ปฏิเสธไม่ได้ว่ารอบตัวเรานั้นเต็มไปด้วยมลภาวะจากฝุ่นควัน และมลพิษต่างๆ โดยเฉพาะกับฝุ่น PM 2.5 ที่เป็นปัญหาน่าหนักใจของยุคนี้ ซึ่งไม่เพียงแค่นอกบ้านเท่านั้นในบ้านของเราเองก็เป็นที่แฝงตัวของฝุ่นและเชื้อโรคต่างๆ มากมาย ที่อาจสร้างความเจ็บไข้ได้ป่วยให้กับคนในครอบครัว ยิ่งกับบ้านที่มีเด็กหรือมีคนที่เป็นภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศจึงเป็นตัวช่วยที่หลายบ้านเลือกใช้งาน สำหรับใครที่กำลังมองหาอุปกรณ์นี้อยู่แต่ยังไม่รู้ว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี และควรเลือกซื้ออย่างไร บทความนี้มีคำตอบ
วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ
ในการที่จะตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดีหรือว่ารุ่นไหนที่เหมาะกับบ้านเรามากที่สุดนั้นมีปัจจัยหลายอย่างด้วยกันที่เราสามารถนำมาพิจารณาเพื่อประกอบการตัดสินใจ เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันมีมากมายหลายรุ่นหลายราคา เรามาดูกันว่าหากอยากได้ผู้ช่วยที่จะมาทำให้บ้านเรามีอากาศที่บริสุทธิ์มากขึ้นนั้นต้องดูเรื่องไหนบ้าง
1. เลือกตามประเภทของเครื่องปรับอากาศ
อันดับแรกเลยที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์เบื้องต้นในการเลือกก็คือประเภทของเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้
- แบบไฟฟ้าสถิต เป็นแบบที่ใช้การปล่อยกระแสไฟเพื่อจับฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ แบคทีเรีย หรือมลภาวะต่างๆ เข้าไปยังแผ่นกรองอากาศ ข้อดีอย่างหนึ่งของเครื่องฟอกอากาศแบบนี้คือไม่ต้องคอยเปลี่ยนไส้กรองบ่อยๆ เพราะมักมากับระบบคลีนนิ่งตัวเองแบบอัตโนมัติ เสียงก็ค่อนข้างเงียบ ราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบอื่น
- แบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นแบบที่เน้นกรองฝุ่นมากกว่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ ต้องหมั่นเปลี่ยนไส้กรองอากาศตามอายุการใช้งาน ราคาไม่แพงมาก
- แบบพัดลม เป็นแบบที่ใช้หลักการทำงานง่ายๆ คือดูดฝุ่นและกลิ่นไม่พึงประสงค์เข้าสู่ตัวเครื่อง ไปที่แผ่นกรองอากาศแล้วปล่อยกลับคืนมาเมื่อทำการฟอกให้บริสุทธิ์แล้ว เสียงอาจจะค่อนข้างดัง และต้องคอยเปลี่ยนไส้กรองตามอายุ ราคาถือว่าไม่แพงจนเกินไป
- แบบ HEPA Filters เป็นแบบที่หลายครอบครัวนิยมเลือกใช้ เพราะถือว่าฟอกอากาศได้ค่อนข้างบริสุทธิ์กว่าแบบอื่น กรองได้ทั้งฝุ่น PM 2.5, กลิ่น, แบคทีเรีย, ฝุ่นละออง, และเชื้อโรคต่างๆ เหมาะกับบ้านที่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้
- แบบไอออนิค เป็นแบบที่ใช้การปล่อยประจุลบเพื่อกรองเอาฝุ่นละออง ขนสัตว์ เกสรดอกไม้ เชื้อโรคและกลิ่นต่างๆ หลักการทำงานคล้ายกับแบบไฟฟ้าสถิต แต่จะมีขนาดที่เล็กกว่า การเลือกใช้งานต้องพิจารณาพื้นที่ของห้องร่วมด้วย
2. พิจารณาจากขนาดของห้อง
การจะเลือก เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ขนาดของห้องที่จะติดตั้งก็มีผลกับประสิทธิภาพการใช้งานโดยรวม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วสเปคเครื่องมักจะระบุว่าเครื่องรุ่นนั้นเหมาะกับห้องขนาดไหน พื้นที่เท่าไหร่ แต่หากให้เราแนะนำขอบอกว่าควรเลือกที่มีรัศมีการทำงานมากกว่าพื้นที่ห้องเล็กน้อยเพื่อให้เครื่องทำงานได้ไม่หนักเกินไป นอกจากนี้ยังอาจดูค่า CADR (Clean Air Delivery Rate) ร่วมด้วย เพราะจะบอกเราว่าเครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นให้อากาศบริสุทธิ์กับเรามากแค่ไหนในเวลา 1 นาที
3. เลือกรุ่นที่ใช้แผ่นกรองแบบ HEPA Filters
หากคุณต้องการเครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพดีสามารถกรองได้แม้อนุภาคขนาดเล็กให้มองหารุ่นที่ใช้แผ่นกรองแบบ HEPA Filters เพราะสามารถกรองสิ่งต่างๆ ได้แบบครอบคลุมไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง เกสรดอกไม้ มลพิษและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ สามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ หรือบางรุ่นอาจสามารถกรองฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอน ได้ถึง 99.97 เปอร์เซ็นต์เลยด้วย ซึ่งตัวเลือกนั้นก็มีให้หลายขนาดหลายราคา
4. ขนาดและดีไซน์ตัวเครื่อง
สำหรับบางบ้านอาจจะใช้เครื่องฟอกอากาศตัวเดียวแต่สับเปลี่ยนไปตามห้องต่างๆ การเลือกรุ่นที่ขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปและมีน้ำหนักที่เบาจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการเคลื่อนย้าย หรือบางครั้งอาจต้องนำไปใช้งานที่นอกบ้านด้วยจึงต้องคำนึงถึงขนาดของตัวเครื่อง ส่วนดีไซน์นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชอบแบบไหน สีอะไร ก็สามารถเลือกได้ตามต้องการ
5. ฟังก์ชันการใช้งาน
ฟังก์ชันการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันถือว่ามีความทันสมัยมากขึ้น แต่แน่นอนว่าย่อมแลกมาด้วยราคาที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น สามารถควบคุมการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้ มีเซ็นเซอร์ตรวจจับและบอกค่าฝุ่น PM2.5 ฟังก์ชันตรวจจับและปรับค่าความชื้น การแจ้งเตือนให้เปลี่ยนแผ่นกรองอากาศ สามารถปรับระดับความแรงได้ ตั้งค่าการทำงานในโหมด Sleep ได้ หรือมีฟังก์ชันในการช่วยประหยัดพลังงาน เป็นต้น
6. ความเงียบในระหว่างการทำงาน
ในการจะเลือกว่าเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดีหลายคนมักพิจารณาเรื่องของเสียงการทำงานของตัวเครื่องด้วยซึ่งเครื่องฟอกอากาศกับเครื่องปรับอากาศเป็นอุปกรณ์ที่หากเราใช้งานในห้องนอนแล้วคงไม่อยากให้เกิดเสียงดังรบกวนการนอน เพราะถึงอากาศจะดีแต่ทำให้นอนไม่หลับก็คงจะไม่เหมาะสมเป็นแน่ โดยระดับเสียงที่เหมาะสมนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 30 เดซิเบล ทั้งนี้ในช่วงแรกของการทำงานเครื่องอาจจะปรับความสมดุลทำให้มีเสียงดังกว่าปกติแต่หลังจากนั้นระดับเสียงจะลดลงโดยเฉพาะในโหมด Sleep
7. ยี่ห้อ ราคา และการรับประกัน
ข้อสุดท้ายแต่ก็สำคัญในอันดับต้นๆ ในการเลือกว่าจะซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ก็คือ ยี่ห้อ ราคา และการรับประกัน โดยเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อที่ได้มาตรฐานย่อมช่วยให้เราวางใจได้ในคุณภาพของสินค้าที่จะช่วยดูแลอากาศในบ้านเราให้บริสุทธิ์ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน มีการรับประกันและศูนย์บริการที่ครอบคลุมในกรณีที่ตัวเครื่องเกิดมีปัญหาระหว่างการใช้งาน ส่วนราคานั้นมีตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ฟังก์ชันการทำงานก็ต่างกันออกไป ขึ้นกับว่าเรามีงบประมาณในกระเป๋าที่พร้อมจ่ายมากน้อยแค่ไหน
10 อันดับแนะนำ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี
1. Sharp FP-J30TA-P
เริ่มต้นรายชื่อ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Sharp FP-J30TA-P เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กกะทัดรัดดีไซน์ทันสมัย สามารถใช้งานได้กับห้องที่พื้นที่ประมาณ 23 ตารางเมตร ตัวเครื่องใช้พลังงานน้อยช่วยประหยัดค่าไฟ และมีเสียงดังเพียง 23 เดซิเบล เท่านั้น จุดเด่นของรุ่นนี้คงต้องยกให้เทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ที่ใช้การปล่อยอนุภาคประจุบวกและประจุลบ เพื่อกำจัดเชื้อโรคและไวรัสในอากาศ ช่วยลดปริมาณของสารก่อภูมิแพ้ภายในบ้าน ปรับความแรงได้ถึง 3 ระดับ ใช้แผ่นกรองอากาศแบบ HEPA สามารถกรองเชื้อ H5N1 ได้ และกรองอนุภาคขนาด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% เลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไปอีกด้วย
2. MITSUTA MAP450
ต่อกันด้วยเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อ MITSUTA รุ่น MAP450 นวัตกรรมเพื่ออากาศที่บริสุทธิ์คู่บ้านที่จะมาช่วยให้คนในบ้านสุขภาพดี ปราศจากภูมิแพ้ ด้วยขั้นตอนการฟอกอากาศแบบ 6 ขั้นตอน เพิ่มความมั่นใจให้คุณมากขึ้นว่าอากาศภายในบ้านจะสะอาดสดชื่น รุ่นนี้มาพร้อมกับดีไซน์ตัวเครื่องที่สวยงามทันสมัย ผลิตจากวัสดุชั้นดี แข็งแรงทนทาน มีค่า CADR อยู่ที่ 218 m3/h ช่วยให้อากาศบริสุทธิ์ได้อย่างรวดเร็ว มีแผ่นกรองแบบ HEPA Filter กรองฝุ่นขนาด 0.3 ไมครอนได้ 99.97% กำจัดได้ทั้งไรฝุ่น กลิ่นไม่พึงประสงค์ สารก่อภูมิแพ้ กลิ่นของสัตว์เลี้ยง สารเคมีอันตราย ใช้งานได้กับห้องพื้นที่ 20-40 ตารางเมตร มีระบบตั้งเวลาทำงานอัตโนมัติ และโหมด Sleep ไม่รบกวนการนอนหลับ
3. Philips AC0820/20
Philips AC0820/20 เครื่องฟอกอากาศในซีรีส์ 800 จากผู้ผลิตชั้นนำของวงการเครื่องใช้ไฟฟ้า มาพร้อมคุณภาพที่ผ่านการรับรองจากหลายสถาบัน ชูจุดเด่นด้วยความสามารถในการกำจัดอนุภาคขนาด 0.003 ไมครอน ได้ถึง 99.5% กำจัดไวรัสและสารก่อภูมิแพ้ได้ถึง 99% มั่นใจได้ว่าบ้านจะสะอาดอากาศจะสดชื่น ใช้งานได้กับห้องที่มีพื้นที่ 16-49 ตารางเมตร ค่า Particle CADR อยู่ที่ 190 ลบ.ม./ชม. มีเซ็นเซอร์อัจฉริยะสำหรับการกรองอากาศ ใช้เทคโนโลยี VITASHIELD ที่เป็นการหมุนเวียนอากาศแบบ 3D ระดับความดังอยู่ที่ 35 dB มีโหมดการนอนที่เสียงเงียบเป็นพิเศษ และหรี่ไฟลงไม่ให้รบกวนสายตา ใช้พลังงานเพียง 20W เทียบเท่าหลอดไฟ และยังมีไฟแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรองอีกด้วย
4. DAIKIN MC55UVM6
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อ DAIKIN รุ่น MC55UVM6 เป็นอีกตัวที่น่ารับไว้พิจารณา ซึ่งต้องยอมรับว่าในเรื่องเทคโนโลยีเครื่องปรับอากาศและเครื่องฟอกอากาศนั้นยี่ห้อนี้วางใจได้ในคุณภาพ โดยมีทั้งระบบ Active Plasma Ion ใช้ฟอกอากาศภายนอกและ Streamer สำหรับฟอกอากาศภายในเครื่อง จัดการได้ทั้งเชื้อโรคและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ด้วย Deodorizing Filter ฟิลเตอร์กำจัดกลิ่น แม่นยำเพราะมีทั้งเซ็นเซอร์ PM2.5 ตรวจจับระดับฝุ่นได้ถึง 6 ระดับ และเซ็นเซอร์ตรวจจับกลิ่นเพื่อฟอกอากาศอัตโนมัติ ตัวเครื่องทำงานเงียบเพียง 19 dB ปลอดภัยและทนทานมากขึ้นด้วยระบบป้องกันไฟกระชากในตัว ใช้งานได้กับห้องพื้นที่ 41 ตารางเมตร และยังมีดีไซน์ที่สวยทันสมัยในขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปอีกด้วย
5. Xiaomi Air Purifier 2s
หากถามว่า เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ที่คุ้มค่าน่าใช้งาน หนึ่งในนั้นคงต้องยกให้ Xiaomi Air Purifier 2s จากแบรนด์ชั้นนำด้านอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยรุ่นนี้รองรับการใช้งานในพื้นที่ระหว่าง 21-37 ตารางเมตร ตัวเครื่องออกแบบมาอย่างเรียบหรูทันสมัยเหมาะกับบ้านยุคใหม่ ขนาดกะทัดรัดแต่คุณภาพจัดเต็มเกินตัว เพราะใช้ไส้กรองแบบ RFID ที่เอาอยู่ทั้งฝุ่น PM2.5, อนุภาคขนาด 0.3 ไมครอน, เชื้อรา แบคทีเรีย, กลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ มาพร้อมหน้าจอ OLED ที่ปรับความสว่างอัตโนมัติ สามารถปรับโหมดการใช้งานได้หลายแบบเช่นโหมดอัตโนมัติ หรือ Sleep Mode และยังควบคุมการทำงานผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย
6. Smart Air The Sqair (HEPA)
Smart Air The Sqair (HEPA) เครื่องฟอกอากาศที่ไซน์ทันสมัยเข้ากับบ้านได้หลายแบบด้วยขาไม้บีชสไตล์ยุโรป เรียบง่ายแต่ทรงพลัง แม้ขนาดจะเล็กแต่ก็สามารถมอบอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างน่าพอใจ โดยสามารถฟอกอากาศภายในห้องขนาด 40 ตารางเมตรได้ในเวลาเพียง 25 นาที เหมาะมากกับการใช้งานในห้องนอนเพราะเสียงเบาเพียง 13 dB ทำให้ไม่รบกวนการนอนและยังมีอากาศที่สะอาดสดชื่น ดีต่อสุขภาพ ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเลือกการทำงาน สามารถเลือกได้ทั้งรุ่นไส้กรอง HEPA หรือ HEPA + Carbon กรองได้ทั้งอนุภาคขนาดเล็ก 0.1 ไมครอน กลิ่นไม่พึงประสงค์ เชื้อโรค และฝุ่น PM2.5 ที่สำคัญคือราคาน่าลงทุนด้วยสุดๆ
7. Bwell CF-8400
เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อ Bwell รุ่น CF-8400 เป็นอีกรุ่นที่เราอยากแนะนำ ซึ่งยี่ห้อนี้เน้นการทำตลาดสินค้าสุขภาพมาอย่างยาวนาน สำหรับเครื่องฟอกอากาศตัวนี้รองรับการทำงานภายในห้องขนาดตั้งแต่ 10-30 ตารางเมตร ด้วยระบบการกรองแบบ 6 ขั้นตอน แผ่นกรองเป็นแบบ HEPA สามารถกรองได้ทั้งขนสัตว์, เส้นผม, ฝุ่นละออง, อนุภาคขนาดเล็ก, ละอองเกสร, กลิ่นสัตว์เลี้ยง, กลิ่นอาหาร, ควันบุหรี่ สารก่อภูมิแพ้ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสด้วย UV มี Antibacteria Filter ช่วยกรองแบคทีเรีย ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส ปรับความแรงได้ 3 ระดับ รวมถึงยังตั้งเวลาปิดได้ตั้งแต่ 2-8 ชั่วโมงอีกด้วย
8. Samsung Blue Sky AX3300
Samsung Blue Sky AX3300 เครื่องฟอกอากาศจากยี่ห้อชั้นนำที่วางใจได้ในเรื่องของเทคโนโลยีเครื่องใช้ไฟฟ้า ตัวนี้นอกจากจะเป็นผู้ช่วยในการสร้างอากาศบริสุทธิ์แล้วยังสวยหรูดูดีราวกับเป็นนของตกแต่งบ้านอีกชิ้น การันตีด้วยรางวัล IF Design Award แต่ไม่ได้มีแค่ความสวยเพราะประสิทธิภาพก็น่าประทับใจเพราะสามารถกรองอนุภาค PM0.3 ได้ถึง 99.9% ด้วยแผ่นกรองแบบ 3 ชั้น ประกอบด้วย Pre-filter, Activated Carbon และ HEPA เอาอยู่ทั้งฝุ่น เชื้อโรค กลิ่น และแบคทีเรีย มาพร้อม Air Sensing Light ตรวจวัดและแสดงผลอากาศ 4 สี สามารถปรับโหมดได้ทั้งแบบ Auto Mode, Sleep Mode และ นาฬิกาตั้งเวลา เพื่อการใช้งานอย่างเหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา
9. Dyson Pure Cool air purifier tower fan TP04
Dyson Pure Cool air purifier tower fan TP04 เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูงที่มาในแบบพัดลมฟอกอากาศดีไซน์ล้ำสมัย เทคโนโลยีอัดแน่นไม่ว่าจะเป็นระบบเซ็นเซอร์ที่คอยรายงานสภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ไส้กรอง HEPA และ ถ่านกัมมันต์ ที่กรองอนุภาคได้ระดับ 0.1 ไมครอนได้ 99.95% กรองสารก่อภูมิแพ้และมลพิษที่มองไม่เห็น พ่วงมาด้วยเทคโนโลยี Air Multiplier ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ทั่วห้อง ปรับมุมและองศาได้ตามต้องการ รองรับแอพพลิเคชั่นสุดชาญฉลาดอย่าง Dyson Link หรือควบคุมการทำงานผ่านรีโมทคอนโทรล แผ่นกรองอากาศดูแลรักษาได้ง่าย มีโหมดกลางคืนที่เสียงเงียบและไม่รบกวนสายตาด้วยการลดความสว่างลง ลองดูว่ารุ่นนี้จะโดนใจคุณหรือไม่
10. TCL Breeva A1
ส่งท้ายรายชื่อ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี กันด้วย TCL Breeva A1 เครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กดีไซน์สวย เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะกับการใช้งานกับห้องที่มีพื้นที่ประมาณ 10-20 ตารางเมตร มาพร้อมแผ่นกรอง HEPA H13 และ Activated Carbon ทำให้สามารถกรองได้ทั้งฝุ่น PM2.5, ละอองเกสร, ควันบุหรี่, กลิ่นอาหาร, ขนสัตว์ และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ความดังอยู่ที่ 20 dB ไม่รบกวนการนอนหลับ ปรับสีของไฟได้ มีแผงแสดงสถานะของการทำงาน รวมถึงโหมดป้องกันเด็กเข้ามาตั้งค่า สามารถกรองอากาศบริสุทธิ์ได้ 120 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง กระจายลมได้ 360 องศา เทียบสเปคกับราคาแล้วถือว่าลงตัวเลยล่ะ
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และนี่ก็คือ 10 รุ่น เครื่องฟอกอากาศน่าใช้ที่เราคัดมาให้คุณได้ทำความรู้จักกัน ส่วนการจะเลือก เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก ๆ สามประการคือคุณสมบัติของตัวเครื่อง ขนาดห้องที่จะใช้ และงบประมาณในกระเป๋า ลองเทียบข้อมูลกันดูว่ารุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่น่าจะเหมาะกับบ้านของคุณมากที่สุด