โปรเจคเตอร์ พกพก หรือ มินิโปรเจคเตอร์ (Mini Projector) เป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าด้านการให้ความบันเทิงที่สามารถไปกับเราได้ทุกที่ ด้วยเทคโนโลยีการฉายภาพที่ถูกย่อขนาดลงมา พร้อมฟังก์ชันการทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันไม่ว่าจะกับการนำเสนองานนอกสถานที่, การรับชมภาพยนตร์, การท่องเที่ยว, การศึกษา, การเล่นเกมบนหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น เรียกว่าถึงตัวเล็กแต่สเปคเอาอยู่ โดยมีหลายยี่ห้อและหลายราคา ใครกำลังมองหาไอเทมนี้อยู่แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกมินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีและมีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง วันนี้เรามัดรวมมาให้เลือก
วิธีเลือกมินิโปรเจคเตอร์
การจะเลือกมินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีนั้นมีหลายอย่างที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจได้ เพราะอุปกรณ์นี้มีสเปคและราคาที่หลากหลาย รวมถึงแบรนด์ผู้ผลิตก็มีหลากหลายด้วยเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เราควรต้องมองหาโปรเจคเตอร์นั้นประกอบไปด้วย
1. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากยี่ห้อ ราคา และการรับประกัน
การที่เราต้องเอาข้อนี้ขึ้นก่อนเนื่องจากมินิโปรเจคเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีรายละเอียดทางเทคนิคค่อนข้างเยอะ ซึ่งหากเราไม่มีความรู้มากนักการเลือกซื้อจากแบรนด์ที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างสบายใจมากขึ้น หลังจากนั้นก็มาดูที่ราคาของสินค้าที่เหมาะสมกับงบประมาณที่เรามี เพื่อเปรียบเทียบรายละเอียดสเปคของแต่ละรุ่นว่ารุ่นไหนเหมาะสมหรือตรงกับการใช้งานของเรามากที่สุด และที่ต้องไม่ลืมก็คือการตรวจสอบระยะเวลาและเงื่อนไขในการรับประกันร่วมด้วย
2. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากความละเอียด
ความละเอียดคือสิ่งสำคัญที่เราต้องพิจารณาในการเลือกมินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีเพราะมีผลต่อการใช้งานโดยตรง หากภาพไม่คมชัดก็อาจทำให้เสียอารมณ์และเสียสายตาได้ โดยความละเอียดของมินิโปรเจคเตอร์ยังควรต้องสัมพันธ์กับขนาดของหน้าจอด้วย ซึ่งหากเป็นจอที่ไม่ใหญ่มากคือไม่เกิน 100 นิ้ว ความละเอียด 480P หรือ 720P ก็พอใช้ได้ แต่หากต้องการความละเอียดมาตรฐานและหน้าจอใหญ่กว่า 120 นิ้ว ควรเลือกที่ความละเอียด Full HD (1080P) ขึ้นไป หรือเลือกตามรูปแบบของสถานที่ที่จะใช้งานว่าแสงมากหรือน้อย เพราะความสว่างของอุปกรณ์ที่สูงราคาก็ยิ่งแพงด้วย
3. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากระบบสี
ระบบสีนั้นส่งผลต่อรายละเอียดของภาพที่ได้ซึ่งหลักๆ แล้วหากเรียงตามความละเอียดที่ได้รับจากน้อยไปหามากก็คือ LCD, DLP และ LCOS โดยตัวหลังนั้นรองรับได้ถึงระดับ 4K ช่วยให้ได้รายละเอียดที่คมชัด สบายตา แต่ราคาก็สูงพอสมควร ในส่วนของมินิโปรเจคเตอร์ที่มีวางขายส่วนใหญ่จะเป็นระบบ DLP ที่ราคาไม่แพงมาก ให้ความคมชัดที่น่าพอใจ การจะเลือกรุ่นไหนก็เลยต้องดูจากงบประมาณที่เรามีร่วมด้วยนั่นเอง
4. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากระยะการฉายภาพ
เนื่องจากมินิโปรเจคเตอร์เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้งานร่วมกับจอภาพหรือผนัง ดังนั้นจึงควรต้องตรวจสอบระยะการฉายภาพที่เหมาะสมของรุ่นนั้นด้วยว่าอยู่ที่กี่เมตร จึงจะให้ภาพที่มีความคมชัดมากที่สุด ซึ่งก็ต้องตรวจสอบจากพื้นที่ใช้งานของเราด้วยว่าสามารถวางจอได้ตามระยะนั้นหรือไม่ เพราะหากตั้งไกลเกินไปย่อมส่งผลต่อภาพที่อาจจะออกมาเบลอจนทำให้ปวดตาได้ โดยรายละเอียดในส่วนนี้มักระบุเอาไว้ในสเปคของแต่ละรุ่นอยู่แล้ว
5. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากอายุการใช้งานของหลอดภาพ
หลอดภาพถือว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์ฉายภาพทุกชนิดรวมถึงมินิโปรเจคเตอร์ด้วย โดยเราต้องดูว่ารุ่นนั้นมีอายุการใช้งานของหลอดภาพยาวนานแค่ไหน ส่วนใหญ่จะระบุเอาไว้เป็นชั่วโมง ยิ่งใช้งานบ่อยหลอดภาพก็จะยิ่งเสื่อมาเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามมินิโปรเจคเตอร์ไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะใช้งานทุกวันอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลมากเกินไปว่าหลอดภาพจะเสื่อมเร็วเกินไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานของแต่ละคนด้วย
6. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากเวลาใช้งานแบตเตอรี่
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ต่อการชาร์จเต็มแต่ละครั้งเป็นอีกเรื่องที่เราสามารถใช้ในการพิจารณาเลือกมินิโปรเจคเตอร์ เพราะอุปกรณ์นี้หลายครั้งต้องนำไปใช้ในที่ที่ไม่มีไฟฟ้า เช่น การตั้งแคมป์ การนำเสนองานนอกสถานที่ การฉายภาพยนตร์ในที่ห่างไกล ดังนั้นต้องไม่ลืมตรวจสอบเรื่องนี้จะได้ไม่ต้องมาอารมณ์เสียเพราะแบตเตอรี่เกิดหมดระหว่างการใช้งาน
7. เลือกมินิโปรเจคเตอร์จากฟังก์ชันเสริม
การเลือกมินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีเอาไว้ใช้นั้นฟังก์ชันการทำงานที่เพิ่มเติมเข้ามานอกการฉายภาพเป็นอีกองค์ประกอบสำคัญ ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสมบูรณ์ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการรองรับแอปพลิเคชันในการควบคุมด้วยสมาร์ทโฟน, การรองรับคำสั่งเสียง, มีแอปเพื่อความบันเทิงติดตั้งมาในตัวอย่าง Netflix หรือ AndroidTV, มีระบบการโฟกัสภาพอัตโนมัติ, มีลำโพงในตัว, มีคุณสมบัติในการกันน้ำ, เชื่อมต่อแบบไร้สายได้ หรือมีเทคโนโลยีการฉายภาพที่ช่วยให้เรารับชมได้คมชัดขึ้น เป็นต้น
มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดี
มินิโปรเจคเตอร์ในตลาดนั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ อาทิ Wanbo, Mirval, EZX, XGIMI, Zentec, BenQ, Vayo, Xiaomi, Samsung, ViewSonic ซึ่งแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็มากับฟังก์ชันการทำงาน คุณสมบัติตัวเครื่อง และราคาที่แตกต่างกันออกไป ส่วนจะมีรุ่นไหนน่าใช้บ้างนั้น เรารวมมาให้คุณแล้วในบทความนี้
1. มินิโปรเจคเตอร์ Wanbo รุ่น MINI White
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมดีไซน์คลาสสิก พกพาสะดวก | เหมาะกับจอภาพขนาด 40-100 นิ้ว |
มาพร้อมลำโพงเสียงดีในตัว | ไม่รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย |
หลอดภาพใช้ได้นานสุด 20,000 ชั่วโมง | |
รองรับความละเอียดสูงสุด 1080P |
เริ่มต้นรายชื่อ มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีกันด้วย Wanbo MINI White โปรเจคเตอร์ดีไซน์คลาสสิกที่พร้อมไปกับคุณทุกที่ โดยรองรับความละเอียดสูงสุดที่ระดับ FHD 1080P ระดับความสว่างอยู่ที่ 250 ANSI ให้ภาพคมชัดน่าพอใจ ใช้เทคโนโลยีฉายภาพแบบ LCD อายุการใช้งานหลอดภาพสูงสุด 20,000 ชั่วโมง สามารถฉายบนพื้นที่หรือจอขนาด 100 นิ้วได้ เต็มอิ่มมากขึ้นด้วยลำโพงเสียงดีในตัว ตัวเครื่องมีพัดลมระบายความร้อนมาให้เสียงเงียบ ใช้งานได้แบบยาวๆ ใครหามินิโปรเจคเตอร์ระดับเริ่มต้นราคาไม่แพงตัวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
2. มินิโปรเจคเตอร์ Expose X81
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาง่าย | ความละเอียดระดับ 4K UHD |
ความสว่างสูงถึง 2,800 Lumens | รับประกันสินค้านาน 3 ปี |
อายุการใช้งานหลอดภาพสูงสุดที่ 50,000 ชั่วโมง | |
มีแอปเพื่อความบันเทิงติดตั้งมาในตัว |
ต่อกันเลยกับมินิโปรเจคเตอร์ Expose X81 เครื่องฉายภาพขนาดพกพา ราคาสบายกระเป๋า ที่มีกับฟังก์ชันความบันเทิงครบครัน แม้จะให้ความละเอียดมาที่ระดับ 4K UHD แต่ก็ถือว่าคมชัดพอสมควร และยังมีลูกเล่นการใช้งานอื่นๆ เสริมเข้ามาให้อีกหลายอย่าง โดยขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11.0 พร้อมแอปพลิเคชันเพื่อความบันเทิงอย่าง YouTube และ Netflix ติดตั้งมาเสร็จสรรพ เชื่อมต่อได้ทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth ใช้งานได้กับหน้าจอ 36-150 นิ้ว ปรับขนาดได้ตามความชอบ บนความสว่างสูงสุด 2,800 Lumens มีลำโพง Hi-Fi ในตัว เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ภาพรวมบอกเลยว่าน่าใช้มาก
3. มินิโปรเจคเตอร์ EZX รุ่น C1080 Cast Version
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
คมชัดระดับ Full HD 1080P | การ Cast หน้าจออาจทำให้ความคมชัดลดลง |
รองรับ Miracast, Airplay หรือเชื่อมต่อด้วยสาย HDMI | ควรตรวจสอบอุปกรณ์ที่รองรับก่อนซื้อ |
หลอดภาพสามารถใช้งานได้สูงสุด 50,000 ชั่วโมง | |
ความสว่างสูงสุดที่ 5,000 Lumen |
หากถามว่า มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีที่ราคาจับต้องได้และฟังก์ชันครบครัน EZX รุ่น C1080 Cast Version คือตัวเลือกที่น่ารับไว้พิจารณา เพราะมากับจุดเด่นหลายอย่างด้วยกันเริ่มจากดีไซน์แบบมีหูหิ้วสะดวกต่อการพกพา ใช้งานกับหน้าจอขนาด 120 นิ้วได้ ความคมชัดให้มาที่ระดับ Full HD 1080P ความสว่าง 5,000 Lumen อายุหลอดภาพสูงสุด 50,000 ชั่วโมง มีลำโพงในตัว รุ่นนี้พิเศษตรงที่รองรับ Miracast, Airplay หรือเชื่อมต่อด้วยสาย HDMI ได้ เพิ่มความหลากหลายของคอนเทนต์ ในราคาสามพันกว่าบาทต้องถือว่าให้สเปคมาอย่างคุ้มค่าทีเดียว
4. มินิโปรเจคเตอร์ XGIMI รุ่น MoGo Pro Mini
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับ Android TV 9.0 และ Google Assistant | ราคาค่อนข้างสูง |
ความสว่างถึง 250ANSI | |
มีระบบ Auto Focus | |
ลำโพงเสียงดีปรับแต่งโดย Harman-Kardon |
มาต่อกันที่ XGIMI รุ่น MoGo Pro Mini มินิโปรเจคเตอร์ระดับพรีเมียมที่มากับประสิทธิภาพอันสมราคา เหมาะกับผู้ที่ต้องการคุณภาพและฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วนทั้งกับการทำงานและความบันเทิง รุ่นนี้มากับความคมชัดระดับ Full HD รองรับเนื้อหา 3D, 2K หรือ 4K ได้ ความสว่างสูงสุดถึง 250 ANSI รองรับ Android TV 9.0 และ Google Assistant มีแอปมากกว่า 40,000 แอปให้เลือกใช้ รองรับการเชื่อมต่อทั้งมีสายและไร้สาย พร้อมเทคโนโลยี Motion Compensation ลดการสั่นไหว มีระบบปรับโฟกัสและองศาอัตโนมัติ หลอดภาพใช้งานได้สูงสุดราว 50,000 ชั่วโมง เต็มอิ่มกับทุกความบันเทิงด้วยลำโพง Hi-Fi Stereo ที่ปรับแต่งโดย Harman-Kardon ลองดูว่ารุ่นนี้ใช่ที่คุณกำลังตามหาอยู่หรือไม่
5. มินิโปรเจคเตอร์ Zentec Wireless DLP mini Projector
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
โปรเจคเตอร์ขนาดพกพาสะดวก | ใช้ได้กับหน้าจอขนาด 30-110 นิ้ว |
ความสว่าง 1,000 Lumens | |
แบตเตอรี่ความจุ 5,200 mAh ใช้ได้ราว 3 ชั่วโมง | |
รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย |
มาต่อกันด้วย Zentec Wireless DLP mini Projector รุ่นนี้มากับสเปคและราคากลางๆ ด้วยระบบ DLP ที่ให้ความคมชัดระดับ FWVGA รองรับภาพ FHD และ 3D สามารถใช้ได้กับจอขนาด 30-110 นิ้ว ความสว่างอยู่ที่ 1,000 Lumens มีเทคโนโลยีที่เรียกว่า Digital Light Processing ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ สี และตัวหนังสือ รองรับการปรับแก้ Keystone ได้ทั้งแบบ Auto และ Manual ±40° สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้เพื่อดึงภาพขึ้นจอ มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,200 mAh ใช้งานต่อเนื่องได้ราว 3 ชั่วโมง
6. มินิโปรเจคเตอร์ BenQ รุ่น GV1
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
หลอดภาพใช้งานได้ราว 30,000 ชั่วโมง | ความละเอียดระดับ WVGA หรือ 854×480 พิกเซล |
มี Netflix, YouTube และ Prime Video ในตัว | ใช้พลังงานจากไฟบ้าน |
มีลำโพงขนาด 5W ในตัว | |
เล่นสื่อได้หลากหลาย ทั้งมีสายและไร้สาย |
หนึ่งในรุ่นที่ขาดไม่ได้ในรายชื่อ มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดี ของเราคือ BenQ GV1 0จากแบรนด์แถวหน้าของวงการที่เชี่ยวชาญเรื่องจอภาพและเทคโนโลยีการฉายภาพ ซึ่งรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดด้วยความละเอียดระดับ WVGA ความสว่าง 200 ANSI มีฟังก์ชัน Auto Keystone คอยปรับภาพให้ระหว่างใช้งาน มาพร้อมแอปพลิเคชั่นเพื่อความบันเทิงอย่าง YouTube, Prime Video และ Netflix หรือเชื่อมต่อผ่าน HDMI, USB-C, DisplayPort รวมถึงเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนได้ด้วย ด้านระบบเสียงให้ลำโพงขนาด 5W มาในตัว เป็นเครื่องฉายที่ครบทุกฟังก์ชันก็ว่าได้
7. มินิโปรเจคเตอร์ isinbox Q10
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ความคมชัดระดับ 4K HDH | ระดับความสว่าง1,300 Lumens |
ใช้เลนส์แก้วเคลือบออปติคัลในการฉายภาพ | |
รองรับหน้าจอสูงสุดที่ 180 นิ้ว | |
สามารถเล่นสื่อได้ทั้งมีสายและไร้สาย |
isinbox Q10 เครื่องฉายภาพที่ตอบโจทย์การใช้งานทั้งด้านการนำเสนอผลงาน การชมภาพยนตร์ หรือกีฬาคู่โปรด ให้ความคมชัดระดับ 4K HDH จุดเด่นก็คือใช้เลนส์แก้วเคลือบออปติคัลในการฉายภาพ ช่วยให้ได้ภาพที่มีสีสันสมจริง แม้ความสว่างจะไม่สูงแต่มีความสม่ำเสมอของแสงอยู่ที่ 95% ภาพรวมที่ได้ถือว่าน่าพอใจ โดยรองรับการใช้งานร่วมกับขนาดหน้าจอสูงสุดที่ 180 นิ้ว รองรับการเล่นสื่อทั้งแบบมีสายและไร้สาย มีลำโพงในตัวเสียงคมชัดด้วยระบบ Hi-Fi Stereo อีกทั้งยังสามารถสั่งงานได้ด้วยรีโมทระยะไกลเต็มรูปแบบถึง ≥ 5 เมตร ปกป้องสายตัวด้วยระบบป้องกันแสงสีฟ้า
8. มินิโปรเจคเตอร์ SAMSUNG SP-LSP3BLAXXT
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ขาตั้งปรับได้ 180 องศา เลือกมุมมองได้ตามต้องการ | ราคาค่อนข้างสูง |
ระบบเสียงรอบทิศทางพร้อมลำโพง 5W | รุ่นนี้ใช้พลังงานจากไฟบ้าน |
ความคมชัดระดับ Full HD | |
รองรับการเชื่อมต่อและเล่นสื่อได้หลากหลาย |
อีกรุ่นที่ขาดไม่ได้ในรายชื่อ มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีของเราก็คือมินิโปรเจคเตอร์ SAMSUNG SP-LSP3BLAXXT โดยสำหรับใครที่มองหาโปรเจคเตอร์ประสิทธิภาพสูงและมีงบมากหน่อยรุ่นนี้ตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน เรียกว่าเดินมาตั้งแต่ดีไซน์ที่สวยงาม กะทัดรัด พกพาสะดวก ขาตั้งปรับได้ 180องศา เลือกมุมมองได้ตามต้องการ ด้านความคมชัดให้มาระดับ FHD ความสว่างสูงสุดที่ 230 ANSI Lumens ใช้ได้กับจอถึง 100 นิ้ว พ่วงมาด้วยลำโพงขนาด 5W และระบบเสียงรอบทิศทาง ปรับได้ตามคอนเทนต์ สามารถเชื่อมต่อได้ด้วย Wi-Fi 5 และ Bluetooth รองรับคำสั่งเสียง มี TabView เอาไว้เชื่อมกับมือถือ Samsung รวมถึงสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนจากยี่ห้ออื่นได้ด้วย เรียกว่าอลังการงานสร้างอย่างแท้จริงสำหรับตัวนี้
9. มินิโปรเจคเตอร์ Xiaomi Mi Smart Projector 2 (Global Version)
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ความคมชัดระดับ Full HD | ใช้พลังงานจากไฟบ้าน |
ระบบเสียง Dolby Audio | |
รองรับ Google Assistant | |
มีระบบปรับภาพอัตโนมัติ |
ต่อกันด้วย Xiaomi Mi Smart Projector 2 (Global Version) มินิโปรเจคเตอร์ยอดนิยมอีกรุ่นที่เราไม่อยากให้คุณพลาด เพราะหากเทียบคุณสมบัติกับค่ายใหญ่แล้วด้วยสเปคที่ไม่น้อยหน้าแต่ราคานั้นเบากว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมากับความคมชัดระดับ Full HD ใช้งานได้กับหน้าจอขนาดถึง 120 นิ้ว มีเทคโนโลยีการปรับภาพอัตโนมัติให้คมชัดและไม่บิดเบี้ยว พ่วงมาด้วยระบบเสียง Dolby Audio ที่มาช่วยเติมเต็มทุกความบันเทิง นอกจากนี้ยังรองรับ Google Assistant และ Android TV ด้วย เรียกว่าครบทุกความต้องการในราคาที่ถือว่าคุ้มค่า
10. มินิโปรเจคเตอร์ ViewSonic M1+ G2 WVGA Ultra-Portable
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ความคมชัดระดับ Full HD | ความสว่างอยู่ที่ 300 ANSI |
มีระบบ Auto Keystone ช่วยปรับความคมชัด | |
ลำโพงเสียงดี ปรับจูนโดย Harman Kardon | |
การันตีด้วยรางวัล iF Award Design 2018 |
มาปิดท้ายรายชื่อ มินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีของเรากันด้วย ViewSonic M1+ G2 WVGA Ultra-Portable ผู้ผลิตอีกรายที่เมื่อพูดถึงโปรเจคเตอร์แล้วสามารถวางใจได้ในคุณภาพและเทคโนโลยี ซึ่งรุ่นนี้การันตีด้วยรางวัล iF Award Design 2018 สวยงาม ทนทาน ขาตั้งหมุนได้ 360 องศา ช่วยปรับมุมมองตามต้องการ มาพร้อมความคมชัดระดับ Full HD มีระบบ Auto Keystone และระบบปรับภาพอัตโนมัติ รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi และ Bluetooth เล่นเนื้อหาได้หลากหลาย พ่วงมาด้วยลำโพงคุณภาพดีปรับจูนโดย Harman Kardon รองรับหน้าจอตั้งแต่ 60-120 นิ้ว แบตเตอรี่สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ราว 6 ชั่วโมง ภาพรวมถือว่าลงตัวทีเดียว
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และทั้งหมดนี้ก็คือรายชื่อของมินิโปรเจคเตอร์รุ่นน่าใช้จากแบรนด์ชั้นนำของวงการ ไม่ว่าจะเป็น Wanbo, Mirval, EZX, XGIMI, Zentec, BenQ, Vayo, Xiaomi, Samsung, ViewSonic โดยแต่ละรุ่นก็จะมากับคุณสมบัติ ฟังก์ชันการทำงาน และราคาที่แตกต่างกันออกไป โดยเราคัดมาให้มีความหลากหลายเพื่อที่คุณจะได้มีตัวเลือกอย่างครอบคลุมมากที่สุด ส่วนจะเลือกมินิโปรเจคเตอร์ ยี่ห้อไหนดีเอามาไว้ใช้ ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน รวมถึงงบประมาณที่มีเป็นหลัก ลองดูว่ามินิโปรเจคเตอร์รุ่นไหนใน 10 รุ่นนี้ที่น่าจะโดนใจคุณมากที่สุด