สำหรับใครที่ชื่นชอบกลิ่นหอมของกาแฟและนิยมดื่มกาแฟสดที่มีความหอมกรุ่นอยู่เป็นประจำ การมีเครื่องชงกาแฟแคปซูลติดบ้านเอาไว้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจเลยทีเดียว เพราะช่วยให้คุณไม่ต้องออกไปเสี่ยงในสถานการณ์แพร่ระบาดของ Covid-19 ในปัจจุบันที่ยังคงมีความเสี่ยงเมื่อต้องออกไปข้างนอก รวมไปถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟดื่ม สามารถดื่มกาแฟได้ทุกเวลาที่ต้องการ ได้ฝึกปรือและชื่นชมฝีมือการชงกาแฟของตัวเองหรือชงให้คนพิเศษดื่ม ใครมองหาอุปกรณ์นี้อยู่แต่ยังไม่รู้จะเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี วันนี้เราคัดมาเน้น ๆ ให้คุณเลือกถึง 10 รุ่นจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมวิธีการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสม
วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล
สำหรับกาแฟแคปซูลก็คือการนำเอากาแฟคั่วบดสายพันธุ์ต่าง ๆ มาบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่มีลักษณะคล้าย ๆ กับแคปซูลเพื่อคงคุณค่าและรสชาติของกาแฟเอาไว้ให้เหมือนกาแฟสดนั่นเอง ซึ่งแคปซูลกาแฟเหล่านี้ก็จะต้องมีการใช้งานร่วมกับเครื่องชงกาแฟแคปซูลโดยเฉพาะ ดังนั้นการเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี จึงต้องพิจารณาข้อมูลต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อดังนี้
1. เลือกประเภทเครื่องชงกาแฟแคปซูลให้เหมาะกับรสชาติกาแฟที่ต้องการ
สำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลนั้นก็จะแบ่งรูปแบบของการชงออกเป็น 2 ประเภทก็คือ เครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Dolce Gusto และเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Nespresso ซึ่ง เครื่องชงกาแฟแบบ Dolce Gusto นั้นจะเป็นรูปแบบการชงที่เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรวมไปถึงเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นโกโก้ ชาไทย หรือชาเขียว รวมไปถึงผู้ที่ชื่นชอบกาแฟที่ผสมนมหรือน้ำเชื่อมเพิ่มเติมเข้ามา ข้อดีของเครื่องชงกาแฟประเภทนี้นอกจากจะสามารถชงเครื่องดื่มได้หลากหลายกว่าแล้วก็ยังสามารถชงกาแฟออกมาได้ในปริมาณที่มากกว่า แต่มีข้อเสียอยู่ตรงที่ความเข้มข้นของกาแฟนั้นจะค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับเครื่องชงกาแฟแคปซูลอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Nespresso
ส่วนเครื่องชงกาแฟแบบ Nespresso จะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้น ต้องการความเข้มและความหอมกรุ่นของกาแฟเป็นหลัก ซึ่งเครื่องชงกาแฟแบบ Nespresso เป็นเครื่องที่สามารถผลิตฟองนมได้และยังมีรสชาติของกาแฟให้เลือกหลากหลายตามความชอบของแต่ละคน นอกจากนี้ก็ยังมีแคปซูลของกาแฟให้เลือกค่อนข้างมากในท้องตลาด ดังนั้นถ้าหากใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟรสชาติเข้มข้นก็แนะนำให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Nespresso จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการได้มากกว่า แต่ทั้งนี้เครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Nespresso ส่วนใหญ่ก็มักจะมีราคาที่สูงกว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Dolce Gusto อยู่พอสมควร
2. ขนาดของแคปซูลที่ใช้กับเครื่องชงกาแฟแคปซูล
โดยทั่วไปแล้วเครื่องชงกาแฟแคปซูลแต่ละยี่ห้อนั้นก็จะมีการผลิตกาแฟแคปซูลที่เอาไว้สำหรับใช้กับเครื่องชงกาแฟแคปซูลของตนเองโดยเฉพาะกันอยู่แล้ว แต่ก็จะมีเครื่องชงกาแฟแคปซูลบางยี่ห้อที่สามารถใช้งานร่วมกับกาแฟแคปซูลยี่ห้ออื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากใครที่ไม่อยากจำเพาะเจาะจงว่าจะต้องกินกาแฟแคปซูลของยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ก็แนะนำให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่สามารถใช้งานร่วมกับกาแฟแคปซูลยี่ห้ออื่น ๆ ได้ โดยก่อนที่จะตัดสินใจซื้อควรถามร้านค้าหรือพนักงานขายดูก่อนว่าเครื่องชงกาแฟรุ่นที่คุณสนใจนั้นสามารถใช้ชงแคปซูลกาแฟยี่ห้ออื่นได้หรือไม่ ซึ่งตามปกติแล้วแคปซูลกาแฟที่มีจำหน่ายอยู่ในท้องตลาดโดยทั่วไปก็จะมีให้เลือกอยู่ 2 ขนาด ก็คือ แคปซูลกาแฟขนาด 13x13x38 เซนติเมตร และแคปซูลกาแฟขนาด 12x12x34 เซนติเมตร และควรที่จะดูด้วยว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่คุณเลือกมานั้นใช้แคปซูลขนาดเท่าไหร่จะได้ซื้อแคปซูลกาแฟได้ถูกต้อง ไม่ต้องซื้อมาผิดขนาดและเสียของรวมไปถึงเสียเงินโดยใช่เหตุ
3. สามารถปรับโหมดการชงกาแฟได้
ใครที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟหลากหลายรสชาติแต่ก็ยังตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี อย่างที่กล่าวไปแล้วในข้างต้นว่าใครที่ชื่นชอบดื่มกาแฟที่มีความเข้มข้นเป็นหลักและชอบรสชาติกาแฟที่มีความหลากหลายก็แนะนำให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Nespresso หรือถ้าอยากดื่มเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากกาแฟด้วยก็ให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบ Dolce Gusto ซึ่งในขั้นต่อมาก็ดูว่าเครื่องชงกาแฟรุ่นที่คุณเลือกนั้นมีโหมดการชงกาแฟที่สามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างหลากหลายตามความต้องการด้วยหรือไม่ ในเบื้องต้นแนะนำให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่สามารถปรับโหมดการชงกาแฟได้อย่างน้อย 2 แบบก็คือ แบบ Espresso และแบบ Lungo ซึ่งในโหมดการชงแบบ Espresso จะเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟสดเข้ม ๆ ตามปกติ ที่ให้รสชาติเข้มของกาแฟพร้อมด้วยครีมนุ่ม ๆ ด้านบน ซึ่งถือได้ว่าเป็นโหมดการชงกาแฟพื้นฐานสำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลเลยก็ว่าได้
แต่ถ้าหากใครที่ชื่นชอบกาแฟสดที่ต้องมีการเติมนมหรือน้ำเชื่อมเพิ่มเติมเข้าใหม่ด้วยก็ให้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีโหมดการชงแบบ Lungo ซึ่งเป็นโหมดที่จะสกัดกาแฟออกมาเป็นช็อตยาว ให้กาแฟที่มีความนุ่มนวลกลมกล่อม ให้รสชาติที่มีความเข้มข้นมากกว่ากาแฟแบบ Americano อยู่เล็กน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับการดื่มเป็นกาแฟสดตามปกติหรือจะเติมนม เติมน้ำเชื่อมรวมไปถึงการทำกาแฟเย็นได้อย่างลงตัว โดยเราแนะนำให้เลือกแคปซูลกาแฟ Lungo มาใช้โดยเฉพาะแทนที่จะใช้แคปซูลกาแฟ Espresso จะเป็นการดีที่สุด
4. เลือกปริมาณความจุของแท็งก์น้ำให้เหมาะสม
แน่นอนว่าในการชงกาแฟก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้น้ำร้อนสำหรับสกัดช็อตกาแฟกันอยู่แล้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรจะต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ก็คือขนาดความจุของแท็งก์น้ำที่มากับตัวเครื่องชงกาแฟแคปซูลนั่นเอง ซึ่งขนาดของแท็งก์น้ำนั้นก็มีผลสำหรับปริมาณการชงกาแฟในแต่ละครั้งด้วย โดยปกติทั่วไปแล้วกาแฟที่ดื่มต่อแก้วนั้นก็จะใช้น้ำอยู่ที่ปริมาณ 120 – 140 มิลลิลิตร ถ้าหากปริมาณการชงกาแฟในแต่ละวันมีค่อนข้างมากก็ควรที่จะมองหาเครื่องชงกาแฟแคปซูล ที่มีแท็งก์น้ำความจุเพียงพอสำหรับการใช้งานในแต่ละวันโดยที่ไม่ต้องเติมน้ำไปที่เครื่องชงกาแฟกันอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นหากใครดื่มกาแฟประมาณ 2-3 แก้วต่อวัน ก็อาจจะเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีขนาดแท็งก์น้ำความจุอยู่ที่ 750 มิลลิลิตรขึ้นไป แต่ถ้าหากเป็นการใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลในบ้านที่มีสมาชิกหลายคนหรือตามออฟฟิศก็อาจจะเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีทั้งน้ำขนาดใหญ่ขึ้นหรือสามารถติดตั้งแท็งก์น้ำภายนอกเพิ่มเติมในภายหลังได้
5. มีฟังก์ชันสำหรับปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน
และสำหรับใครที่มีงานใช้เครื่องชงกาแฟแคปซูลกันอยู่เป็นประจำ นอกจากฟังก์ชันในเรื่องของโหมดการชงกาแฟที่มีความหลากหลายแล้ว อีกหนึ่งฟังก์ชันที่บอกได้เลยว่ามีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือระบบปิดเครื่องโดยอัตโนมัติ เพราะจะเป็นระบบที่สามารถช่วยปิดเครื่องชงกาแฟแคปซูลให้เมื่อไม่ได้มีการใช้งานโดยที่เราไม่ต้องทำการปิดเปิดเองให้ยุ่งยาก ซึ่งก็สามารถตั้งค่าการปิดเครื่องอัตโนมัติได้เมื่อไม่มีการใช้งานเป็นระยะเวลาตามที่เรากำหนด ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในช่วงประมาณ 1 ถึง 15 นาที แล้วแต่รุ่น หรือบางรุ่นก็อาจจะมาพร้อมกับฟังก์ชันสำหรับการปิดเครื่องทันทีเมื่อไม่มีการใช้งาน ซึ่งฟังก์ชันนี้ก็เรียกได้ว่าเป็นฟังก์ชันที่ช่วยในการประหยัดพลังงานและช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของค่าไฟได้เป็นอย่างดี เพราะเครื่องชงกาแฟแคปซูลนั้นค่อนข้างกินไฟอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ดังนั้นฟังก์ชันนี้นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกสบายในกรณีที่เร่งรีบหรือลืมปิดเครื่องแล้ว ก็ยังช่วยประหยัดไฟได้อีกด้วย
6. เลือกจากคุณสมบัติโดยทั่วไปของเครื่องชงกาแฟแคปซูล
นอกเหนือจากดูในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานต่าง ๆ รวมไปถึงโหมดชงกาแฟและขนาดของแท็งก์น้ำแล้ว ก็ยังมีคุณสมบัติอีกหลายข้อที่ควรพิจารณาสำหรับการเลือกซื้อเครื่องชงกาแฟแคปซูลไม่ว่าจะเป็นความดันของบาร์เครื่องชงกาแฟที่ใช้ปั๊มน้ำในการสกัดช็อตกาแฟ โดยควรเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีแรงดันอย่างน้อย 15 บาร์ ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องชงกาแฟตามร้าน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพในการสกัดช็อตกาแฟที่ดียิ่งขึ้น
และสำหรับใครที่ชื่นชอบเมนูกาแฟใส่นมอย่างเช่นลาเต้หรือคาปูชิโน่ การเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีเครื่องทำฟองนมก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ขาดไปไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบที่มีเครื่องทำฟองนมหรือแบบที่สามารถผลิตฟองนมได้ในตัวก็จะตอบโจทย์การชงกาแฟในเมนูที่ชื่นชอบได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ควรดูในเรื่องของพื้นที่สำหรับการวางแก้วกาแฟของเครื่องชงกาแฟแคปซูลว่าสามารถวางแก้วกาแฟที่คุณชื่นชอบหรือสามารถวางแก้วกาแฟรวมไปถึงแก้วน้ำได้อย่างหลากหลายรูปทรงมากน้อยแค่ไหน เพราะในบางครั้งคุณอาจจะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ดื่มเมนูกาแฟร้อนเพียงอย่างเดียว แต่อาจจะรวมไปถึงการชงเครื่องดื่มอื่น ๆ อย่างเช่นโกโก้ ชา หรือสกัดช็อตกาแฟเพื่อชงกาแฟเย็น สุดท้ายที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลก็คือความสะดวกง่ายดายในการทำความสะอาด ที่จะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลามากจนเกินไปในการดูแลรักษา
แนะนำ 10 เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี คัดมาหลากรุ่นหลายราคาให้คุณเลือก
1. Duchess เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น CM6300
เริ่มต้นรายชื่อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Duchess เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น CM6300 เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ช่วยสกัดช็อตกาแฟออกมาได้อย่างเข้มข้นด้วยแรงดันถึง 19 บาร์ พร้อมกำลังไฟ 1,400 วัตต์ มาพร้อมโปรแกรมที่สามารถเลือกปริมาณการชงกาแฟได้ถึง 9 ระดับ โดยมีปริมาตรให้เลือกตั้งแต่ 15 มล. – 180 มล. มีความจุถังน้ำอยู่ที่ 600 ml. มีถุงรองน้ำกาแฟทนความร้อน น้ำหนักตัวเครื่องเบาขนาดกำลังดีสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างสะดวก มาพร้อมโหมดสแตนบายและโหมดชงกาแฟด้วยตนเองที่สามารถเลือกปริมาณกาแฟได้ตามความต้องการ
2. Tefal Krups MINI ME เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น KP120
Tefal Krups MINI ME เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มาพร้อมแรงดัน 15 บาร์ สกัดช็อต Espresso ออกมาได้อย่างเข้มข้น พร้อมกำลังไฟ 1,500 วัตต์ ความจุแท็งก์น้ำ 0.8 ลิตร ที่สามารถถอดออกมาเติมน้ำได้อย่างสะดวก มีระบบหยุดน้ำอัตโนมัติ สามารถเลือกชงได้ทั้งเครื่องดื่มร้อนและเย็น พร้อมด้วยวัสดุถาดรองน้ำหยดที่สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ สามารถวางแก้วน้ำได้หลากหลายรูปทรง สามารถถอดทำความสะอาดได้ง่าย และโหมดประหยัดพลังงานที่จะปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ได้ใช้งานใน 5 นาที เรียกว่าครบถ้วนเพื่อคนรักกาแฟเลยล่ะ
3. Duchess เครื่องชงกาแฟสด-แคปซูล CM3000B
หากใครกำลังมองหาเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี ที่ใช้เป็นเครื่องชงกาแฟสดด้วยได้ ขอแนะนำDuchess เครื่องชงกาแฟสด รุ่น CM3000B ที่เป็นได้ทั้งเครื่องชงกาแฟแคปซูลและเครื่องชงกาแฟสดในตัว มาพร้อมฟังก์ชันที่ใช้งานง่ายและสะดวกสบายตอบโจทย์การชงเครื่องดื่มได้หลากหลายเมนู ใช้กำลังไฟ 1,050 วัตต์ ระบบแรงดันน้ำ 15 บาร์ ความจุถังน้ำ 1.5 ลิตร พร้อมดีไซน์ภายนอกที่มีความเรียบง่ายหรูหรา ตัวเครื่องใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงทนทาน และยังทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย
4. KRUPS เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น KP1A01
KRUPS KP1A01 เครื่องชงกาแฟแคปซูลขนาดเล็กกะทัดรัด กำลังไป 1,340 – 1,600 วัตต์ แรงดัน 15 บาร์ ความจุถังน้ำ 0.8 ลิตร มาพร้อมดีไซน์สวยงามสไตล์โมเดิร์น สามารถทำกาแฟรวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง รองรับการทำเครื่องดื่มจากแคปซูลที่หลากหลายกว่า 13 รสชาติ สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้อย่างสะดวก ใช้งานง่ายเพียงแค่กดปุ่มเลือกโหมดการชง ถาดรองน้ำปรับได้ 3 ระดับสามารถวางแก้วได้หลายรูปแบบ มีโหมดหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อใช้งานเสร็จหรือไม่ได้ใช้งาน 1 นาที ที่สำคัญราคาน่ารักมาก
5. Xiaomi เครื่องชงกาแฟแคปซูล YouPin Official Store SCISHARE Smart Capsule Coffee Manchine (Wi-Fi)
เครื่องชงกาแฟแคปซูลภายใต้แบรนด์ของ Xiaomi ที่มาพร้อมฟังก์ชันสุดล้ำใช้งานง่ายให้คุณดื่มด่ำกับกาแฟได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที มาพร้อมแรงดันน้ำ 19 บาร์ ใช้กำลังไฟ 1,200 วัตต์ ความจุถังน้ำ 580 ml. สามารถตั้งค่าความเข้มข้นของการชงกาแฟได้ 9 ระดับ สามารถเชื่อมต่อแอปพลิเคชั่น Mi Home เพื่อควบคุมการทำงานผ่านสมาร์ทโฟน พร้อมถาดปรับได้หลายระดับรองรับแก้วกาแฟทุกขนาด และสามารถใช้งานร่วมกับแคปซูลกาแฟได้หลากหลายยี่ห้อ และมีโหมดปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อไม่ใช้งาน เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ชอบความทันสมัย
6. เครื่องชงกาแฟแคปซูล Boncafe รุ่น Capristta N
Boncafe รุ่น Capristta N เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ใช้งานง่ายให้รสชาติกาแฟอันยอดเยี่ยม การทำงานของเครื่องง่าย มีเสถียรภาพให้รสชาติทุกเยี่ยมในทุก ๆ แก้ว มีโหมดประหยัดพลังงาน ปิดเครื่องอัตโนมัติเมื่อเครื่องหยุดการใช้งานใน 10 นาที สามารถตั้งปริมาณน้ำกาแฟได้ตามความชอบ ถาดวางของเครื่องถูกออกแบบมาให้สามารถวางแก้วกาแฟได้ทุกไซส์ เติมน้ำในถังง่ายเพียงเปิดฝา ตัวเครื่องใช้กำลังไฟ 1,300 – 1,500 วัตต์ พร้อมแรงดันน้ำ 15 บาร์ และความจุของถังน้ำ 0.55 ลิตร รูปทรงสวยงาม รองรับกาแฟแคปซูลหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับคอกาแฟที่ชื่นชอบความหลากหลาย
7. Nespresso เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น Essenza Mini Bundle
Nespresso Essenza Mini Bundle เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่ให้ช็อตกาแฟอันเข้มข้นด้วยแรงดันสูงถึง 19 บาร์ กำลังไฟ 1,250 วัตต์ ใช้งานง่ายควบคุมเพียงแค่ปุ่มก็สามารถทำกาแฟได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียง 30 วินาที มาพร้อม 2 โปรแกรมอัตโนมัติทั้งแบบ Espresso และ Lungo ความจุแท็งก์น้ำ 0.6 ลิตร มีฟังก์ชันประหยัดพลังงานอัตโนมัติโดยจะปิดเครื่องเมื่อไม่มีการใช้งานมีฟังชันประหยัดพลังงานอัตโนมัติโดยจะปิดเครื่องเมื่อไม่มีการใช้งานเป็นเวลา 9 นาที ใครนึกไม่ออกว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี แนะนำเลยว่าตัวนี้น่ามีไว้ติดบ้าน
8. Nespresso เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น New Lattissima One
Nespresso รุ่น New Lattissima One เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มาพร้อมดีไซน์หรูหราสะดุดตามีขนาดกะทัดรัด ปรับปรุงเพื่อให้ตอบโจทย์การสร้างสรรค์เมนูกาแฟนมได้ง่ายขึ้นถึง 6 เมนู ด้วยกระบอกบรรจุนมรูปแบบใหม่ที่สามารถเติมนมได้อย่างง่ายดายและสามารถใช้งานร่วมกับเครื่องล้างจานได้ ให้ช็อตกาแฟที่เข้มข้นด้วยแรงดัน 19 บาร์ มาพร้อม 2 โปรแกรมอัตโนมัติสำหรับการทำกาแฟ Espresso และ Lungo สามารถชงสามารถชงได้ทั้งกาแฟดำและกาแฟนม ความจุถังน้ำ 1.3 ลิตร กำลังไฟ 1,400 วัตต์ ตัวช่วยของคนรักกาแฟที่น่ารับไว้พิจารณา
9. ILLY เครื่องชงกาแฟแคปซูล ILLY รุ่น Y3.2
เครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่จะทำให้คุณสามารถได้เลือกดื่มกาแฟเอสเปรสโซและกาแฟอเมริกาโน่ได้ตามต้องการ ให้ช็อตกาแฟที่เข้มข้นด้วยความดันที่ 19 บาร์ กำลังไฟ 850 วัตต์ ความจุถังน้ำ 0.75 ลิตร มาพร้อมดีไซน์กะทัดรัดให้คุณประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า มีระบบความร้อนภายในเป็นอะลูมิเนียมและมีระบบประหยัดพลังงาน พร้อมถาดรองที่สามารถปรับระดับได้รองรับแก้วกาแฟได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้คุณได้เข้าถึงรสชาติกาแฟ ILLY แท้ ๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา
10. Tefal เครื่องชงกาแฟแคปซูล รุ่น KP240166 GENIO S BASIC
ส่งท้ายรายชื่อ เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Tefal KP240166 GENIO S BASIC เครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบออโต้ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด ใช้กำลังไฟ 1,500 วัตต์ พร้อมด้วยระบบ LED Control Ring ที่ช่วยควบคุมการทำงานของตัวเครื่องได้ง่าย มีแรงดัน 15 บาร์ ให้ช็อตกาแฟที่เข้มข้นเทียบเท่าเครื่องชงกาแฟขนาดใหญ่ มี XL function สำหรับผู้ที่ชอบการดื่มกาแฟแก้วใหญ่ ๆ ถาดรองน้ำสามารถปรับได้ 3 ระดับตอบโจทย์การวางแก้วสำหรับการชงเครื่องดื่มได้หลายรูปแบบ พร้อมแท็งก์น้ำขนาด 0.8 ลิตร สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ และมีระบบหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อใช้งานเสร็จ สวยและดีในราคาย่อมเยา
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
การจะเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี เอาไว้เติมเต็มความสุขภายในบ้านหรือสำนักงานให้กับคอกาแฟนั้น มีรายละเอียดหลายอย่างที่เราต้องพิจารณา เพื่อให้ได้รุ่นที่ลงตัวกับความต้องการของเรามากที่สุด โดยแต่ละรุ่นที่เราคัดมานั้นก็มีคุณสมบัติและราคาที่แตกต่างกันออกไป ส่วนรุ่นไหนจะโดนใจมากที่สุดคงต้องเปรียบเทียบในรายละเอียดกันอีกครั้งเพื่อหาเครื่องชงกาแฟแก้วโปรดที่จะมาช่วยสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มสุดพิเศษให้กับทุกวันของคุณ