ปัญหาผมบาง ผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย ไปจนถึงเส้นผมไม่มีน้ำหนัก ผมฟู หยาบกระด้าง ล้วนเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้หลายๆ คน รู้สึกขาดความมั่นใจ เพราะต้องยอมรับว่าการมีเส้นผมสวยสุขภาพดี ช่วยเสริมบุคลิกของเราได้อย่างมาก จึงไม่น่าแปลกใจที่ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม ปลูกผม ลดผมร่วงต่างๆ จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผู้คนให้ความสนใจจำนวนมาก และนอกเหนือจากการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมแล้ว รู้หรือไม่ว่า สิ่งสำคัญอีกอย่างที่หลงลืมไม่ได้เลยสำหรับคนที่ต้องการดูแลเส้นผมให้มีสุขภาพดี นั่นก็คือ การทานอาหารที่มีสารอาหารหรือวิตามินที่ช่วยในการบำรุงผม ซึ่งในปัจจุบัน ก็มีอาหารเสริมที่เป็นวิตามินบำรุงผมมากมาย ออกมาให้เราเลือกทานกัน ใครที่กำลังสนใจอยากจะดูแลสุขภาพเส้นผม สุขภาพหนังศีรษะให้มีสุขภาพดี เรามี 10 อันดับ วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี มาแนะนำให้เลือกกัน
ปัญหาผมร่วง ผมบาง เกิดจากสาเหตุอะไร
อาการผมร่วงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน นั่นก็เพราะมนุษย์เรานั้น โดยเฉลี่ยแล้วมีเส้นผมอยู่ประมาณ 80,0000-100,000 เส้น ดังนั้น ในชีวิตประจำวัน เส้นผมย่อมมีการหลุดร่วงไปตามธรรมชาติ ซึ่งหากเราสังเกตพบว่า ผมของเรามีการร่วงบ้างวันละ 50 – 100 เส้น ก็ถือว่าไม่น่าหนักใจ แต่ถ้ามีอาการผมร่วงมากกว่านั้น ลูบหรือหวีแล้วติดกับมือมาจำนวนมาก รู้สึกได้ถึงความบางของผม นั่นคือภาวะผมร่วง ผมบางที่เราควรต้องลุกขึ้นมาจัดการฟื้นบำรุงแล้วล่ะ ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ให้ผมร่วง ผมบางนั้น มีดังนี้
- อายุ เมื่ออายุของเราเพิ่มมากขึ้น ผมของเราไม่ได้เพิ่มมากตามไปด้วย แต่กลับจะน้อยลง และร่วงได้ง่ายกว่าเดิม ในเพศชายหลังอายุ 20 ก็พบว่าจะเริ่มมีการร่วงของผมมากยิ่งขึ้น สำหรับสาวๆ นั้น หลังมีประจำเดือนผมก็จะร่วงง่ายและเยอะขึ้นเช่นกัน
- ลักษณะทางพันธุกรรม พูดง่ายๆ ก็คือ หากบรรพบุรุษของเรามียีนส์ที่ผมน้อย ผมบาง ผมร่วงง่ายอยู่แล้ว โอกาสที่เราจะผมบางด้วยก็มีมากกว่าคนทั่วไปด้วยสาเหตุทางพันธุกรรม
- มลภาวะและพฤติกรรม การที่เส้นผมของเราต้องเผชิญกับมลภาวะต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง แสงแดด การสระผมด้วยน้ำอุ่นบ่อยๆ หรือพฤติกรรมของเราที่มักตกแต่งเส้นผม ทั้งทำสี ดัดลอน ยืดตรง ล้วนส่งผมให้เส้นผมมีความบอบบาง สุขภาพเส้นผมไม่แข็งแรง จนหลุดร่วงได้ง่าย
- ทานอาหารไม่เพียงพอ ไม่อยากจะเชื่อใช่ไหมล่ะ ว่าอาหารมีผลกับสุขภาพเส้นผม นั่นก็เพราะเรามักหลงลืมไปว่าเส้นผมเองก็ต้องการการบำรุงจากสารอาหารเช่นกัน การทานอาหารรสจัดเกินไป หรือไม่ค่อยรับประทานสารอาหารที่ช่วยบำรุงเส้นผม ก็ส่งผลให้ผมร่วง และเส้นผมบางลงได้เช่นกัน
วิตามินบำรุงเส้นผมใช้แล้วผมแข็งแรง ลดผมร่วง ผมบาง ได้อย่างไร
เมื่อพูดถึงวิตามินบำรุงผมหลายคนอาจจะมองข้ามการบำรุงรักษาเส้นผมด้วยการทานอาหารหรือวิตามินที่มีประโยชน์ต่อเส้นผมไป เพราะโดยส่วนใหญ่ มักจะมุ่งเน้นไปที่การบำรุงเส้นผมจากภายนอก เช่น การใช้ทรีตเมนต์รีแพร์ การหมักสปา หรือการเข้าซาลอนบำรุงเส้นผมด้วยวิธีต่างๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น สุขภาพผมจะดีขึ้นมาได้จากภายใน ส่วนสำคัญต้องมาจากการที่ร่างกายสามารถซ่อมแซมส่วนสึกหรอของเส้นผมจากการทานสารอาหารหรือวิตามินที่มีประโยชน์ต่อการฟื้นบำรุงเส้นผม ซึ่งแน่นอนว่าการทานอาหารปกติทั่วไป อาจจะไม่เพียงพอ ดังนั้นการเลือกใช้ วิตามินบำรุงผมเข้าไปช่วยเสริมในการฟื้นบำรุงเส้นผม ก็ช่วยให้เส้นผมได้รับการซ่อมแซมและสุขภาพดี เส้นผมมีความแข็งแรงมากขึ้น
วิธีเลือกซื้อ วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี
ก่อนจะไปดูว่าวิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี เรามีเคล็ดลับง่ายๆ ในการเลือกวิตามินบำรุงผมมาให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อกันเพื่อเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
1. การเลือกวิตามินบำรุงเส้นผม สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือสารสกัดในผลิตภัณฑ์นั้นๆ เราต้องเลือกที่มีสารสกัดสำคัญที่ช่วยในการบำรุงเส้นผม เช่น วิตามิน H หรือ ไบโอติน (Biotin) วิตามินเอ ธาตุสังกะสี (ซิงค์) วิตามินซี วิตามินอี และวิตามินบีรวม เป็นต้น
2. เลือกวิตามินบำรุงเส้นผมจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐานการผลิตเป็นที่ยอมรับ มีการระบุวันหมดอายุ ปริมาณที่แนะนำให้รับประทานต่อวันชัดเจน ทั้งนี้ เพื่อความมั่นใจว่าสิ่งที่เราทานเข้าไปนั้นจะเกิดประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ส่งผลเสีย
3. เลือกวิตามินบำรุงผมที่ทานง่าย ทานได้จริง เพราะวิตามินโดยส่วนใหญ่ต้องทานต่อเนื่อง 1 – 2 เดือน แล้วจึงเว้นพักเพื่อให้ร่างกายจัดสมดุล ทั้งนี้ ถึงแม้เราจะเลือกทานวิตามินเป็นตัวเสริมก็ยังคงต้องเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายควบคู่กันไป
แนะนำ 10 อันดับ วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี 2024
สำหรับที่ผู้ต้องการฟื้นบำรุง หรือดูแลรักษาสุขภาพผม ต้องการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ผมหยาบกระด้างไม่มีชีวิตชีวา โดยการเลือกทานวิตามินบำรุงผมเสริมให้กับร่างกาย วันนี้ เราได้รวบรวมเอาผลิตภัณฑ์วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อดังมาให้ได้เลือกทานกัน โดยวิตามินแต่ละชนิดจะให้ประโยชน์เมื่อทานในปริมาณที่เหมาะสม และนอกจากจะช่วยเรื่องเส้นผมแล้วอาจจะช่วยให้มีสุขภาพผิว เล็บ ที่ดีอีกด้วย ใครยังไม่รู้จะเลือก วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ตามไปช็อปกันได้เลย
1. วิตามินบำรุงผม Blackmores Bio Zinc
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ช่วยในการบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะเส้นผม ผิว และเล็บ | บรรจุ 84 เม็ด / กล่อง |
| มีสังกะสีในรูปซิงค์ อะมิโน แอซิด คีเลท | ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1 เม็ด |
| อุดมด้วยวิตามินเอ วิตามินบี 6 | มีวิตามินเอเป็นส่วนประกอบ หญิงตั้งครรภ์ต้องรับประทานภายใต้การดูแลของแพทย์ |
เริ่มต้นรายชื่อ วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 กันด้วย แบล็คมอร์ ไบโอ ซิงค์ 84 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือวิตามินจากแบรนด์ยอดนิยม แบล็คมอร์ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เป็นวิตามินรวมที่ขนเอาสารสกัดที่จำเป็นต่อการบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะเส้นผม ผิว และเล็บมาครบครัน ทั้งสังกะสีในรูปแบบของซิงส์ แมงกานีส แมกนีเซียม วิตามินเอ วิตามินบีรวม ซึ่งมาสามารถดูดซึมเข้าร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีส่วนช่วยในการสร้างภูมิต้านทาน ลดสิว สิวอักเสบ และเป็นกลไกสำคัญในการช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพเส้นภาพเส้นผม ผิวและเล็บ
2. วิตามินบำรุงผม VISTRA Zinc 15 mg
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเส้นผม เล็บ ผิว | บรรจุ 45 เม็ด /กล่อง |
| ประกอบด้วย Zinc Amino Acid Chelate 66.67 มก. | ผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1เม็ด |
VISTRA Zinc 15 mg ( วิสทร้า ซิงก์ 15 มก.) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร จาก VISTRA แบรนด์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเจ้าดังที่ได้รับความนิยมอีกแบรนด์หนึ่ง วิสทร้า ซิงก์ 15 มก. ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย Zinc Amino Acid Chelate 66.67 มก. (ซิงก์ อะมิโน แอซฺด คีเลต ) ซึ่งให้ซิงก์15 มิลลิกรัม ซิงก์หรือแร่ธาตุสังกะสี เป็นอีกหนึ่งแร่ธาตุสำคัญกับร่างกาย แม้ว่าร่างกายจะต้องการได้รับในปริมาณน้อย แต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ซิงก์จะพบมากในร่างกายคือ เส้นผม เล็บ ผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อและตับ ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยลดการเกิดสิวอักเสบได้ดีอีกด้วย
3. วิตามินบำรุงผม 21ST CENTURY Biotin 10,000 mcg
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีไบโอติน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผม, เล็บ และผิวมีสุขภาพดี | ขนาด 800 mcg บรรจุ 110 เม็ด |
| เป็นแบบ Gluten Free | ขนาด 10,000 mcg บรรจุ 120 เม็ด |
| ผ่านการรับรองมาตรฐาน Quality Laboratory Tested | รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมอาหาร |
21st Century Biotin ไบโอตินตัวดังจากแบรนด์ 21st Century ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสหรัฐอเมริกา ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เน้นการเสริมไบโอติน (Biotin) ให้กับร่างกาย ซึ่งไบโอติน (Biotin) ขึ้นชื่อว่าเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมยอดนิยมของผู้ที่มีปัญหาเส้นผม ผมร่วง ผมบาง เพราะไบโอติน (Biotin) เป็นสารอาหารในกลุ่มวิตามินบี 7 หรือที่เรียกกันว่า วิตามิน H และโคเอนไซม์ อาร์ โดยปกติแล้วร่างกายสามารถสังเคราะห์จากการทานอาหารได้ แต่ก็ไม่ค่อยเพียงพอ ไบโอติน (Biotin) มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งช่วยในการเผาผลาญ และช่วยในกระบวนการสังเคราะห์โปรตีน Keratin ซึ่งเป็นส่วนประกอบในเล็บและผมด้วย
4. วิตามินบำรุงผม MEGA We care REGENEZ
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีสารสกัดสำคัญในการบำรุงผมและเล็บ | บรรจุ 30 แคปซูล/กล่อง |
| มีไบโอติน | รับประทานครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้ง |
| มีสังกะสี (ในรูปซิงค์อะมิโนแอซิดคีเลต) |
มาต่อกันที่ MEGA We care REGENEZ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามินเสริมที่มีส่วนผสมเอาใจคนรักสุขภาพผม เล็บ และผิวหนังโดยเฉพาะ เพราะในตัว Mega REGENEZ ประกอบด้วยสารสัดสำคัญมากมาย อาทิ สังกะสี (ในรูปแบบซิงค์อะมิโนแอซิดคีเลต 15 มิลลิกรัม) ซึ่งมีส่วนช่วยในการเสริมภูมิต้านทาน บำรุงผมและเล็บ เสริมทัพด้วยไบโอติน 1,000 ไมโครกรัม ซิลิกา ทองแดง และยังอุดมไปด้วย วิตามิน บี5 (กรดแพนโทธีนิก) วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิก) วิตามินบี 3 (นิโคตินาไมด์) วิตามินบี 6 (ไพริด็อกซีนไฮโดรคลอไรด์) จึงเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือวิตามินบำรุงผมที่ออกแบบมาอย่างครบครันในเรื่องการบำรุงผมและผิว เรียกว่าพูดถึงวิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ขาดตัวนี้ไม่ได้เลยล่ะ
5. วิตามินบำรุงผม Nature’s Bounty Optimal Solutions Hair Skin & Nails
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| บำรุง ผิว ผม เล็บ ในหนึ่งเดียว | รูปแบบกัมมี่ เม็ดเคี้ยว |
| รูปแบบกัมมี่ ทานง่าย เคี้ยวอร่อย | สำหรับผู้ใหญ่ ทานวันละ 2 กัมมี่ |
| ยอดขายอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ต่อเนื่อง 10 ปี |
มาแล้วจ้า Nature’s Bounty Optimal Solutions Hair Skin & Nails วิตามินกัมมี่ เคี้ยวหนึบที่ยืนหนึ่งในเรื่องของความทานง่าย คุณสมบัติเพียบพร้อมทั้งบำรุงผิว ผม และเล็บในคราวเดียว การันตีด้วยรางวัล Best seller รีวิววิตามินยอดนิยมในเมกา ต่อเนื่องถึง 10 ปีซ้อน ไอเทมนี้เป็นกัมมี่วิตามิน ที่มีส่วนผสมครบครัน ตั้งแต่วิตามินซี ไบโอติน วิตามินอี เรียกได้ว่าเม็ดเดียวบำรุงทั้งผิว เล็บ ผม จบครบ พิเศษสุดคือรสชาติดี ทานง่าย อยากผมสวย ผิวสวย เล็บแข็งแรงไม่เหลือง ก็จัดไปวันละ 2 กัมมี่เท่านั้นเอง
6. วิตามินบำรุงผม DHC ZINC
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มีสังกะสี Zinc Amino Acid Chelate | ควรทานวิตามินด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง เพื่อการดูดซึมที่ดีขึ้น |
| เน้นการดูแลเส้นผม ผิวพรรณ | สตรีมีครรภ์, และเด็ก ห้ามรับประทาน |
| มีส่วนช่วยลดการอุดตันของสิว |
วิตามินบำรุง ยี่ห้อไหนดี ตัวที่ 6 คือ DHC ZINC ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากแบรนด์ DHC ประเทศญี่ปุ่น ที่จะมาช่วยเติมพลังให้กับผิว เส้นผม และเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรง คุณสมบัติโดดเด่นของไอเทมนี้คือทานง่าย สามารถทานต่อเนื่องได้ 60 วัน ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื่น แลดูกระจ่างใส สุขภาพผิวดีขึ้นจากภายใน เพราะธาตุสังกะสีใน DHC ZINC ช่วยในการสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกัน ช่วยชะลอการแก่ของเซลล์ ลดการอุดตันของสิว ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ นอกเหนือจากผมร่วง ผมบางแล้ว หากมีปัญหาผิวพรรณ สิวอุดตันอยู่ด้วยก็จะช่วยได้เป็นอย่างดี
7. วิตามินบำรุงผม CHAMÉ Collagen Tripeptide Plus Biotin
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ผสานคุณค่าคอลลาเจนและไบโอติน | 1 กล่อง / 30 ซอง |
| สูตรเพื่อเส้นผม พร้อมบำรุงผิว | รับประทานวันละ 1 ซอง |
| แบบชงดื่มง่าย |
อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์อาหารเสริม วิตามินบำรุงผิวที่ออกแบบมาเพื่อเส้นผมโดยเฉพาะ นั่นคือ CHAME’ Collagen Tripeptide Plus Biotin (ชาเม่ คอลลาเจน ไตรเปปไทด์ พลัส ไบโอติน) จากญี่ปุ่น ไอเทมนี้เป็นสูตรเพื่อเส้นผม โดยเป็นผลิตภัณฑ์คอลลาเจนไตรเปปไทด์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการซ่อมแซมส่วนสึกหรอของเซลล์ ผนวกรวมด้วยไบโอติน ซึ่งทำหน้าที่ในการเสริมสร้างกระบวนการซ่อมแซมเส้นผม และมีส่วนผสมของเมล็ดเเฟล็กซ์ สนหางม้า ข้าวฟ่างเยอรมัน พร้อมทั้ง วิตามินรวม18 ชนิด ช่วยให้เส้นผมแข็งแรง ลดการร่วงบาง มีความเงางาม ที่สำคัญคือผลิตภัณฑ์นี้ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล ดื่มง่ายสามารถดื่มได้ทุกวัน
8. วิตามินบำรุงผม Vistra L-Cysteine Plus Biotin
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| บำรุงเส้นผม ผิว เล็บ | บรรจุ 30 เม็ด / กล่อง |
| มีไบโอติน ช่วยในการซ่อมแซมเส้นผม | รับประทานวันละ 1 เม็ด พร้อมมื้ออาหาร |
| มีส่วนผสมของ Cysteine (ซีสเทอีน) ช่วยดูดซับสารพิษ | |
| มีซิงส์แร่ธาตุสังกะสี และวิตามินบีรวม |
Vistra L-Cysteine Plus Biotin ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไบโอตินจากแบรนด์ วิสทร้า ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มีคุณสมบัติโดดเด่นที่การรวมเอาวิตามินและสารอาหารสำคัญหลายอย่างที่ใช้ในการดูแลเส้นผม และผิวพรรณมาไว้ด้วยกัน ทั้ง Cysteine (ซีสเทอีน) กรดอะมิโนโปรตีนที่ช่วยในการดูดซับพิษจากร่างกาย Biotin (ไบโอติน) ตัวช่วยในการแก้ปัญหาผมบาง ผมหลุดร่วง และ ซิงส์แร่ธาตุสังกะสี รวมถึงวิตามินบีรวม รับประทานง่าย เพียง 1 เม็ดต่อวันพร้อมมื้ออาหารก็เติมเต็มสารอาหารให้กับ ผม ผิว และเล็บได้แล้ว
9. วิตามินบำรุงผม Haru Biotin Max
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| เสริมสร้างสุขภาพเส้นผม ลดอาการผมร่วง | 30 แคปซูล /กล่อง |
| ช่วยป้องกันผมหงอกขาว บำรุงผมเกิดใหม่ | รับประทานวันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร |
| ช่วยบำรุงให้เล็บ และผิวพรรณ |
อันดับที่ 9 สำหรับวิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ขอแนะนำ Haru Biotin Max ( ฮารุ ไบโอติน แมกซ์ ) ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ เป็นไอโบตินเข้มข้น ที่ช่วยในการบำรุงเส้นผม แบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ไบโอตินจะเป็นสารอาหารที่ร่างกายสังเคราะห์ได้ แต่ก็น้อยมาก ไม่เพียงพอกับความต้องการในการช่วยซ่อมแซมบำรุงเส้นผมและผิวพรรณ ดังนั้น ทานตัวนี้เสริมเข้าไปก็จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม ช่วยบำรุงผมงอกใหม่ให้แข็งแรงเงางาม ป้องกันการเกิดหงอก และมีส่วนผสมของสารอาหารที่ช่วยในบำรุงผิวพรรณ เล็บ ให้มีความแข็งแรง ภายในประกอบด้วยสารสกัดสำคัญ เช่น Biotin Zinc Gluconate และ Magnesium Stearate เป็นต้น
10. วิตามินบำรุงผม Puritan’s Pride Biotin
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไบโอติน | บรรจุ 60 แคปซูล / กล่อง |
| บำรุงเส้น เล็บ และผิวพรรณ | รับประทานวันละ 1 เม็ด |
ปิดท้าย วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 กันด้วย Puritan’s Pride Biotin ผลิตภัณฑ์เสริมวิตามินสำหรับเส้นผม จากพลังของไบโอติน 5000 mcg ผลิตภัณฑ์ตัวนี้เน้นหนักที่การเสริมไบโอตินให้กับร่างกาย มีส่วนผสมของแคลเซียมด้วยเล็กน้อยเพื่อเสริมการทำงานกัน ทั้งนี้ ไบโอติน หรือที่รู้จักกันว่า Vitamin H เป็นวิตามินในกลุ่มวิตามินบีรวมมีส่วนในการสนับสนุนการเสริมสร้าง และซ่อมแซมเซลล์เส้นผม เล็บ และช่วยในเรื่องของผิวพรรณด้วย
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนั้น ก็คือ 10 อันดับ วิตามินบำรุงผม ยี่ห้อไหนดี ปี 2024 ที่หยิบเอามาฝากกัน โดยการทานวิตามินเสริมนั้น ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตได้มาตรฐาน รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม และต้องไม่ลืมที่จะทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกายควบคู่ไปด้วย เพราะเพียงแค่ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมอย่างเดียวนั้นคงไม่เพียงพอ และสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังตั้งครรภ์ แนะนำว่าก่อนรับประทานวิตามินอะไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนจะเป็นการปลอดภัยมากที่สุด
