
ไดร์เป่าผมนั้นเรียกว่าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่หลายคนอาจจะมองว่าไม่สำคัญแต่ก็ถือได้ว่าเป็นไอเทมที่ขาดไปไม่ได้ เพราะช่วยทำให้ผมของเรานั้นแห้งเร็วขึ้นและเป็นทรงมากกว่าการเป่าด้วยพัดลมตามปกติ นอกจากนี้บ้านใครที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ก็อาจจะใช้ไดร์เป่าผมเพื่อเป่าให้ผมแห้งหลังจากอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงแสนรักได้อีกด้วย หลายคนอาจคิดว่าไดร์เป่าผมก็คล้ายๆ กันหมดเพียงแค่เป่าลมร้อนออกมาเท่านั้น แต่ทราบหรือไม่ว่าไดร์เป่าผมที่มีวางจำหน่ายกันอยู่ในปัจจุบันนั้นต่างก็มีคุณสมบัติและความสามารถในการดูแลเส้นผมที่แตกต่างกันออกไป ส่วนจะเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง เรามีมาฝากกันถึง 10 รุ่นด้วยกัน
วิธีเลือกไดร์เป่าผม
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี เรามาดูวิธีการเลือกไดร์เป่าผมกันก่อนว่าจะต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง ซึ่งการเลือกไดร์เป่าผมหลักๆ แล้วก็จะต้องดูจากคุณสมบัติต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เลือกจากวัสดุที่ใช้
ต้องบอกว่าวัสดุที่ใช้ทำไดร์เป่าผมที่มีความแตกต่างกันก็จะทำให้ประสิทธิภาพของไดร์เป่าผมนั้นมีความแตกต่างกันไปด้วย โดยสามารถแบ่งได้ดังนี้
ไดร์เป่าผมที่เป็นแบบไอโอนิกหรือทัวร์มาลีน ถ้าหากคุณเป็นคนที่มีผมแห้งหนาชี้ฟูแนะนำให้เลือกใช้ไดร์เป่าผมที่เป็นแบบไอโอนิกหรือทัวร์มาลีน เพราะทัวร์มาลีนนั้นเป็นแร่ธาตุที่สามารถปล่อยประจุลบได้เข้มข้นที่สุดจึงช่วยทำให้เส้นผมแห้งเร็วขึ้น อีกทั้งช่วยรักษาความชุ่มชื้นของเส้นผมไม่ให้แห้งเสีย ซึ่งไดร์เป่าผมแบบไอออนิกหรือทัวร์มาลีนนั้นเหมาะสำหรับผมทุกประเภทที่แห้งได้ยาก เพราะช่วยทำให้น้ำระเหยออกไปได้เร็วขึ้นจึงทำให้ผมแห้งเร็วขึ้นนั่นเอง
ไดร์เป่าผมแบบไททาเนียม สำหรับคนที่มีผมหนา เส้นใหญ่ สามารถเลือกไดร์เป่าผมแบบไททาเนียมที่ให้ความร้อนจัดรวมไปถึงให้อุณหภูมิคงที่และสม่ำเสมอได้ดีกว่า ช่วยทำให้ผมแห้งเร็วขึ้นได้มาก นอกจากนี้วัสดุที่เป็นไทเทเนียมนั้นก็ยังมีน้ำหนักน้อยกว่าพวกเซรามิคหรือพอร์ซเลน จึงทำให้สามารถถือไดร์เป่าผมเอาไว้ได้นานโดยที่ไม่รู้สึกเมื่อยอีกด้วย
ไดร์เป่าผมพลาสติกหรือโลหะเคลือบด้วยเซรามิคหรือพอร์ซเลน หากเส้นผมของคุณนั้นเป็นผมเส้นเล็ก ลีบแบน แนะนำให้เลือกไดร์เป่าผมที่เป็นโครงพลาสติกหรือโลหะแล้วเคลือบด้วยเซรามิคหรือพอร์ซเลนเพราะจะให้ความร้อนที่ไม่รุนแรงและสม่ำเสมอมากกว่าจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใครที่มีผมเส้นเล็ก ลีบแบน แห้ง ขาดน้ำหนัก เพราะจะช่วยถนอมเส้นผมได้ดีกว่า นอกจากนี้ไดร์เป่าผมที่มีเซรามิคหรือพอร์ซเลนยังสามารถให้ไอออนลบเพื่อป้องกันไม่ให้ผมชี้ฟูและช่วยให้คุณเป่าผมได้แห้งเร็วขึ้น รวมไปถึงบางรุ่นก็จะมีเทคโนโลยีอินฟราเรดที่ใช้คลื่นพลังงานเข้าไปทำให้เส้นผมแห้งจากภายในสู่ภายนอก
2. เลือกจากกำลังไฟฟ้า
โดยปกติแล้วแรงลมและความร้อนของไดร์เป่าผมนั้นขึ้นอยู่กับกำลังไฟฟ้าที่มีอยู่ ดังนั้นการจะเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี สิ่งที่สำคัญก็คือจะต้องดูกำลังไฟฟ้าที่มากับตัวเครื่องด้วย หากอยากได้ไดร์เป่าผมที่สามารถใช้งานได้ดีแนะนำให้เลือกรุ่นที่มีกำลังไฟตั้งแต่ 1,500 วัตต์ ขึ้นไป เพราะสามารถให้กำลังของมอเตอร์ที่มีความแรงจึงทำให้ลมที่เป่าออกมานั้นมีความเร็วและสามารถทำความร้อนได้ดีกว่า แต่ถ้าหากมีเส้นผมที่หนาและแห้งฟูมาก แนะนำให้เลือกไดร์เป่าผมที่มีกำลังไฟอยู่ในช่วง 1,800 วัตต์ ถึง 2,000 วัตต์ ซึ่งจะเป็นระดับของไดร์เป่าผมที่มักจะใช้กันในร้านทำผม ก็จะช่วยทำความร้อนและให้แรงลมที่ดีทำให้ผมแห้งเร็วยิ่งขึ้น
3. น้ำหนักของตัวเครื่อง
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการเลือกไดร์เป่าผมก็คือน้ำหนักตัวเครื่อง ซึ่งต้องดูว่าไดร์เป่าผมรุ่นที่คุณเลือกนั้นสามารถถือได้ในช่วงระยะหนึ่งโดยที่ไม่ทำให้รู้สึกเมื่อยล้าหรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าในการเป่าผมนั้นคุณจะต้องถือไดร์เป่าผมเอาไว้อยู่ตลอดเวลา การเลือกไดร์เป่าผมที่มีน้ำหนักเบาสามารถจับได้ถนัดมือก็จะทำให้สามารถเป่าผมได้อย่างสะดวกและง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยน้ำหนักที่แนะนำก็คืออยู่ในช่วงประมาณไม่เกิน 1 กิโลกรัมถือว่ากำลังเหมาะสม หรือถ้าหากใครต้องมีการพกไดร์เป่าผมใส่กระเป๋าออกไปนอกสถานที่อยู่บ่อยๆ ก็อาจจะเลือกไดร์เป่าผมที่มีน้ำหนักเบามากกว่านั้นและสามารถพับได้เพื่อความสะดวกในการพกพามากยิ่งขึ้น
4. การให้ความร้อน
การให้ความร้อนเป็นองค์ประกอบสำคัญของอุปกรณ์นี้ โดยควรเลือกไดร์เป่าผมที่สามารถตั้งค่าความร้อนและแรงลมได้หลายระดับ ซึ่งถ้าต้องการไดร์เป่าผมที่สามารถใช้งานได้อย่างครอบคลุมแนะนำเป็นไดร์เป่าผมที่สามารถปรับได้ 3 ระดับก็คือ ต่ำ ปานกลาง และสูง อย่างเช่นใครที่มีผมบาง ผมเส้นเล็ก หรือผมแห้ง ก็ให้ตั้งค่าความร้อนและแรงลมเป็นระดับต่ำ ใครที่มีผมธรรมดาก็ใช้การตั้งค่าในระดับกลาง และใครที่มีผมหยาบหนา เส้นใหญ่ ก็เลือกตั้งค่าเป็นระดับสูง เป็นต้น
5. เลือกจากฟังก์ชั่นการใช้งานเสริม
ไดร์เป่าผมโดยทั่วไปแล้วจะมีในส่วนของฟังก์ชันการปรับระดับความแรงลมและความร้อนมาให้อยู่แล้ว แต่สำหรับใครที่มีความต้องการเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ก็อาจมองหาไดร์เป่าผมที่มาพร้อมฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมอย่างเช่น มีโหมดการเป่าลมเย็นเพื่อป้องกันผมแห้งฟูและช่วยถนอมหนังศีรษะ เพราะแทนที่จะเลือกเป่าด้วยลมร้อนจนผมแห้ง ถ้าหากไดร์เป่าผมรุ่นไหนมีโหมดเป่าลมเย็น เมื่อเป่าผมด้วยลมร้อนจนแห้งถึงประมาณ 80% แล้ว ก็ให้เปิดเป็นโหมดเป่าลมเย็นเพื่อปิดรูขุมขนช่วยถนอมหนังศีรษะและช่วยถนอมเส้นผมให้เรียบลื่นยิ่งขึ้น
6. อุปกรณ์เสริม
นอกจากนี้ในส่วนของอุปกรณ์เสริมที่มาในลักษณะของหัวเปลี่ยนที่ด้านปลายของไดร์เป่าผมก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งข้อที่ควรพิจารณาสำหรับการเลือกไดร์เป่าผม อย่างเช่นใครที่มีผมหยิกชี้ฟู ผมหยักลอน การเลือกไดร์เป่าผมที่มีหัวเปลี่ยนแบบ diffuser หรือแบบกระจายลมมาให้ด้วยก็จะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการกระจายลมร้อนได้มากขึ้นและทำให้หนังศีรษะไม่สัมผัสกับความร้อนมากจนเกินไปจนทำให้ผมแห้งชี้ฟู หรือหากใครที่ต้องการไดร์เป่าผมเพื่อช่วยทำให้ผมยืดตรงยิ่งขึ้นก็เลือกหัวเปลี่ยนแบบแบนเพื่อบีบแรงลมและความร้อนให้มีความเข้มข้นมากขึ้น ช่วยทำให้เส้นผมสามารถเรียบตรง หรืออาจจะเลือกเป็นไดร์เป่าผมที่มาพร้อมกับหวีในตัว เพราะจะสามารถช่วยทำให้ผมของคุณเรียบตรงได้มากขึ้นในขณะที่เป่าผม และยังสะดวกมากยิ่งขึ้นเพราะไม่ต้องคอยหยิบหวีมาใช้ในขณะที่กำลังเป่าผมนั่นเอง
7. ความปลอดภัย
ไดร์เป่าผมนั้นคืออุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่มีการใช้งานใกล้ชิดกับตัวเราค่อนข้างมาก หากมีอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาย่อมมีความเสี่ยงที่จะได้รับอันตราย นอกจากนี้ก็ยังอาจก่อให้เกิดอัคคีภัยได้อีกด้วย ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกไดร์เป่าผมจึงควรพิจารณาในเรื่องของระบบความปลอดภัยของตัวเครื่องด้วย อย่างเช่นมีระบบตัดไฟอัตโนมัติถ้าหากตัวเครื่องมีความร้อนมากผิดปกติหรือเกิดไฟฟ้าลัดวงจร เพราะถ้าหากมอเตอร์มีการทำงานมากจนเกิดความร้อนมากเกินไปอาจทำให้ตัวเครื่องเกิดการช็อตและลุกไหม้ขึ้นมาได้ ทางที่ดีแนะนำให้เลือกไดร์เป่าผมจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือได้จะเป็นการดีที่สุด
แนะนำ 10 อันดับ ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี
1. Philips DryCare Essential BHD184/00

เริ่มต้นรายชื่อ ไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Philips DryCare Essential BHD184/00 ไดร์เป่าผมที่มาพร้อมเทคโนโลยี ThermoBalance สุดล้ำจาก Philips ที่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับความร้อนของอากาศแล้วปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมสำหรับการเป่าผมได้แห้งและรวดเร็วโดยไม่ทำร้ายผมและหนังศีรษะ ผมแห้งอย่างมีประสิทธิภาพด้วยกำลังไฟ 2,200 วัตต์ มีฟังก์ชันเป่าลมเย็น สามารถตั้งค่าความร้อนได้ 3 ระดับและความเร็วลม 2 ระดับ พ่วงมาด้วยหัวเป่าลมแบบแบนและหัวเป่าแบบกระจายลมเพื่อตอบโจทย์เส้นผมได้อย่างหลากหลาย มีพลังเทอร์โบเพื่อให้เป่าผมได้แห้งไวเป็นพิเศษ พร้อมระบบปรับสภาพเส้นผมด้วยไอออนลบช่วยขจัดไฟฟ้าสถิตและเพิ่มความเงางามให้ผมไม่ชี้ฟู และสามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวในทุกมุมด้วยสายไฟที่ยาว 1.8 เมตร พร้อมมอบความปลอดภัยในการใช้งานยิ่งขึ้นด้วยระบบตัดไฟอัตโนมัติ
2. Xiaomi SOOCAS H3S

ต่อกันเลยกับไดร์เป่าผมจากแบรนด์ SOOCAS ซึ่งเป็นสินค้าในเครือ Xiaomi มาพร้อมดีไซน์สวยงามกะทัดรัด สีสันสดใส ออกแบบหัวเป่าให้มีการไหลเวียนของกระแสลมที่แรงพร้อมด้วยใบพัดที่มีขนาดใหญ่และกำลังไฟ 1800 วัตต์ สามารถปล่อยประจุลบเพื่อช่วยทำให้ผมแห้งได้ไวขึ้นและไม่ชี้ฟู สามารถปรับความแรงของลมได้ถึง 3 ระดับเพื่อตอบโจทย์ทุกการใช้งานให้กับทุกสภาพเส้นผม โดยที่หัวเป่าไดร์นั้นสามารถปรับหมุนเป็นแนวนอนกับแนวยาวได้เพื่อความสะดวกในการใช้งานยิ่งกว่า สายไฟมีความยาวมาให้ถึง 1.7 เมตรออกแบบมาให้ไม่พันกันจึงสะดวกสำหรับการนำไปใช้งานตามจุดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบาเพียงแค่ 600 กรัม พกพาสะดวก ปิดท้ายด้วยอุปกรณ์เสริมอย่างหัวเป่าไดร์แบบกระจายลมและหัวเป่าไดร์แบบแบนที่ช่วยให้เลือกใช้งานได้ตามความต้องการ
3. Panasonic EH-ND30

Panasonic EH-ND30 ไดร์เป่าผมเครื่องเล็ก กะทัดรัดแต่ทรงประสิทธิภาพด้วยกำลังไฟถึง 1,800 วัตต์ ประสิทธิภาพในการเป่าผมให้แห้งได้เร็วขึ้นอย่างเหนือชั้น พร้อมปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะของคุณไม่ให้เสียหายจากความร้อนที่มากเกินไปด้วยโหมด Heat Protection ที่จะคอยปรับอุณหภูมิและแรงลมให้พอเหมาะไม่ร้อนจนเกินไป ช่วยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะ สามารถเลือกปรับอุณหภูมิได้ถึง 3 ระดับ ได้แก่ Turbo เพื่อผมแห้งเร็วยิ่งขึ้น Heat Protection เพื่อปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะไม่แห้งเสียจากความร้อน และ Strong Cool โหมดการปล่อยลมเย็นเพื่อรักษาทรงผมที่เส้นผมให้อยู่ทรง ตัวเครื่องผลิตจากวัสดุคุณภาพดีแข็งแรงทนทาน สามารถพับเก็บและพกพาได้อย่างสะดวก ออกแบบให้เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อสะดวกต่อการจับถือ มีน้ำหนักโดยรวมเพียงแค่ประมาณ 390 กรัมเท่านั้น
4. Dyson supersonic

Dyson supersonic ไดร์เป่าผมยี่ห้อดังที่มอบศาสตร์แห่งการดูแลเส้นผมได้อย่างครอบคลุมในทุกสไตล์ มาพร้อมดิจิทัลมอเตอร์ขนาดเล็ก กำลังไฟ 1,600 วัตต์ ที่สามารถทำงานได้อย่างทรงพลัง มีเทคโนโลยี Air Multiplier และระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ เทคโนโลยีล่าสุดที่ช่วยเป่าผมให้แห้งเร็วขึ้นโดยไม่ใช้ความร้อนมากจนเกินไป พร้อมปล่อยประจุลบเพื่อช่วยลดปัญหาเส้นผมชี้ฟูได้อย่างมีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากปลายนิ้วมืออาชีพ ออกแบบมาเพื่อดูแลเส้นผมและหนังศีรษะได้อย่างแท้จริง พร้อมหัวเป่า 5 รูปแบบสำหรับการจัดแต่งทรงผมได้ตามต้องการในสไตล์ที่เป็นคุณ ติดตั้งง่ายด้วยการประกอบติดกับแม่เหล็ก สามารถปรับความเร็วลมได้ 3 ระดับและความร้อนได้ถึง 4 ระดับ พร้อมโหมดลมเย็นเพื่อเส้นผมของคุณให้อยู่ทรง พร้อมให้คุณสามารถมีผมสวยได้ทุกที่ทุกเวลาด้วยดีไซน์สวยหรูกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียงแค่ประมาณ 700 กรัมเท่านั้น หากไม่รู้จะเลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี Dyson คือตัวเลือกที่ไม่ควรพลาด
5. Remington Silk Dryer 2400

Remington Silk Dryer 2400 ไดร์เป่าผมดีไซน์สวยสีแดงหรูหรามาพร้อมกำลังไฟ 2400 วัตต์ ให้แรงลมที่ทรงพลังช่วยทำให้ผมแห้งเร็วยิ่งขึ้น มีระบบ AC Motor สามารถปรับความร้อนได้ 3 ระดับและปรับความแรงลมได้ 2 ระดับ พร้อมปุ่มสำหรับปรับลมเย็นช่วยทำให้ผมที่เซ็ตทรงแล้วอยู่ตัวมากยิ่งขึ้น มีซิลค์ เซรามิค และไอออนิคที่ช่วยลดการเกิดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผม ทำให้ผมเงางามขึ้น ใช้หัวไดร์แบบเป่ากระจายลมและหัวไดร์แบบแบนปากแคบ พร้อมฟังก์ชัน Turbo Boost ที่ช่วยให้ผมแห้งเร็วประหยัดเวลายิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำความสะอาดได้ง่ายด้วยตะแกรงกรองฝุ่นด้านหลังที่สามารถถอดออกเพื่อทำความสะอาดได้ จัดเก็บง่ายด้วยห่วงสำหรับแขวนเก็บที่ปลายด้ามจับ พร้อมสายไฟที่ให้มายาวถึง 3 เมตร สามารถใช้งานได้สะดวกทุกที่
6. Lesasha Airmax Extreme LS1200

เลือกไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดีที่ราคาไม่แพงและพกพาง่าย ขอแนะนำ Lesasha Airmax Extreme LS1200 ไดร์เป่าผมขนาดเล็กราคาเบาๆ สีชมพูพาสเทลสุดหวานจาก Lesasha ที่มาพร้อมประสิทธิภาพเกินราคา ด้วยกำลังไฟ 1200 วัตต์ และหัวไดร์แบบแคบที่ช่วยทำให้พลังลมแรงโฟกัสได้ตรงจุด ทำให้เส้นผมแห้งเร็วและจัดทรงง่ายไม่ชี้ฟู หรือจะถอดออกเพื่อให้แรงลมกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้นก็ได้ มีขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาง่าย ออกแบบให้ด้ามจับสามารถพับเก็บได้ พร้อมให้คุณผมสวยได้ทุกที่ทุกเวลา มีปุ่มสำหรับปรับแรงลมได้ 2 ระดับและปุ่มเปิดปิด มีที่แขวนสายไฟช่วยเพิ่มความสะดวกในการจัดเก็บและประหยัดพื้นที่ และมาพร้อมสายไฟยาว 1.8 เมตร สามารถใช้งานได้อย่างสะดวก
7. Super V Su 3600

Super V Su 3600 ไดร์เป่าผมที่ร้านเสริมสวยนิยมเลือกใช้ เป็นรุ่นที่ช่างผมมืออาชีพให้การยอมรับ มาพร้อมกำลังไฟ 2,100 วัตต์ รอบมอเตอร์ 19,000 RPM ให้แรงลมที่ทรงพลัง ดีไซน์สวยงามทันสมัยใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทานได้มาตรฐาน สามารถปรับระดับความร้อนได้ 2 ระดับและปรับความเร็วลมได้ 2 ระดับ มีระบบเป่าลมเย็นและระบบไอออนเพื่อลดไฟฟ้าสถิตบนเส้นผม การทำงานเงียบไม่ส่งเสียงรบกวนมากจนเกินไป มาพร้อมหัวไดร์แบบปากแบนแคบเพื่อช่วยรีดแรงลมให้แรงขึ้นและไดร์ผมได้อย่างตรงจุด สามารถถอดเปลี่ยนได้อย่างสะดวก
8. CKL-3900

ไปกันต่อกับ CKL-3900 ไดร์เป่าผมราคาเบาๆ ที่มาพร้อมประสิทธิภาพการใช้งานเกินราคาด้วยกำลังไฟ 2,000 วัตต์ ที่สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับ และสามารถเลือกปรับอุณหภูมิร้อนเย็นได้ เหมาะสำหรับใช้งานในบ้านหรือร้านเสริมสวยรวมไปถึงใช้เป่าขนสัตว์เลี้ยงก็ได้เช่นกัน มีขนาดใหญ่เหมาะมือให้ลมที่แรงจึงทำให้ผมแห้งเร็วได้ดียิ่งขึ้น พร้อมด้ามจับที่ถนัดเหมาะมือและหัวไดร์แบบปากแบนแคบที่ช่วยบีบแรงลมได้อย่างตรงจุดทำให้ผมเรียบตรงอยู่ทรงมากยิ่งขึ้น พร้อมห่วงเก็บที่สามารถจัดเก็บได้อย่างสะดวกเพียงแค่แขวน ใครหาของดีราคาไม่แพงตัวนี้เลย
9. Philips Essential Care BHD006/00

Philips Essential Care BHD006/00 ไดร์เป่าผมขนาดเล็กทรงพลังแต่ให้ความอ่อนโยนสำหรับเส้นผมและหนังศีรษะ ด้วยกำลังไฟ 1,600 วัตต์ ดูแลเส้นผมและหนังศีรษะของคุณได้อย่างอ่อนโยนด้วยเทคโนโลยี ThermoProtect ที่จะปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมมากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นผมและหนังศีรษะของคุณเสียหายจากความร้อนที่มากเกินไป มาพร้อมระบบเป่าลมเย็นและหัวเป่าแบบกระจายลมและแบบปากแคบเพื่อตอบโจทย์การดูแลเส้นผมได้อย่างตรงจุด สะดวกต่อการพกพาด้วยด้ามจับที่ถูกออกแบบมาให้พับเก็บได้ ให้คุณผมสวยได้ทุกที่ทุกเวลา ดีไซน์สวยงามน่าใช้พร้อมใช้วัสดุ ABS ผิวด้านและไฮกลอส พร้อมสายไฟยาว 1.8 เมตร มอบความสะดวกในทุกพื้นที่การใช้งาน
10. Panasonic EH-ND25-PL

ส่งท้ายไดร์เป่าผม ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Panasonic EH-ND25-PL ไดร์เป่าผมราคาน่ารักกำลังดีสีชมพูสวยงามพร้อมดีไซน์ขนาดเล็กกะทัดรัด ด้วยการออกแบบให้ด้ามจับสามารถพับได้เพื่อการพกพาที่สะดวกยิ่งกว่าให้คุณผมสวยได้ทุกที่ทุกเวลา ให้กำลังไฟสูงสุด 1,500 วัตต์พร้อมปรับแรงลมได้ 3 ระดับ มีระบบ Turbo Dry ให้สายลมแรงเพื่อให้ผมแห้งได้เร็วยิ่งขึ้น และระบบลมเย็นเพื่อการจัดแต่งทรงผมให้สวยยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปลอดภัยด้วยระบบตัดไฟอัตโนมัติที่จะทำการตัดไฟทันทีเมื่อมีความร้อนในตัวเครื่องสูงเกินไป ภาพรวมถือว่าน่าใช้เอามากๆ
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลดีๆ ที่เราได้นำมาฝากกันสำหรับประกอบการตัดสินใจว่าจะเลือกไดร์เป่าผมยี่ห้อไหนดี ซึ่งถ้าหากตามปกติแล้วไม่ค่อยได้ออกไปไหนก็อาจจะเลือกไดร์เป่าผมที่ไม่ต้องพับเก็บก็ได้ โดยเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์สำหรับเส้นผมของคุณได้มากที่สุด แต่ถ้าหากต้องมีการเดินทางไปไหนมาไหนอยู่บ่อยๆ ก็แนะนำให้เลือกซื้อไดร์เป่าผมตัวเล็กๆ ที่สามารถพับเก็บง่ายๆ สะดวกต่อการพกพาเอาไว้อีก 1 เครื่องสำหรับติดกระเป๋าเดินทางไปด้วยเพื่อให้คุณได้ผมสวยทุกที่ มั่นใจได้ในทุกวัน