อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 2023

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี แรงปั่นดี ไม่เสียง่าย 2023

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี
ภาพจาก pixabay.com

เครื่องปั่น เป็นไอเทมที่หลายบ้านต้องมีติดเอาไว้ เพราะไม่ใช่เพียงแค่การทำน้ำผลไม้หรือสมูทตี้เท่านั้นแต่อุปกรณ์นี้ยังช่วยในการเตรียมอาหารได้ด้วย ทำให้สะดวกสบายและรวดเร็วขึ้น ซึ่งในปัจจุบันฟังก์ชันการทำงานของเครื่องปั่นก็มีความทันสมัยมากขึ้น ดีไซน์ก็สวยงาม มีให้เลือกหลายรุ่นหลากราคา คำถามคือเราจะเลือกเครื่องปั่นอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งานของตัวเอง หรือบางคนอาจจะมีคำถามว่าแล้วเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดีที่น่าใช้งาน วันนี้เราเลยรวบรวมเอาข้อมูลวิธีการเลือกรวมถึงแนะนำรุ่นที่น่าสนใจมาให้คุณได้พิจารณากัน พร้อมแล้วก็ไปกันเลย

วิธีเลือกเครื่องปั่น ให้เหมาะกับการใช้งาน

อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่าเครื่องปั่นน้ำผลไม้นั้นมีหลายรุ่นหลากราคา คุณสมบัติก็แตกต่างกันออกไป แถมยังมีหลายยี่ห้ออีกด้วย เรามาดูกันว่าในการจะเลือกเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดีนั้นสามารถใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจได้บ้าง

1. เลือกตามประเภทของเครื่องปั่น

เรื่องแรกเลยในการที่จะดูว่าเครื่องปั่นแบบไหนที่เหมาะสมกับการใช้งานของเรามากที่สุดก็คือประเภทของเครื่องปั่น ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 4 แบบคือ

  • เครื่องปั่นแบบตั้งโต๊ะ เป็นแบบที่เราเห็นกันทั่วไปไม่ว่าจะตามร้านอาหารหรือว่าใช้ภายในครัวเรือน จุดเด่นของเครื่องปั่นแบบนี้ก็คือมีขนาดและความจุให้เลือกหลากหลายตามแต่ความต้องการ กำลังไฟก็ค่อนข้างสูง ใช้งานได้ค่อนข้างนาน ส่วนราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นขึ้นกับฟังก์ชันการทำงานที่ให้มา
  • เครื่องปั่นแบบมือถือ เครื่องปั่นประเภทต่อมาคือเครื่องปั่นแบบมือถือ ที่การใช้งานก็ตามชื่อเลยคือเน้นความสะดวกสบายระหว่างการจัดเตรียมอาหาร แต่กำลังไฟอาจจะไม่สูงนัก เหมาะกับการใช้ปั่นผลไม่ เครื่องเทศ เครื่องปรุง ไข่ หรือส่วนผสมของขนม สามารถถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ขนาดไม่ใหญ่มากพกพาไปไหนมาไหนได้สะดวก
  • เครื่องปั่นแบบแยกกาก หรือเครื่องปั่นประสิทธิภาพสูง เป็นแบบที่นิยมใช้งานกันในหมู่คนรักสุขภาพหรือร้านขายน้ำผลไม้ จุดเด่นของเครื่องปั่นประเภทนี้ก็คือมีกำลังไฟและรอบการปั่นที่สูง ทำให้สามารถปั่นแยกกากผลไม้ออก ให้ความนุ่มนวลของน้ำผลไม้มากขึ้น คงคุณค่าสารอาหารได้ดีกว่าเครื่องปั่นทั่วไป แม้ราคาจะสูงแต่เทียบกับประโยชน์ที่ได้ทำให้หลายคนเลือกที่จะใช้เครื่องปั่นแบบนี้
  • เครื่องปั่นแบบพกพา หากคุณเป็นสายแคมป์ปิ้งรักการเดินทางแล้วอยากมีน้ำผลไม้ปั่นเอาไว้ดื่มดับกระหายคลายร้อนในกิจกรรมระหว่างเดินทาง เครื่องปั่นแบบพกพาคือคำตอบที่คุณกำลังตามหา เพราะมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด สามารถพกพาได้อย่างไม่หนักกระเป๋า ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ สามารถชาร์จกับ Power Box ได้ แต่ก็มีข้อจำกัดตรงที่การชาร์จ 1 ครั้งอาจจะใช้งานได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น

2. วัสดุและความจุของโถปั่น

โถปั่นนั้นถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งของเครื่องปั่นเลยก็ว่าได้ ดังนั้นการจะเลือกเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี หรือว่ารุ่นใดนั้น จึงต้องพิจารณาจากองค์ประกอบนี้ด้วย โดยโถปั่นนั้นมักผลิตจากวัสดุ 3 ประเภทด้วยกันคือ

  • โถแบบพลาสติก สำหรับเครื่องปั่นระดับเริ่มต้นที่มีราคาไม่แพงมาก ส่วนใหญ่จะมากับโถแบบพลาสติก ที่บางและมีน้ำหนักเบา ซึ่งโถแบบนี้อาจจะต้องดูแลรักษามากเป็นพิเศษเพราะอาจเกิดรอยขีดข่วนต่างๆ ได้ง่าย ทำให้เกิดการสะสมของกลิ่นและเศษอาหารได้หากสะสมเยอะๆ ก็จะเป็นแหล่งของเชื้อโรค แต่หากทำความสะอาดให้ดีก็สามารถใช้งานไปได้นานเช่นกัน
  • โถแบบแก้ว เป็นโถที่มากับความแข็งแรงและทนทานมากขึ้นอีกระดับ ข้อดีคือสามารถปั่นน้ำผลไม้หรือวัตถุดิบในการทำอาหารได้หลายอย่าง โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคราบหรือเศษอาหารตกค้าง รวมถึงหมดปัญหาเรื่องกลิ่นและการสะสมของแบคทีเรีย เป็นโถที่นิยมใช้กันทั้งที่บ้านและร้านอาหาร ส่วนข้อด้อยก็คือน้ำหนักค่อนข้างมากและต้องระมัดระวังไม่ให้ตกพื้นเพราะอาจเสียหายได้
  • โถแบบ Tritan อาจจะไม่ค่อยคุ้นชินกันนักแต่โถแบบนี้ถือว่ามีคุณภาพและดูดีที่สุดก็ว่าได้ โดยผลิตจากวัสดุเรซินสังเคราะห์มีจุดเด่นในเรื่องของความใสและความทนทาน ไม่แตกง่ายจนเกินไป น้ำหนักเบากว่าโถแก้ว ไม่ทิ้งคราบตกค้าง ทำความสะอาดได้ง่าย ราคาอาจจะสูงแต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน

ในส่วนของความจุนั้นปกติแล้วจะอยู่ที่ระหว่าง 0.5-1 ลิตรสำหรับการใช้งานทั่วไป การจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นอยู่ที่ว่าซื้อมาเพื่อทำอะไรและมากแค่ไหน ซึ่งทางที่ดีควรซื้อเผื่อเอาไว้สักเล็กน้อย เพราะบางครั้งอาจจะมีบางเมนูที่หากเครื่องเล็กเกินไปอาจจะไม่สะดวกนัก

3. กำลังไฟและความเร็วในการปั่น

แน่นอนว่าเครื่องปั่นที่มีกำลังไฟสูงย่อมสามารถปั่นได้นานและละเอียดมากกว่า หากมีใบมีดที่ดีร่วมด้วย โดยหากเป็นการปั่นวัตถุดิบทั่วไป อาจใช้เครื่องที่มีกำลังไฟ 500-600 วัตต์ก็น่าจะเพียงพอ แต่หากเป็นการปั่นน้ำผลไม้ที่ต้องใส่น้ำแข็งด้วยแนะนำว่าควรเป็น 1,000-1,500 วัตต์ จะช่วยให้ตัวเครื่องและมอเตอร์ไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป และหากเป็นไปได้ควรเลือกเครื่องปั่นรุ่นที่สามารถปรับความเร็วได้หลายระดับเพื่อความสะดวกในการเตรียมเครื่องดื่มหรืออาหารที่หลากหลายมากขึ้น

4. ดีไซน์การออกแบบ

สำหรับหลายคนแล้วเชื่อว่าความสวยงามก็เป็นอีกส่วนที่ขาดไม่ได้ในการเลือกเครื่องปั่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสีสัน ขนาด และน้ำหนัก รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการผลิต ทั้งนี้ต้องไม่ลืมเรื่องสถานที่ตั้งวางตัวเครื่องว่าเพียงพอหรือไม่ และอีกอย่างที่เราไม่อยากให้คุณมองข้ามก็คือฝาปิดของเครื่องปั่นที่ควรปิดได้สนิทมีตัวล็อคแน่นหนา เพื่อป้องกันความสกปรกที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงอันตรายจากการปั่นวัตถุดิบบางอย่างด้วย

5. ฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการ

ปัจจุบันเครื่องปั่นหลายรุ่นมากับเทคโนโลยีอันทันสมัยเข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้ โดยมีฟังก์ชันหลายอย่างที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น มีปุ่มระบบสัมผัสเพื่อเลือกเมนูอาหารที่จะทำ กำหนดความเร็วของการปั่น มีโหมดทำน้ำแข็งเกล็ดหิมะ สามารถสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นในสมาร์ทโฟนได้ มีโหมดตัดการทำงานเมื่อเครื่องร้อนเกินไปหรือฝาปิดไม่สนิท เป็นต้น ซึ่งหากทำได้หลายอย่างราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

6. การทำความสะอาด

ในการเลือกเครื่องปั่นนั้น ความสะดวกในการทำความสะอาดเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม หลายคนรักที่จะทำเมนูเครื่องดื่มต่างๆ แต่ขี้เกียจต้องมาเสียเวลาทำความสะอาด การถอดล้างที่ง่ายจึงมีความจำเป็น เนื่องจากเครื่องปั่นนั้นต้องทำความสะอาดทั้งในส่วนของโถปั่นและใบมีด รวมถึงฐานของตัวเครื่องที่อาจมีคราบเขม่าตกค้าง ลองตรวจสอบดูว่ารุ่นที่คุณสนใจทำความสะอาดง่ายแค่ไหนหรือสามารถใช้กับเครื่องล้างจานได้ด้วยหรือไม่

7. ราคา

ราคาของเครื่องปั่นนั้นมีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับว่าสเปคเป็นแบบไหน มีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมอะไรบ้าง ความจุเท่าไหร่ กำลังไฟกี่วัตต์ วัสดุการผลิตดีแค่ไหน รวมถึงยี่ห้อก็มีผลกับราคาของเครื่องปั่นด้วยเช่นกัน ในการเลือกซื้อจึงต้องดูที่ความเหมาะสมของการใช้งานกับงบประมาณที่เรามีอยู่

8. การรับประกันสินค้า

ข้อสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วก็คือ ระยะเวลาและเงื่อนไขในการรับประกันเครื่องปั่นแต่ละตัว โดยสินค้าชนิดนี้สิ่งที่เราต้องตรวจสอบเงื่อนไขให้ดีก็คือระยะเวลาการรับประกันมอเตอร์เพราะเป็นส่วนที่ใช้งานค่อนข้างหนัก ซึ่งหากเป็นยี่ห้อชั้นนำในตลาดก็มักให้เงื่อนไขที่ค่อนข้างยาวนานและครอบคลุมมากกว่า

10 อันดับ เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี

เราได้ทำความรู้จักกับเครื่องปั่นกันไปแล้วพอสมควรว่ามีแบบไหนบ้างและต้องเลือกซื้ออย่างไร คราวนี้เรามาดูกันเลยว่าเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดีที่น่าจะโดนใจตัวเองมากที่สุด

1. Electrolux Master 9 Multi Blender E9TB1-99BP

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Electrolux Master 9 Multi Blender E9TB1 99BP

หากจะถามว่าเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Electrolux คือตัวเลือกในอันดับต้นๆ ที่หลายคนเลือกใช้ด้วยชื่อเสียงและเทคโนโลยีที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้ในระดับสากล ซึ่งเจ้า Electrolux Master 9 Multi Blender ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีดีไซน์ที่เรียบหรูทันสมัย ด้วยสีดำตัดด้วยสีทอง ตัวโถมีความจุอยู่ที่ 2 ลิตร มีให้เลือก 3 แบบเอาไว้สับเปลี่ยนกันคือโถปั่น โถบด และโถสับ กำลังไฟอยู่ที่ 1,600 วัตต์ มีระบบควบคุมความเร็วอัจฉริยะเพื่อความสม่ำเสมอ ใบมีดผลิตจากไทเทเนียม คมกริบและแข็งแรง จุดเด่นก็คือเครื่องนี้สามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อควบคุมการทำงานและเข้าถึงเมนูอาหารมากมายผ่านแอพ Electrolux Master X ที่พัฒนาร่วมกับสถาบัน Le Cordon Bleu มาพร้อมการรับประกันถึง 2 ปี

2. Tefal BL42Q

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Tefal BL42Q

มาต่อกันที่ Tefal BLENDFORCE BL42Q เครื่องปั่นจากยี่ห้อผู้ผลิตเครื่องครัวและอุปกรณ์ทำอาหารอีกเจ้าที่วางใจได้ในเรื่องของคุณภาพและการใช้งาน โดยเป็นเครื่องปั่นแบบ 2-in-1 ที่มาพร้อมเหยือกสกัดน้ำผลไม้ เอาอยู่ทั้งการทำน้ำผลไม้และสมูตตี้ มีคุณสมบัติช่วยในการรักษาคุณค่าของอาหารให้สดใหม่พร้อมรับประทานและยังมีรสชาติที่น่าลิ้มลองราวกับมืออาชีพเป็นคนทำ ตัวนี้มากับมอเตอร์ขนาด 600 วัตต์ พร้อมระบบใบมีดแบบ 6 แฉกที่มีเทคโนโลยี Powelix มาช่วยทำให้สามารถปั่นได้ละเอียดและเนียนขึ้นกว่าเครื่องปั่นทั่วไป สั่งงานด้วยปุ่มมือหมุน 2 ระดับ ภายในติดตั้งระบบ Air Cooling ช่วยระบายความร้อนทำให้มอเตอร์ทำงานไม่หนักจนเกินไป ที่สำคัญยังถอดล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

3. Healthy-Mix GP3.5

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Healthy Mix GP3.5

Healthy-Mix GP3.5 เครื่องปั่นเพื่อคนรักสุขภาพที่มีครบทั้งดีไซน์และฟังก์ชันที่พร้อมให้คุณดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มแก้วโปรด มาพร้อมโถปั่นที่ผลิตจากวัสดุ Polycarbonate ขนาดความจุอยู่ที่ 2.0 ลิตร มอเตอร์มีกำลังไฟ 1,800 วัตต์ 3.5 แรงม้า ปั่นได้แทบทุกอย่างที่ต้องการทั้งน้ำผลไม้และวัตถุดิบสำหรับการเตรียมอาหาร รองรับความเร็วได้ถึง 10 ระดับ ปั่นได้ละเอียดและเนื้อเนียนด้วยใบมดแบบฟันปลา 4 ใบ และยังมีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อตรวจพบว่าความร้อนสูงเกินไป ช่วยให้ใช้งานได้ยาวนานขึ้น อุปกรณ์ต่างๆ ถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ลองดูว่าชอบหรือไม่กับรุ่นนี้

4. Kenwood SMP060.WG

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Kenwood SMP060.WG

ใครมองหาเครื่องปั่นขนาดเล็กกะทัดรัดดีไซน์และสีสันสวยงามสะดุดตาอยู่แล้วล่ะก็เราขอแนะนำ Kenwood SMP060.WG เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม มาพร้อมรูปทรงแปลกตาน่าใช้งาน ผลิตจากวัสดุพลาสติก ABS ที่ทนทานใช้งานได้นานปี ความจุโถอยู่ที่ 0.6 ลิตร ใบมีดผลิตจากวัสดุสแตนเลสคุณภาพดี ปั่นได้ละเอียด มีปุ่มควบคุมที่สามารถปรับความเร็วได้ตามต้องการพร้อมปุ่ม Pulse สำหรับเริ่ม-หยุด การทำงาน ตัวใบมีดและโถปั่นสามารถถอดล้างและทำความสะอาดได้ง่าย ลดการตกค้างของเศษอาหาร ที่สำคัญราคาเป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์สุดๆ

5. Philips HR2221/00

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Philips HR2221 00

ถ้าต้องการของดีมีคุณภาพแต่ไม่รู้จะเลือกเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดีแล้วล่ะก็ Philips HR2221/00 คือรุ่นที่ไม่ควรพลาด และหากสังเกตดีๆ คุณอาจจะเคยเห็นรุ่นนี้ผ่านตากันมาบ้างจากร้านขายน้ำผลไม้ตามที่ต่างๆ เพราะจัดว่าเป็นรุ่นยอดนิยมที่ใช้ดีในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป มาพร้อมเทคโนโลยี ProBlend Crush แบบ 4 ใบมีดและมอเตอร์ขนาด 700W ปั่นได้ละเอียดเนียนไม่เวลาอันรวดเร็ว พ่วงมาด้วยตัวตรวจจับความร้อนช่วยถนอมมอเตอร์ มีปุ่มเลือกโปรแกรมได้ถึง 5 แบบทั้งการปั่นน้ำผลไม้และเตรียมอาหาร ใบมีดสามารถถอดทำความสะอาดได้และยังมีระบบ Quick Clean สำหรับการทำความสะอาดแบบรวดเร็วอีกด้วย

6. OZEN Vacuum Blender

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี OZEN Vacuum Blender

OZEN Vacuum Blender เครื่องปั่นที่ออกแบบมาเพื่อคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ มาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามน่าใช้ เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งในห้องครัว ทำงานด้วยระบบสุญญากาศที่ช่วยให้คงคุณค่าของวิตามินและเอนไซม์ต่างๆ เอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่ารักษาคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าเครื่องปั่นทั่วไปถึง 438% เลยทีเดียว ตัวโถมีความจุที่ 1.5 ลิตร ใบมีดเป็นแบบ 6 แฉก มีมอเตอร์ขนาด 1,500 วัตต์ ให้กำลังไฟและรอบการปั่นที่คงที่ มีอุปกรณ์เสริมเป็นเหยือกเก็บน้ำผักผลไม้ ปลอดภัยมากขึ้นด้วยระบบตัดการทำงานเมื่อฝาปิดไม่สนิท การทำความสะอาดก็ง่ายเพราะถอดออกได้ทุกชิ้น ใครเป็นสายสุขภาพรุ่นนี้เลย

7. OTTO BE-111A

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี OTTO BE 111A

OTTO BE-111A เครื่องปั่นขนาดเล็กที่มากับดีไซน์และสีสันที่สวยสะดุดตา พกพาไปได้ทุกที่ พร้อมแถมโถปั่นแบบพลาสติกมาถึง 3 ใบ เอาไว้ให้ใช้สับเปลี่ยนใช้งานเพื่อปั่นผักและผลไม้ ตัวฝาปิดออกแบบมาให้ปิดสนิทป้องกันการหก และยังปราศจากสารก่อมะเร็ง(BPA) อีกด้วย ตัวเครื่องใช้งานง่ายเพียงหมุนโถให้เข้าล็อคก็จะทำงานอัตโนมัติ มีระบบป้องกันกรณีที่โถปั่นอยู่ผิดตำแหน่ง มาพร้อมใบมีด 4 แฉก วัสดุสแตนเลสทั้งทนทานและทำความสะอาดง่าย ส่วนกำลังไฟให้มา 300 วัตต์ พ่วงระบบตรวจจับความร้อนเกิน เรียกว่าดีเกินราคาไม่เสียยี่ห้อเลยล่ะ

8. Sharp EM-SMART4

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Sharp EM SMART4

Sharp EM-SMART4 เครื่องปั่นจากยี่ห้อเครื่องใช้ไฟฟ้าแนวหน้าของวงการที่ให้เยอะเกินค่าตัว รองรับการทำเครื่องดื่มและการเตรียมอาหารได้หลากหลาย ภายในอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย ไม่เสียชื่อยี่ห้อ โดยมากับโถปั่นและโถบดแบบพลาสติกเกรด FOOD GRADE ที่สามารถเปลี่ยนใช้งานได้ มีฟิลเตอร์กรองกากใส่มาให้ด้วย ตัวมอเตอร์กำลังไฟ 450 วัตต์ ที่มีระบบป้องกันสองชั้นคือ MOTOR SAFETY ป้องกันความร้อนเกินเมื่อใช้งานเกินกำลัง และ SAFETY LOCK ปิดการทำงานเมื่อโถปั่นไม่เข้าที่ ผ่านการรับรองมาตรฐาน RoHS ใบมีดเป็นแบบ 4 แฉก ปั่นผักและผลไม้ได้ดี เทียบกับราคาแล้วจัดว่าคุ้ม

9. BUD JE-32

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี BUD JE 32

BUD JE-32 เครื่องปั่นอีกรุ่นที่เหมาะกับคนรักสุขภาพที่ชื่นชอบน้ำผลไม้แบบแยกกาก แถมประหยัดเวลาเพราะใส่ชิ้นใหญ่หรือใส่ทั้งลูกได้เลย โดยภายใต้ดีไซน์ที่เรียบหรูเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพและฟังก์ชันการทำงานอันทันสมัย เป็นเครื่องปั่นแบบสุญญากาศที่ช่วยรักษาคุณค่าทางอาหารเอาไว้ให้สดใหม่พร้อมดื่ม ความจุอยู่ที่ 1.5 ลิตรเพียงพอสำหรับการใช้งานในครอบครัว สามารถปรับความเร็วได้หลายระดับด้วยมอเตอร์กำลังไฟ 600 วัตต์ ตัวพลาสติกที่ใช้ผ่านการรับรองว่าปลอดภัย มีความทนทานสูง รวมถึงถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย ที่สำคัญราคาน่ารักมาก

10. Toshiba BL-T70PR2

เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี Toshiba BL T70PR2

ส่งท้ายรายชื่อเครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี กันด้วย Toshiba BL-T70PR2 เจ้าของสโลแกน “โตชิบา นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต” ซึ่งเจ้าเครื่องปั่นรุ่นนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเพราะในราคาที่จับต้องได้คุณสมบัติการใช้งานนั้นให้มาอย่างครบครันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ดีไซน์อันเรียบหรู มอเตอร์ขนาด 700 วัตต์ที่ให้กำลังไฟเพียงพอสำหรับการปั่นน้ำผลไม้หรือเตรียมอาหารต่างๆ พ่วงมาด้วยโถบดอาหารและเครื่องปรุง ใบมีดเป็นแบบ 6 แฉก แข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดง่าย สามารถปรับกำลังไฟและรอบการปั่นได้ 3 ระดับ ใช้งานง่ายด้วยปุ่มควบคุมที่ด้านหน้าตัวเครื่อง ส่วนความจุนั้นอยู่ที่ 1.5 ลิตร งานสร้างถือว่าลงตัวน่ามีติดครัวไว้

บทส่งท้ายจากผู้เขียน

ผ่านไปแล้วกับ 10 รุ่น เครื่องปั่น ยี่ห้อไหนดี พร้อมวิธีการเลือกใช้ที่เรานำมาฝากกัน ซึ่งก็ต้องบอกว่าเครื่องปั่นนั้นมีหลากรุ่นหลายราคา รูปแบบการใช้งานก็แตกต่างกันออกไป ลองดูว่ารุ่นไหนที่น่าจะเหมาะกับครัวหรือร้านของคุณมากที่สุด เลือกได้แล้วก็คว้ามาเป็นเครื่องครัวคู่ใจกันได้เลย

หมวดหมู่