คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ อุปกรณ์ไอทีที่ไม่ได้มีแค่ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย แต่ยังเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์เพื่อสุขภาพที่ดีของผู้ใช้งานอีกด้วย บ่อยครั้งเมื่อเรานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์มักประสบปัญหาที่ข้อมือ เกิดอาการปวด เมื่อย หรือเจ็บขณะใช้งาน ทั้งนี้เนื่องจากการวางข้อมือที่ผิดจากธรรมชาติ หรือใช้ข้อมือผิดประเภทจากความเคยชิน และไม่ระวังตัวจึงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ข้อมือได้ ดังนั้นคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพจึงเป็นอุปกรณ์ไอทีสำคัญที่ตอบโจทย์คนรักสุขภาพ และช่วยไม่ให้เกิดอาการบาดเจ็บที่ข้อมือนั่นเอง
ปัจจุบันเทรนด์การรักสุขภาพมีมากมาย คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพจึงเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี แต่จะเลือกซื้อคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี หรือแบบไหนที่เหมาะกับเรา วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ มาฝากกัน
วิธีเลือกคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ
เมื่อคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน จึงทำให้แบรนด์ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีทั้งหลายต่างผลิตคีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์เพื่อสุขภาพของผู้ใช้งานโดยมีการผลิตมากมายหลายแบบทั้งการดีไซน์ และฟังก์ชันการใช้งาน ดังนั้นการเลือกซื้อคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพสักอันจึงต้องให้ความสำคัญอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อให้ใช้งานได้อย่างคุ้มค่า และตอบโจทย์สุขภาพได้อย่างตรงจุด โดยมีวิธีการเลือกคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพไว้ใช้งานดังนี้
1. จะต้องเช็คที่พักข้อมือก่อน (Palm Rest)
เพราะคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพจะมี “ที่พักข้อมือ” เหมือนกัน จึงมีการออกแบบคีย์บอร์ดให้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ โดยมีการวางตำแหน่ง และระดับความสูงของที่พักข้อมือให้อยู่ในองศาที่เหมาะสม หรือสูงกว่าคีย์บอร์ดเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้จะช่วยลดโอกาสการปวดข้อมือ หรือการบาดเจ็บข้อมือได้นั่นเอง
2. รูปแบบการดีไซน์ของคีย์บอร์ด
สำหรับการรูปทรงคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพจะมีการดีไซน์ที่แตกต่างจากคีย์บอร์ดทั่วไป โดยสังเกตได้จาก ตัวแป้นพิมพ์จะแยกออกจากกันสองฝั่ง เพื่อทำให้มือของผู้ใช้งานขนานกับไหล่ รวมทั้งบริเวณช่องว่างของแป้นพิมพ์จะมีมุมเอียง หรือรูปทรงสามเหลี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้ฟิตเข้ารูปกับนิ้ว และการจัดวางมือให้พอดีกับตัวคีย์บอร์ด ส่วนบริเวณฐานของคีย์บอร์ดจะมีลักษณะนูนคล้ายกับรูปทรงเต้นท์ เพื่อให้ท่อนแขน และข้อมือวางได้อย่างถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ จึงทำให้ลดปัญหาอาการปวดเมื่อยที่เกิดจากการใช้คีย์บอร์ดทั้งในระยะสั้น และระยะยาว หรือการใช้ข้อมือที่ผิดวิธี
3. อุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตต้องมีคุณภาพได้มาตรฐาน
คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพเป็นอุปกรณ์ไอทีที่ความพิถีพิถันในการผลิตมาก ทั้งการออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ และฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ดังนั้นวัสดุที่ใช้ในการผลิตจึงต้องมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ตรงตามหลักสรีรศาสตร์
4. ราคาคีย์บอร์ดต้องเหมาะสมตรงตามสเปคที่ต้องการ
เป็นที่รู้กันดีว่าคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพจะมีราคาสูงกว่าคีย์บอร์ดทั่วไป ด้วยรูปแบบการดีไซน์ วัสดุที่ใช้ในการผลิต และขั้นตอนการผลิตที่พิถีพิถันเพื่อให้ได้คีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์สุขภาพ ถูกหลักสรีรศาสตร์ จึงไม่แปลกที่ราคาจะสูง ดังนั้นหากต้องการคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพไว้ใช้งานจะต้องดูราคาที่เหมาะสม วัสดุที่ใช้ผลิตจะต้องมีคุณภาพดี รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครันทั้งนี้เพื่อให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปนั่นเอง
คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี
เมื่อเทรนด์เพื่อสุขภาพกำลังมาแรง “คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ” จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัย ฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน รวมถึงราคาที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งแต่ละแบรนด์ไอทีชื่อดังได้ผลิตคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพออกวางจำหน่ายจำนวนมาก แต่จะเลือกคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี มีรุ่นไหนน่าใช้บ้างวันนี้เรามีมาแนะนำให้เลือกกันถึง 10 รุ่นเลยทีเดียว
1. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Logitech ERGO K860
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| กินไฟน้อย เพียงแค่ใช้ถ่าน AAA สามารถใช้งานได้นานถึง 2 ปี | ระวังอย่าให้น้ำหกใส่คีย์บอร์ด |
| สามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ IOS และ Windows | ราคาคีย์บอร์ดค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นที่มีฟังก์ชันคล้ายกัน |
| ดีไซน์เหมาะกับการใช้งาน ซัพพอร์ตข้อมือ | |
| ระยะการเชื่อมต่อ 10 เมตร |
เริ่มต้นการหา คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี กับ Logitech ERGO K860 คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่คุ้มค่ากับการลงทุนอย่างมากทั้งรูปแบบการดีไซน์ที่ทันสมัยอย่างลงตัว มาพร้อมกับฟีเจอร์เด็ด ๆ ทั้งความเร็วในการพิมพ์ และแบตเตอรี่ที่อึดยาวนานถึง 2 ปี อีกทั้งยังผ่านการวิจัย และทดสอบจากนักการยศาสตร์สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดการงอมือได้ 25% และรองรับข้อมือได้ดีกว่าคีย์บอร์ดทั่วไปได้มากถึง 54% รองรับการใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการ macOS และ Windows จึงเป็นคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพอันดับหนึ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมถูกใจชาวออฟฟิศอย่างแน่นอน
2. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Perixx PERIBOARD 512
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์คีย์บอร์ดรูปทรง 3D Curve ลดอาการปวดเมื่อยที่นิ้ว และข้อมือ | แรกๆ จะใช้ยากเมื่อชินแล้วจะสบายมือ |
| มาพร้อมปุ่มลัด Multi-Media Keys 7 ปุ่ม เพื่อง่ายต่อการทำงาน | สามารถเชื่อมต่อได้แค่ระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้น |
| มีความแข็งแรงทนทาน | |
| ราคาไม่แพงตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว |
สำหรับคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Perixx รุ่น PERIBOARD 512 เป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ โดยแบ่งปุ่มกดออกเป็น 2 ส่วน พร้อมปุ่มลัด 7 ปุ่ม เพื่อช่วยให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายไหลลื่น ไม่สะดุด พิมพ์งานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่มีอาการปวดเมื่อยข้อมือ หรือนิ้ว ดีไซน์การออกแบบที่ทันสมัย แข็งแรงทนทาน ตอบโจทย์การใช้งานของชาวออฟฟิศได้อย่างลงตัว แต่มีข้อจำกัดคือสามารถเชื่อมต่อได้แค่ระบบปฏิบัติการ Windows เท่านั้น
3. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ SANWA รุ่น SKB-ERG5BK
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์โดดเด่นตามหลักสรีศาสตร์พร้อมกับแทร็คบอลสีแดง และล้อเลื่อนสามารถควบคุมได้ 4 ทิศทาง | แป้นพิมพ์ไม่มีภาษาไทย สามารถหาซื้อสติ๊กเกอร์ภาษาไทยมาแปะทับได้ |
| ขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาได้สะดวก | เป็นคีย์บอร์ดแบบมีสายเชื่อมต่อ USB |
| ปุ่มกดนิ่มสบายนิ้ว เพื่อการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ | |
| มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วนได้อย่างดี |
คีย์บอร์ดจาก Sanwa มาพร้อมจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร คือ มีแทร็คบอลสีแดง และล้อเลื่อนบริเวณส่วนล่างของคีย์บอร์ดทำหน้าที่คล้ายเมาส์พร้อมทั้งควบคุมได้ 4 ทิศทาง ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์พร้อมปุ้มกดที่นุ่มนิ่มสบายนิ้วเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น อีกทั้งขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวกตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว รุ่นนี้แป้นพิมพ์ไม่มีภาษาไทย แต่สามารถหาซื้อสติ๊กเกอร์ภาษาไทยมาแปะทับได้
4. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Delux รุ่น GM905DB
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้ท่าทางการพิมพ์เป็นธรรมชาติ | ใช้แบตเตอรี่ AAA จำนวน 2 ก้อน |
| มาพร้อมกับหมอนรองข้อมือ | น้ำหนักประมาณ 1 กก. |
| รองรับได้ทั้งระบบปฏิบัติการ Microsoft, Win7/8/10/11, Mac os 10.12 และ Android 4.3 | |
| เชื่อมต่ออุปกรณ์ล่าสุดได้ถึง 3 เครื่อง |
หากคุณกำลังมองหาคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดีแบบไร้สายที่มาพร้อมกับฟังก์ชันการใช้งานที่ดีเยี่ยมต้องยกให้ Delux รุ่น GM905DB ด้วยการดีไซน์สวยงามทันสมัยเพื่อให้ท่าทางของผู้ใช้งานเป็นธรรมชาติ อีกทั้งหมอนรองข้อมือที่ผลิตจากวัสดุหนังสังเคราะห์คุณภาพพรีเมียมที่ไม่ระคายเคือง เพื่อให้สัมผัสที่นุ่มนวลขณะใช้งาน สามารถรองรับระบบปฏิการได้ทั้ง Microsoft, Win7/8/10/11, Mac OS 10.12 และ Android 4.3 ใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ล้านครั้งด้วยแบตเตอรี่ AAA จำนวน 2 ก้อนเท่านั้น แถมราคาไม่แพงจับต้องได้อีกด้วย
5. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Anitech รุ่น EK01
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์โดดเด่น มาพร้อมแป้นรองข้อมือแบบหนัง หนานุ่ม | รับประกันถึง 2 ปี |
| มาพร้อมกับปุ่มมาตรฐาน 116 ปุ่ม และปุ่มมัลติมีเดียในตัว | เป็นคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพแบบมีสายเชื่อมต่อกับพีซี หรือแล็ปท็อป |
| สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Win XP, Vista, 7, 8, 10 และ 11 พร้อม Mac OS | |
| ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อแก้ปัญหาอาการปวดข้อมือขณะใช้งานโดยเฉพาะ |
สำหรับคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Anitech รุ่น EK01 เป็นคีย์บอร์ดที่มาพร้อมกับแป้นรองข้อมือแบบหนังที่มีความนุ่มนวล แป้นพิมพ์แยกซ้าย-ขวาชัดเจน ดีไซน์โค้งยกระดับเพื่อลดปัญหาอาการการปวดข้อมือหากใช้งานเป็นเวลานาน มาพร้อมกับปุ่มมาตรฐาน 116 ปุ่ม อีกทั้งปุ่มมัลติมีเดียในตัวอีกด้วย รองรับระบบปฏิบัติการได้ทั้ง Win XP, Vista, 7, 8, 10 และ 11 พร้อม Mac OS แข็งแรงทนทานตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีการรับประกันสินค้าให้นานถึง 2 ปีอีกด้วย
6. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ FEKER รุ่น Alice 80
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์สวยทันสมัย ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ | สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้สูงสุด 3 ชิ้นเพียงคลิกเดียว |
| มาพร้อมฟังก์ชั่น Swtich และ USB เพื่อการใช้งานที่ไหลลื่นไม่สะดุด | แป้นพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ |
| รองรับการเชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และ Wireless | |
| สามารถใช้งานได้ยาวนานด้วยพลังงานจากแบตเตอรี่ที่ความจุ 8000 mAh |
และก็มาถึงครึ่งทางกันแล้วกับการแนะนำคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี ซึ่งหากใครกำลังตามหาคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เด่นๆ ต้องยกให้ FEKER รุ่น Alice 80 ดีไซน์โค้งตามหลักสรีรศาสตร์ แบ่งแป้นพิมพ์สองฝั่งพร้อมสีสัน และแสงไฟ LED สวยงาม มีสองสีให้เลือกคือสีขาว และสีดำ เพิ่มฟังก์ชัน Swtich และ USB ให้การเชื่อมต่อที่ไหลลื่นไม่ว่าคุณจะใช้ระบบปฏิบัติการ Windows หรือ Mac ก็ไหลลื่นไม่มีสะดุด อีกทั้งสามารถใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ความจุ 8000 mAh ตอบโจทย์ใช้งานทั้งในออฟฟิศ และเล่นเกมส์ได้อย่างลงตัว
7. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Delux รุ่น GM901U
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์สวยทันสมัยทรงโค้งตามหลักสรีรศาสตร์ | มาพร้อมกับ 2 USB Hub ที่สามรถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ที่ใช้ไฟน้อยกว่า 200 มิลลิแอมป์ |
| ลดอาการเมื่อยล้า หรืออาการเจ็บปวดขณะใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม | เป็นคีย์บอร์ดมาตรฐาน 107 คีย์ที่ไม่มีปุ่มลัดมาด้วย |
| สามารถรองรับระบบปฏิบัติการได้ทั้ง Windows, Mac, Android และ iOS | |
| เป็นคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพแบบมีสายที่มีความแข็งแรง ทนทาน และราคาไม่แพง |
เปิดประสบการณ์ใหม่กับคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดี อย่าง Delux รุ่น GM901U คีย์บอร์ดแบบมีสายสำหรับพีซีแล็ปท๊อปที่มาพร้อมกับการดีไซน์โค้งตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อลดอาการปวดเมื่อยล้าขณะใช้งาน เป็นคีย์บอร์ด 107 คีย์มาตรฐานที่มี 2 USB Hub เพื่อให้การเชื่อมต่ออุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ไฟน้อยกว่า 200 มิลลิแอมป์แบบไม่สะดุด สามารถรองรับระบบปฏิบัติการ Windows, Mac, Android และ iOS แข็งแรงทนทาน แถมราคาไม่แพงอีกด้วย
8. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ JOMAA
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์คีย์บอร์ดตามหลักสรีรศาสตร์ทำให้ไม่เกิดอาการเจ็บปวดข้อมือ หรือนิ้วขณะใช้งานระยะเวลานาน | การใช้งานครั้งแรกค่อนข้างยาก ไม่ถนัด |
| ออกแบบไม่ให้มีเสียงกดแป้นพิมพ์ขณะใช้งาน | เป็นคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่มีปุ่มกดมาตรฐาน ไม่มีปุ่มลัด |
| เชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และ Wireless พร้อมรองรับระบบปฏิบัติการ Windows, Android, I0S และ Mc OS | |
| สามารถชาร์จไฟได้ |
เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผลิตคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่น่าสนใจไม่แพ้แบรนด์อื่นเลยกับ JOMAA ที่ครั้งนี้มากับคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่ดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ แบ่งแป้นพิมพ์ออกเป็นสองส่วนพร้อมทั้งปุ่มกดมาตรฐาน 101 ปุ่ม เพื่อให้ผู้ใช้งานได้ผ่อนคลายแม้จะต้องพิมพ์งานเป็นเวลานาน อีกทั้งเวลาพิมพ์ไม่มีเสียงกดแป้นให้รบกวนอีกด้วย สามารถเชื่อมต่อได้ทั้ง Bluetooth และ Wireless พร้อมทั้งรองรับระบบปฏิบัติการ Windows, Android, I0S และ Mc OS เป็นคีย์บอร์ดที่มีความจุแบตเตอรี่ 1100 mAh สามารถชาร์จไฟได้ใช้งานได้ยาวนานด้วย
9. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Logitech รุ่น K650
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมที่วางพักฝ่ามือแบบนุ่มนวล เพื่อการใช้งานได้สบายตลอดทั้งวัน | มีการรับประกันแบบจำกัดเพียง 1 ปี สำหรับฮาร์ดแวร์ |
| สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Bluetooth และ Wireless โดยผ่านตัวรับสัญญาณ Logi Bolt | ส่วนประกอบเป็นชิ้นส่วนพลาสติกรีไซเคิล และผ่านการรับรอง Carbon Neutral |
| รองรับได้หลายระบบปฏิบัติการ เช่น เช่น Windows, macOS, Chrome OS, Linux, iPadOS, iOS และ Android | |
| ดีไซน์สวยหรูแถมยังป้องกันของเหลวหกใส่ หรือละอองน้ำได้ดีเยี่ยม |
คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Logitech รุ่น K650 เป็นคีย์บอร์ดที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์มาพร้อมกับที่พักฝ่ามือ ดีไซน์สวยหรูสามารถป้องกันของเหลว หรือละอองน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถเชื่อมต่อได้ทั้งแบบ Bluetooth และ Wireless โดยผ่านตัวรับสัญญาณ Logi Bolt ได้ไกลถึง 10 เมตร ให้คุณใช้งานได้อย่างไหลลื่นไม่ว่าจะเชื่อมต่อด้วยระบบปฏิการ Windows, macOS, Chrome OS, Linux, iPadOS, iOS และ Android จึงเป็นอีกหนึ่งคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพที่ไม่ควรพลาด
10. คีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ Microsoft Sculpt Ergonomic
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ดีไซน์คีย์บอร์ดให้แป้นพิมพ์ตัวอักษร และตัวเลขแยกออกจากกันเพื่อง่ายต่อการใช้งาน | เป็นคีย์บอร์ดที่เน้นตอบโจทย์การใช้งานกับระบบปฏิบัติการ Windows ได้ดีกว่าระบบ IOS |
| มาพร้อมกับระบบ Nano Transceiver ที่ช่วยเชื่อมต่อคีย์บอร์ดกับเมาส์พร้อมกัน | ใช้ถ่าน AAA 2 ก้อน |
| สามารถเชื่อมต่อได้ไกลกว่า 10 เมตร | |
| สามารถใช้งานได้ทั้งระบบปฏิบัติการทั้ง Windows และ IOS |
และก็มาถึงคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดีอันดับสุดท้ายกับ Microsoft Sculpt Ergonomic ที่มียอดขายติดอันดับต้น ๆ ของตลาดเลยทีเดียว ด้วยจุดเด่นของแป้นพิมพ์ที่ออกแบบตรงหลักสรีรศาสตร์มาพร้อมกับปุ่มกดมากถึง 104 ปุ่ม พร้อมปุ่มลัด อีกทั้งดีไซน์ให้แป้นพิมพ์ตัวอักษร และแป้นพิมพ์ตัวเลขแยกออกจากกันเพื่อช่วยให้พิมพ์ง่ายขึ้น รวมทั้งระบบ Nano Transceiver ที่ช่วยเชื่อมต่อเมาส์ และคีย์บอร์ดกับระบบปฏิบัติการของ Windows หรือ IOS ได้ในเวลาเดียวกันด้วยระบบไร้สายแม้อยู่ระยะไกลกว่า 10 เมตร อีกทั้งความแม่นยำ และความไวที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างลงตัว
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
หากคุณกำลังตามหาคีย์บอร์ดดี ๆ สักอัน สำหรับการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์สุขภาพอย่างดีเยี่ยม 10 อันดับคีย์บอร์ดเพื่อสุขภาพ ยี่ห้อไหนดีที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่เราได้คัดสรรค์มาเพื่อคุณ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกาย หรือยืดกล้ามเนื้อบ่อยๆ ระหว่าง หรือหลังจากการทำงาน จะช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยจากออฟฟิศซินโดรมได้
