เชื่อว่าหลายคนคงทราบดีกว่าสุขภาพในช่องปากนั้นก็สำคัญไม่แพ้สุขภาพเรื่องอื่น หากปล่อยปละละเลยไม่ดูแลอย่างสม่ำเสมอย่อมนำมาซึ่งปัญหามากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกลิ่นปาก คราบหินปูน ฟันผุ ปัญหาเกี่ยวกับเหงือก และหากใครเคยปวดฟันมาก ๆ คงทราบดีว่ามันทรมานแค่ไหน ซึ่งการแปรงฟันอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอรวมถึงใช้อุปกรณ์ที่มีคุณภาพจะช่วยลดปัญหาลงได้ โดยในปัจจุบันยังมีแปรงสีฟันไฟฟ้ามาเป็นตัวช่วยอีกอย่าง ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้ พร้อมวิธีเลือกใช้งาน รวมถึงแนะนำ 10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ให้คุณได้เลือกใช้กันด้วย
แปรงสีฟันไฟฟ้าต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาอย่างไร?
ก่อนอื่นเลยเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าแปรงสีฟันไฟฟ้าต่างจากแปรงสีฟันธรรมดาอย่างไร โดยข้อแตกต่างสำคัญนั้นก็คือเจ้าแปรงสีฟันไฟฟ้านั้นเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีการยอมรับทางทันตกรรมว่าสามารถทำความสะอาดได้ซอกซอนและล้ำลึกรวมถึงมีประสิทธิภาพมากกว่าแปรงสีฟันที่เราเคยใช้กันมาแบบเดิมเนื่องจากหัวแปรงที่เคลื่อนไหวแบบวงกลมและบิดไปมาช่วยให้ทำความสะอาดได้มากกว่าการแปรงแบบปกติ ลดปัญหาฟันผุและโรคในช่องปากได้ดี นอกจากนี้ยังสะดวกต่อการพกพาด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถแปรงฟันได้ทุกที่ทุกเวลาที่ต้องการ
ข้อดีข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้า
ข้อดีของแปรงสีฟันไฟฟ้า
1. ช่วยเพิ่มสมาธิระหว่างการแปรงฟัน จากการทดลองพบว่าผู้ที่ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้าจะมีสมาธิในการแปรงฟันมากขึ้นเนื่องจากรูปแบบการใช้งานที่ต้องควบคุมหัวแปรง ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำความสะอาดมากขึ้นด้วย
2. ได้รับการยอมรับจากทันตแพทย์ว่าสามารถทำความสะอาดฟันได้ดีกว่าแปรงสีฟันทั่วไป ในการกำจัดคราบสกปรกและลดการสะสมของคราบหินปูน เมื่อใช้ร่วมกับยาสีฟันที่มีคุณภาพและแปรงฟันอย่างถูกวิธี
3. ช่วยให้ระยะเวลาในการแปรงฟันแต่ละครั้งเหมาะสมเนื่องจากมีระบบจับเวลา ส่งผลให้ได้ผลลัพธ์การแปรงฟันที่ดียิ่งขึ้น
4. ช่วยลดปัญหาแผลในช่องปากได้เนื่องจากลดการกระแทกระหว่างแปรงสีฟันกับเหงือก และยังลดปัญหาเหงือกร่นได้อีกด้วย
ข้อเสียของแปรงสีฟันไฟฟ้า
1. ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ทำให้ต้องคอยชาร์จอย่างสม่ำเสมอหรือต้องซื้อถ่านเสริมเพื่อจะได้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
2. มีราคาค่อนข้างแพง โดยขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ฟังก์ชันการทำงาน และคุณสมบัติพิเศษต่าง ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับผลลัพธ์การแปรงฟันที่ได้
วิธีเลือก แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
ทำความรู้จักกับแปรงสีฟันไฟฟ้ากันไปแล้วคราวนี้เรามาดูวิธีการเลือกใช้งานกันเลย เนื่องจากแปรงสีฟันไฟฟ้านั้นมีมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งการจะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีนั้นเรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากคุณดังนี้
1. เลือกจากประเภทของแปรงสีฟันไฟฟ้า โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
แบบหัวแปรงหมุนหรือแบบสั่น กลไกการทำงานจะใช้การสั่นสะเทือนในการทำความสะอาด แต่ไม่ทำให้บาดเจ็บ มีความนุ่มนวล เสียงค่อนข้างเบา ราคาไม่แพง และเหมาะกับผู้ที่เริ่มต้นใช้งานอุปกรณ์นี้ สำหรับแบบหัวแปรงหมุน มีจุดเด่นเรื่องการทำความสะอาดที่ทั่วถึงมากขึ้น พลังงานมากกว่า แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพราะอาจเกิดการบาดเจ็บในช่องปากได้
แบบโซนิค สำหรับแปรงสีฟันไฟฟ้าแบบโซนิคมีกลไกการทำงานที่ใกล้เคียงกับแบบแรกแต่จะแตกต่างกันที่แรงสั่นสะเทือนและความเร็วในการหมุนตามรุ่นและยี่ห้อ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 24,000-48,000 ครั้ง/นาที ความดังของเสียงก็ไม่เท่ากัน จุดเด่นคือการซอกซอนทำความสะอาดที่เหนือกว่าทำความสะอาดคราบสกปรกหรือแบคทีเรียได้มากขึ้น
แบบอัลตราโซนิค ที่สุดของแปรงสีฟันไฟฟ้าที่มาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่สูงสำหรับการทำความสะอาดฟันไม่ว่าจะเป็นเศษอาหาร แบคทีเรียและจุลินทรีย์ กลไกการทำงานจะใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่ราว 20,000 Hz หรือประมาณความเคลื่อนไหว 2,400,000 ครั้ง/นาที เป็นตัวขับเคลื่อน ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องออกแรงมาก ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้เป็นแบบที่มีราคาแพงที่สุด
2. เลือกจากรอบการหมุนหรือการสั่น
จากรูปแบบของแปรงสีฟันไฟฟ้าข้างต้นทำให้ในการที่จะเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี นั้นจำเป็นต้องพิจารณาในเรื่องของรอบการทำงานด้วย โดยหากรอบการทำงานยิ่งสูงก็ยิ่งทำความสะอาดได้ซอกซอนและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น สำหรับการใช้งานของผู้ใหญ่ควรมีรอบการหมุนที่ 8,000 รอบต่อนาทีขึ้นไป และการสั่น 20,000 ครั้ง/นาทีขึ้นไป ส่วนการใช้งานของเด็กควรเลือกที่มีรอบต่ำลงและใช้งานได้อย่างนุ่มนวล
3. เลือกจากขนแปรงและขนาดของหัวแปรง
แปรงสีฟันไฟฟ้ามีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องพิจารณารวมถึงขนแปรงและขนาดของหัวแปรง โดยขนแปรงไม่ควรอ่อนหรือแข็งจนเกินไป ขนาดต้องพอดีกับการทำความสะอาดฟันของเรา หรืออาจต้องลองใช้ดูก่อนว่าแบบไหนที่เหมาะกับตัวเอง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของด้ามจับที่ต้องกระชับ แข็งแรงทนทาน ไม่ใหญ่หรือว่าเล็กจนเกินไป
4. เลือกจากแหล่งพลังงาน
เนื่องจากแปรงสีฟันไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ต้องใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ จึงต้องพิจารณาเรื่องของแหล่งพลังงานร่วมด้วย โดยมีทั้งแบบที่ชาร์จไฟได้ในตัวและแบบที่ใช้ถ่านขนาด AAA ส่วนจะเลือกแบบไหนก็ต้องดูว่าเราใช้งานที่บ้านเป็นหลักหรือต้องพกไปไหนมาไหนด้วย หากเน้นพกพาก็ควรเลือกแบบใช้ถ่าน หรือใครไม่ชอบมาคอยเปลี่ยนถ่านบ่อย ๆ ก็เลือกแบบชาร์จไฟได้แต่ราคาก็จะสูงกว่าอยู่บ้าง
5. เลือกจากฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ
แปรงสีฟันไฟฟ้าแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป รวมถึงยังมีฟังก์ชันเสริมพิเศษเพื่อความสะดวกสบายและประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ฟังก์ชันการแจ้งเตือนการเปลี่ยนตำแหน่งการแปรง, โหมดการแปรงที่เลือกได้หลายโหมด, ฟังก์ชันกำหนดเวลาการแปรงฟัน, ตัวปรับอัตราการหมุนหรือสั่นของหัวแปรง, คุณสมบัติในการกันน้ำ เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งมีฟังก์ชันเยอะราคาก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย
6. ยี่ห้อและราคา
ข้อสุดท้ายในการเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ก็คือราคาที่ตรงกับงบประมาณของเราเพราะมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันตามฟังก์ชันการใช้งานและยี่ห้อของผู้ผลิตด้วย การเลือกยี่ห้อที่มาตรฐานในราคาที่เหมาะสมไม่ถูกเกินไปก็จะช่วยให้เรามั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ หรือหากรุ่นไหนมีการรับประกันหลังการขายให้ด้วยก็จะย่างดีมาก
แนะนำ 10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี
เราได้ทราบข้อดีข้อเสียรวมถึงวิธีการเลือกแปรงสีฟันไฟฟ้ากันไปแล้วว่าต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง เพื่อให้เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด คราวนี้เรามากันว่า10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี จะมีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง
1. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Pro 2 2000
เริ่มต้นรายชื่อแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีกันเลยกับ Oral-B Pro 2 2000 ที่ต้องบอกว่ายืนหนึ่งในเรื่องของแปรงสีฟันไฟฟ้า ได้รับการยอมรับทั้งจากทันตแพทย์และผู้ใช้ทั่วโลกในเรื่องของมาตรฐานและเทคโนโลยี มาพร้อมดีไซน์ที่ลงตัวช่วยให้จับได้ถนัดมือ ฟังก์ชันการจับเวลาแปรงฟันที่ 2 นาทีและการแจ้งเตือนการเปลี่ยนตำแหน่งทุก 30 วินาที หัวแปรงเป็นแบบกลมเอกลักษณ์ที่คุ้นเคยของยี่ห้อนี้ สามารถหมุนได้ที่ 8,000 รอบต่อนาที และสั่น 40,000 ครั้งต่อนาที พร้อมเซ็นเซอร์ควบคุมแรงไม่ให้กดน้ำหนักมากไปจนเกิดการบาดเจ็บ ตัวนี้ช่วยกำจัดคราบพลัคและคราบสกปรกได้ดีกว่าแปรงทั่วไป 100% ช่วยเพิ่มความขาวให้กับฟันโดยไม่ทำอันตรายกับช่องปาก แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ ในราคาที่ถือว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่ได้รับ
2. แปรงสีฟันไฟฟ้า Wise Smart Sonic
มาต่อกันเลยกับ Wise Smart Sonic แปรงสีฟันไฟฟ้า แบบโซนิค ตัวช่วยอัจฉริยะที่จะมาทำให้การใช้งานของคุณง่ายขึ้นและเพิ่มความสะอาดให้กับปากและฟัน มาพร้อมด้ามแปรงที่ขนาดกำลังพอดีมือ น้ำหนักเบา จับได้ถนัด ขนแปรงนุ่มและเรียวแหลมทำความสะอาดได้ซอกซอนมากยิ่งขึ้น ลดปัญหาคราบสกปรกสะสม ช่วยให้ฟันดูขาวขึ้น รุ่นนี้ใช้ Sonic Wave Technology ปรับระดับการสั่นได้ถึงสองแบบ สูงสุดถึง 28,000 รอบ/นาที ขนาดของหัวแปรงกำลังพอดีกับการทำความสะอาดและยังมีระบบกำหนดเวลาแปรง 2 นาที และแจ้งเตือนการเปลี่ยนตำแหน่งทุก 30 วินาที ที่สำคัญคือราคาไม่แพงจนเกินไปด้วย
3. SYSTEMA SONIC
SYSTEMA SONIC แปรงสีฟันไฟฟ้าแบบ Sonic Wave Technology ของผู้ผลิตจากญี่ปุ่นที่โดดเด่นไม่แพ้ใคร มาพร้อมขนแปรงแบบ Soft & Slim อ่อนนุ่มและเรียวแหลม มีระบบการสั่นที่เหมาะสม ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA ขนแปรงทำจาก Polybutylene Terephthalate ซึ่งมีคุณสมบัติในการรักษาสภาพและยืดหยุ่นได้ดี ให้การทำความสะอาดที่น่าพอใจทั้งคราบสกปรก เศษอาหาร และแบคทีเรียในช่องปาก ตัวด้ามแปรงทำจาก Polyacetal ที่ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาจับกระชับมือและแข็งแรงทนทาน ใครหาแปรงสีฟันไฟฟ้าคุณภาพสูงราคาเบา ๆ รุ่นนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
4. แปรงสีฟันไฟฟ้า SPARKLE รุ่น SONIC TOOTHBRUSH KIDS
มาดูแปรงสีฟันไฟฟ้าสำหรับเด็กกันบ้าง ขอแนะนำ แปรงสีฟันไฟฟ้า SPARKLE รุ่น SONIC TOOTHBRUSH KIDS ที่มาพร้อมกับแนวคิด แปรงสนุก อ่อนโยน ฟันสะอาด โดยมีขนแปรงที่นุ่ม ไม่ทำร้ายเหงือกและฟันของเด็กที่มีความบอบบางมากกว่าผู้ใหญ่ ใช้ได้ตั้งแต่อายุ 3-9 ปี เป็นแปรงสีฟันไฟฟ้าอันแรกที่จะช่วยเรื่องของสุขอนามัยภายในช่องปาก เพราะช่วยในเรื่องการแปรงฟันที่เข้าถึงได้ทุกซอกมุมมากกว่าแปรงสีฟันทั่วไป เอาอยู่ทั้งหินปูน คราบพลัค เศษอาหาร ใช้กลไกแบบสั่น 16,000 รอบ/นาที มีระบบการแจ้งเตือนและตัดการทำงานที่ 30 วินาที และ 2 นาทีตามลำดับ หัวแปรงสามารถเปลี่ยนได้ และยังมีคุณสมบัติในการกันน้ำที่ระดับ IPX7 ช่วยเพิ่มอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
5. แปรงสีฟันไฟฟ้า Xiaomi SO WHITE EX3
หากคุณกำลังมองหาแปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่มากับราคาย่อมเยาแต่ให้การใช้งานที่น่าพอใจ Xiaomi SO WHITE EX3 คืออีกตัวเลือกที่คุณน่าจะสนใจ มาพร้อมคุณสมบัติที่ครบถ้วนเพื่อการแปรงฟันที่สะอาดมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตยุคนี้ โดยมีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX7 แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 25 วันโดยประมาณ หัวแปรงเป็นแบบสั่นที่ระดับ 31,000 ครั้งต่อนาที ออกแบบหัวแปรงให้โค้งมน ขนแปรงอ่อนนุ่ม ทำความสะอาดได้ทั่วถึงและมีความอ่อนโยน ไม่เป็นอันตรายกับปากและฟัน สามารถปรับโหมดการทำงานได้ 3 แบบ มีระบบการแจ้งเตือน 30 วินาที และใช้เวลาแปรงแต่ละครั้ง 2 นาที ลองดูว่ารุ่นนี้ถูกใจคุณหรือไม่
6. แปรงสีฟันไฟฟ้า Kemei รุ่น KM-907
แปรงสีฟันไฟฟ้า Kemei รุ่น KM-907 ก็ถือว่าน่าใช้ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยมากับดีไซน์ทีเรียบหรู แข็งแรงทนทาน กันน้ำได้ที่ระดับ IPX7 ช่วยยืดอายุการใช้งาน มีหัวแปรงมาให้เปลี่ยนถึง 4 ชุดด้วยกัน เรียกว่าซื้อครั้งเดียวคุ้ม รุ่นนี้ใช้กลไกแบบอัลตราโซนิค สั่นด้วยคลื่นความถี่สูง เสียงเงียบ สั่นแบบ 30,000 ครั้งต่อนาที ขนแปรงมีความอ่อนโยนซอกซอนทำความสะอาดได้ดี แต่ไม่ทำร้ายเหงือกและฟัน หัวแปรงขนาดไม่ใหญ่มากออกแบบมาให้โค้งมน ใช้งานง่ายเพียงกดปุ่มเริ่มต้นการทำงาน เทียบคุณสมบัติกับราคาแล้วถือว่าคุ้มค่า
7. แปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare HX6857/30
ไปให้สุดกับแปรงสีฟันไฟฟ้า Philips Sonicare HX6857/30 จากผู้ผลิตที่เป็นแถวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยีในแทบทุกสินค้าที่ทำออกมาขายรวมถึงแปรงสีฟันไฟฟ้าด้วย โดยรุ่นนี้มี 3 โหมดการทำงานให้เลือกใช้กันตามความเหมาะสมคือโหมด Clean หรือโหมดมาตรฐาน, โหมด White ช่วยขจัดคราบต่าง ๆ ได้มากขึ้น และโหมด Gum Care ให้เหงือกสุขภาพดีแต่อ่อนโยน โดดเด่นด้วยฟังก์ชันล้ำสมัยมากมายอาทิ Dynamic Cleaning Action สะอาดลึกล้ำ, Brush Sync เตือนให้เปลี่ยนหัวแปรง, Pressure Sensor ตรวจจับแรงกดลดอันตราย ตัวจับเวลาการแปรงและการเปลี่ยนตำแหน่ง แบตเตอรี่ใช้งานได้ถึง 14 วัน และยังมีกล่องสำหรับพกพาสวย ๆ มาให้ด้วย
8. แปรงสีฟันไฟฟ้า Fairywill Sonic Electric Toothbrush
Fairywill Sonic Electric Toothbrush แปรงสีฟันไฟฟ้าระบบอัลตราโซนิคที่มากับความลงตัวของดีไซน์และประสิทธิภาพการทำงานด้วยความถี่ในการสั่นสะเทือน 40000 ครั้ง/นาที ขนแปรงนุ่มและอ่อนโยนแต่ทำความสะอาดซอกฟันได้ทั่วถึง ช่วยกำจัดเศษสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียในช่องปากได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการแปรงฟันไม่ให้เกิดแผลในช่องปาก ใช้งานง่ายด้วยโหมดการทำงานถึง 5 รูปแบบ แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ การชาร์จแต่ละครั้งใช้ได้นาน 30 วัน ใช้ไฟจาก Power Bank ในการชาร์จได้ ทั้งหมดนี้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป
9. แปรงสีฟันไฟฟ้า LANSUNG Sonic SN901
LANSUNG Sonic SN901แปรงสีฟันไฟฟ้าราคาสุดคุ้มที่มีฟังก์ชันการทำความสะอาดครบถ้วนภายใต้ดีไซน์ที่สวยงามน่าพกพา มีให้เลือกทั้งโมเดลสำหรับเด็กและของผู้ใหญ่ เป็นแปรงแบบโซนิคที่ให้การสั่นสะเทือนอยู่ที่ 31,000 ครั้งต่อนาที ปรับโหมดการทำงานงานได้ 3 แบบ มีคุณสมบัติในการกันน้ำระดับ IPX7 มีฟังก์ชันการจับเวลาการแปรง 2 นาที แบตเตอรี่สามารถชาร์จได้ หัวแปรงผลิตจากวัสดุดูปองท์อ่อนนุ่มทนทาน ทำความสะอาดปากและฟันได้ดีโดยไม่ระคายเคือง มีเสียงการทำงานที่เงียบและใช้งานง่าย ที่สำคัญคือราคาไม่แพง
10. แปรงสีฟันไฟฟ้า Oral-B Braun Electric
ปิดท้ายรายชื่อ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีกันด้วย Oral-B Braun Electric จากผู้ผลิตที่ต้องบอกว่าครองใจผู้ใช้มาอย่างยาวนานจากคุณภาพของสินค้าเพื่อปากและฟัน รุ่นนี้มากับหัวแปรงแบบ Cross Action ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ทำความสะอาดซอกฟันและผิวฟันได้ดีขึ้น พร้อมการแจ้งเตือนด้วยระบบสั่นเมื่อครบ 2 นาที หัวแปรงใช้เทคโนโลยีการทำงานแบบ Oscillation 7600 7,600 ครั้ง/นาที เอาอยู่ทั้งคาบหินปูน คราบพลัค และสิ่งสกปรก แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ 7 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ใครหาแปรงสีฟันไฟฟ้าคุณภาพดีจากผู้ผลิตชั้นนำรุ่นนี้เลย
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปแล้วกับการแนะนำ 10 อันดับ แปรงสีฟันไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดี ที่เราคัดมาให้คุณได้เลือกใช้งานกัน หลากรุ่น หลายราคา เพื่อให้คุณมีข้อมูลเบื้องต้นในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น สำหรับคนที่อาจจะไม่เคยใช้งานแปรงสีฟันไฟฟ้ามาก่อน อาจจะเริ่มต้นด้วยการทดลองใช้รุ่นที่มีราคาไม่แพงมากเพื่อดูว่าเหมาะกับตัวเองหรือไม่ เพราะบางคนพอลองใช้แล้วก็รู้สึกว่าไม่ชอบ แต่หากพูดถึงประสิทธิภาพแล้วแปรงสีฟันไฟฟ้านั้นได้รับการยอมรับจากทันตแพทย์ว่าช่วยเพิ่มความสะอาดให้กับปากและฟันได้ดี ส่วนใครจะชอบแบบไหนรุ่นไหนคงต้องแล้วแต่ความเหมาะสมของแต่ละคนแล้วล่ะ