี่ยม | ไม่รองรับการใส่ถ่าน |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 15 วัตต์ | ราคาค่อนข้างสูง |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
อีกหนึ่งโทรโข่งคุณภาพสูง จากแบรนด์ TOA ที่หลายคนเลือกใช้ เนื่องจากคุณภาพที่ดีกว่าโทรโข่งราคาถูกโดยทั่วไป ทั้งในด้านการใช้งาน และดีไซน์ที่ดูสวยเรียบร้อยสะดุดตา ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ที่เน้นความแข็งแรง แต่มีน้ำหนักเบา เพียงแค่ 1.15 กิโลกรัมเท่านั้น ถือเป็นรุ่นที่สามารถเดินถือไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกและดูดี นอกจากนี้คุณภาพเสียงยังดังไกลฟังชัด ด้วยกำลังไฟ 15 วัตต์ ควบคุมการทำงานหรือปรับโหมดต่างๆ ได้ง่าย เพียงปุ่มไม่กี่ปุ่มเท่านั้น
9. โทรโข่ง ยี่ห้อ DECCON รุ่น MG-212R
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
โทรโข่งขนาดเล็ก ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย | ไม่รองรับการชาร์จไฟ |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 15 วัตต์ | ขนาดค่อนข้างเล็กมาก |
ไมโครโฟนแบบติดกับตัวเครื่อง | |
มีระบบบันทึกเสียง / เสียงไซเรน |
โทรโข่ง ยี่ห้อ DECCON รุ่น MG-212R โทรโข่งที่มาในไซส์แบบเล็กกะทัดรัด เพียงแค่ 3.8 นิ้วเท่านั้น สามารถพับเก็บใส่กระเป๋าไปไหนมาไหนได้ง่ายมาก พร้อมกับดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่น ด้วยสีโทน ขาว-แดง ที่ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในยามฉุกเฉินจริงๆ แม้จะขนาดเล็กแต่คุณภาพการขยายเสียงถือว่าดีไม่แพ้รุ่นอื่นๆ ทั้งกำลังไฟ 15 วัตต์ รองรับการขยายเสียงได้ไกลหลายเมตร (แต่อาจจะเบาลงหากใช้ภายนอกอาคาร เนื่องจากขนาดของลำโพงขยายเสียงที่ไม่ใหญ่มาก) ใครต้องการพกพาโทรโข่งไว้ใช้ยามฉุกเฉินโดยเฉพาะ แบบไม่ต้องห่วงเรื่องพื้นที่จัดเก็บ รุ่นนี้น่าจะใช่สำหรับคุณ
10. โทรโข่ง ยี่ห้อ NeoHome โทรโข่ง รุ่นอัดเสียงได้
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ดีไซน์สุดแหวกแนว ตัวเล็กแต่ฟีเจอร์ใช้งานรอบตัว | เหมาะสำหรับติดตั้งกับรถยนต์ มากกว่าจะเอามาถือใช้ |
รองรับการเชื่อมต่อผ่าน USB และ Bluetooth | |
กำลังไฟขับเคลื่อนเสียง 36 วัตต์ | |
แบตเตอรี่ประเภทชาร์จ / ใส่ถ่าน |
ปิดท้ายลิสท์โทรโข่ง ยี่ห้อไหนดีนี้กันด้วยโทรโข่งสุดแหวกแนว ที่โดดเด่นทั้งขนาด สีสัน และการใช้งาน โดยเป็นโทรโข่งไซส์เล็กขนาดประมาณฝ่ามือ เพียงแค่ 2-3 นิ้ว เท่านั้น ไม่มีด้ามสำหรับใช้ถือ แต่มาเป็นแท่นสำหรับวางบนโต๊ะ หรือติดตั้งกับอุปกรณ์อื่นๆ โดยสามารถเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายกับไร้สาย ผ่าน USB กับ Bluetooth ได้ ในด้านคุณภาพเสียงก็ถือว่าไม่ธรรมดา ด้วยกำลังไฟถึง 36 วัตต์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างเยอะมากเมื่อเทียบกับขนาดของโทรโข่ง แต่เนื่องจากรูปทรงที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อใช้ถือ ทำให้เป็นโทรโข่งที่ดูเหมาะกับการนำมาติดตั้งกับ รถยนต์ หรือ เครื่องเสียง มากกว่า
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 รุ่นในรายชื่อ โทรโข่ง ยี่ห้อไหนดี ที่เราคัดมาแนะนำเพื่อให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในเบื้องต้น ซึ่งแต่ละรุ่นก็จะมากับขนาดและฟังก์ชันการใช้งาน รวมถึงสนนราคาก็แตกต่างกันออกไปด้วย ลองเทียบในรายละเอียดกันอีกครั้งว่ารุ่นไหนที่น่าจะลงตัวกับที่คุณกำลังมองหาอยู่มากที่สุด