สำหรับนักดนตรีและคนทำเพลง “กีต้าร์ไฟฟ้า” คือเครื่องดนตรีที่จำเป็นได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับต้นๆ เสมอ เนื่องจากเป็นเครื่องดนตรีที่สามารถสร้างเสียงได้หลากหลายรูปแบบ และสามารถปรับแต่งโทนเสียงได้อย่างไม่มีจำกัด เสียงจากกีต้าร์ไฟฟ้าจึงเป็นเหมือนกับเสียงหลัก ที่จำเป็นทั้งการบันทึกเสียง การเล่นดนตรีสด รวมไปถึงการทำเสียง Effect ที่ใช้สำหรับภาพยนตร์หรือเกมด้วย สำหรับคนที่กำลังมองหากีต้าร์ไฟฟ้าคู่ใจสักตัว และยังไม่รู้ว่าจะเลือกกีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี ลองมาดู 10 รุ่นที่เราคัดมาแนะนำกัน
ความโดดเด่นของ “กีต้าร์ไฟฟ้า”
กีต้าร์ไฟฟ้า ถือเป็นเครื่องดนตรีที่เป็นดั่งหัวใจหลักของวงดนตรีและการแสดงดนตรีมาตลอด เนื่องจากความโดดเด่นของเสียง อันเกิดจากการใช้อุปกรณ์แปลงสัญญาณจากการสั่นของสายกีต้าร์ และขยายความชัดด้วยตัวขยายสัญญาณ และเปลี่ยนให้กลายเป็นเสียงออกทางลำโพงอีกที ที่เรียกกันว่า พิกอัพ (Pickup) นั่นเอง ทำให้กีต้าร์ไฟฟ้า แตกต่างจากกีต้าร์โปร่งโดยสิ้นเชิง เสียงที่ออกมาจากกีต้าร์ไฟฟ้า จะมีลูกเล่นในความต่างของโทนเสียงที่หลากหลาย จนสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับแนวดนตรีได้หลากหลายประเภท ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน
วิธีเลือกกีต้าร์ไฟฟ้า ให้ได้คุณภาพและเหมาะกับเรา
การจะเลือก กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี นั้น มีองค์ประกอบหลายเรื่องที่เราต้องให้ความสำคัญ เพื่อที่จะได้รุ่นที่ตรงกับรูปแบบการเล่นของตัวเอง รวมถึงงบประมาณที่มีอยู่ด้วย โดยสิ่งที่เราสามารถใช้เป็นเกณฑ์ในการเลือกกีต้าร์ไฟฟ้าได้นั้นเบื้องต้นประกอบไปด้วย
1. เลือกจากรูปทรงของตัวกีต้าร์ไฟฟ้า
รูปร่างของกีต้าร์ไฟฟ้านั้น จะแบ่งลักษณะออกตามรูปร่างของตัวกีต้าร์ 2 จุดหลักๆ คือ ตัว บอดี้ (Body) ที่เราใช้วางนิ้วบนคอร์ด และ คอ (Neck) ที่เราใช้สำหรับจับคอร์ด นั่นเอง โดยรูปร่างของกีต้าร์ไฟฟ้า ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความถนัดของแต่ละคนเป็นอย่างมาก เพราะแต่ละคนล้วนมีสรีระและมีท่าทางในการเล่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งกีต้าร์ไฟฟ้าที่มีวางขายทั่วไปตามท้องตลาดนั้น ถูกผลิตออกมาในหลากหลายขนาด และหลากหลายรูปทรงอย่างมาก เพื่อรองรับสไตล์การเล่นของแต่ละคน
2. เลือกจากประเภท พิกอัพ (Pickup) ของกีต้าร์ไฟฟ้า
ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่า Pickup คืออุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อสร้างเสียงผ่านทางลำโพง อันถือเป็นหัวใจหลักที่ถูกติดตั้งเอาภายในของกีต้าร์ไฟฟ้า ซึ่งประเภทของ Pickup จะเป็นตัวบอกรูปแบบของโทนเสียงที่ตัวกีต้าร์ไฟฟ้าตัวนั้นมี ปัจจุบัน Pickup ของกีต้าร์ไฟฟ้า แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือแบบ Coil ที่จะเน้นโทนเสียงที่มีความใสและคมชัด และแบบ Humbucking ที่เน้นเสียงที่ดุดัน ขึงขัง ซึ่งประเภทของ Pickup จะถือเป็นเสียง Based หลักของตัวกีต้าร์ไฟฟ้า เพื่อให้เรานำไปประยุกต์ใช้กันกับ Effect กีต้าร์อื่นๆ นั่นเอง
3. เลือกจากวัสดุที่ใช้ผลิตกีต้าร์ไฟฟ้า
การจะเลือก กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดีนั้น ประเภทของวัสดุที่ใช้ในการผลิตและประกอบเป็นตัวกีต้าร์ คืออีกปัจจัยที่มีผลต่อเสียงของกีต้าร์ไฟฟ้าเช่นกัน เพราะความแตกต่างของความหนาแน่นของเนื้อไม้ ความแข็งแรงของไม้ จะมีผลต่อมิติของเสียงที่กีต้าร์สามารถเล่นออกมาได้ แม้ว่ากีต้าร์ไฟฟ้าจะไม่ได้มีเสียงออกมาผ่านสายกีต้าร์โดยตรง แต่วัสดุของตัวกีต้าร์ก็ยังมีผลต่อเสียงของกีต้าร์ ไม่ต่างจากกีต้าร์โปร่งเช่นกัน ในปัจจุบัน วัสดุที่ได้รับความนิยมในการนำมาผลิตเป็นกีต้าร์ไฟฟ้า มักจะเป็นไม้แท้ที่มีความแข็งแรง (เพราะต้องรองรับการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่ม) เช่น ไม้โรสวูด, ไม้เมเปิล หรือไม้มะฮอกกานี เป็นต้น
4. เลือกจากน้ำหนักของตัวกีต้าร์ไฟฟ้า
กีต้าร์ไฟฟ้าเป็นเครื่องดนตรีที่ค่อนข้างมีน้ำหนักพอสมควร ต่อให้เป็นรุ่นที่เบาที่สุด ก็ยังหนักได้ถึง 3 กิโลกรัมเลยทีเดียว ดังนั้นการถือกีต้าร์ไฟฟ้าจึงต้องใช้แรงและกำลังในการถือพอสมควร หากเป็นกีต้าร์ไฟฟ้าที่หนักเกินไป ก็อาจส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยล้าตามาได้ เมื่อเล่นไปเป็นเวลานานๆ เราจึงควรพิจารณาถึงน้ำหนักของกีต้าร์ไฟฟ้า ที่เราสามารถรับไหว เพื่อให้การใช้งานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5. เลือกกีต้าร์ไฟฟ้ายี่ห้อและราคา
ข้อสุดท้ายในการจะเลือก กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดีก็คือพิจารณาจาก ยี่ห้อและราคาที่ตรงกับงบประมาณของเรา โดยหากเป็นยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน อาทิ Epiphone, Squier, Gibson, Yamaha, Century, SiamMusic, Umeda, Paramount หรือ Matrixss ก็จะช่วยให้เราอุ่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพที่ได้รับ สนนราคาก็มีให้เลือกตั้งแต่หลักพันเป็นต้นไป ทั้งนี้ควรตรวจสอบราคาและเงื่อนไขในการรับประกันสินค้าทุกครั้ง
กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี
ได้ทราบกันไปแล้วว่าในการจะเลือก กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี นั้น มีสิ่งใดบ้างที่เราต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้ได้รุ่นที่ลงตัวกับตัวเองมากที่สุด คราวนี้เรามาเข้าสู่รายชื่อของกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่นแนะนำทั้ง 10 รุ่นของเรากันเลย ว่ารุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่น่าจะตรงกับที่คุณกำลังมองหาอยู่มากที่สุด
1. กีต้าร์ไฟฟ้า Epiphone Les Paul Muse
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Classic | ประกันศูนย์ 1 ปี จาก Epiphone ประเทศไทย |
| Pickup ประเภท Coil | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Mahogany | |
| น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม | |
| มีให้เลือกมากถึง 7 สี |
มาเริ่มต้นรายชื่อ กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี ของเรากันที่กีต้าร์ไฟฟ้าจาก Epiphone รุ่น Les Paul Muse หนึ่งในไลน์กีต้าร์ไฟฟ้า “Inspired by Gibson” ที่ผสมผสานความคลาสสิก เข้ากับความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว พร้อมกับคุณภาพเสียงที่มีมิติสุดจะลุ่มลึก จาก Pickup Coil Alnico Classic Pro อันเป็นเอกลักษณ์ของ Epiphone ใครชอบกีต้าร์ที่มาแนวเรียบหรูดูแพง นี่คือรุ่นที่คุณไม่ควรพลาด โดยมีให้เลือกกันถึง 7 สีด้วยกันคือ Radio Blue, Jet Black, Scarelet Red, Smoked Almond, Purple Passion, Pearl White และ Wonderlust Green
2. กีต้าร์ไฟฟ้า Squier Bullet Stratocaster HSS
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Stratocaster | มาพร้อมกับ กระเป๋า สาย ปิ๊ก และของแถมอื่นๆ ครบชุด |
| Pickup ประเภท Coil และ Humbuckers (HSS) | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Basswood, Rosewood และ Maple | |
| ราคาไม่สูงจนเกินไป |
ต่อกันที่กีต้าร์ไฟฟ้ารูปทรงสวยงามเรียบง่าย ที่น่าจะเหมาะและถูกใจสำหรับทั้งมืออาชีพและมือใหม่ได้ไม่ยาก กับกีต้าร์ไฟฟ้าจาก Squier รุ่น Bullet Stratocaster HSS ไลน์กีต้าร์ไฟฟ้าจากซีรีส์ “Bullet” ของ Squier ที่เน้นความเรียบง่ายและน้ำหนักเบา สามารถจับได้เข้ามือสรีระมือของทุกๆ คน ถือว่าเป็นรุ่นที่เหมาะมากสำหรับเด็กวัยรุ่นมือใหม่ที่อยากซื้อกีต้าร์ตัวแรกเป็นของตัวเอง และยังมาพร้อมกับเสียงที่หนักแน่นด้วยโครง Pickup Humbucking HSS ที่รับประกันเลยว่าไม่มีทางผิดหวังแน่นอน
3. กีต้าร์ไฟฟ้า Gibson Les Paul Faded 2017 T
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Classic | ประกันศูนย์ 1 ปี จากทาง Gibson ประเทศไทย |
| Pickup ประเภท Humbucking | น้ำหนักโดยประมาณ 4 กิโลกรัม |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Maple และ Mahogany | |
| แถมฟรีกระเป๋า Soft Case ของแท้จาก Gibson |
อีกหนึ่งแบรนด์กีต้าร์ไฟฟ้าทรงคลาสสิก ที่คนดนตรีต้องรู้จักกันดี และใฝ่ฝันที่จะมีเป็นเจ้าของสักตัวในชีวิต กับกีต้าร์ไฟฟ้าจาก Gibson ที่คราวนี้ เป็นสินค้าจากไลน์ปัจจุบันอย่าง “Les Faded” จากปี 2017 ที่นอกจากจะมีรูปลักษณ์ที่ดูจริงจังขึงขัง จากลวดลายของไม้เมเปิลแท้แล้ว ยังมาพร้อมกับเสียงสุดจะนุ่มนวลจาก Pickup Humbucking ที่ให้อารมณ์คลาสสิกชวนฟัง เหมือนเสียงมือกีต้าร์เทพจากยุค 70 อย่าง Eric Clapton หรือ Jeff Beck อย่างเต็มที่ ทำให้รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่เหมาะสำหรับมือกีต้าร์ที่หลงใหลความคลาสสิก โดยมีสีให้เลือก 2 สี คือ Faded Worn Brown และ Faded Cherry
4. กีต้าร์ไฟฟ้า Yamaha รุ่น Pacifica 012
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Modern | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Humbucking (3 ทิศทาง) | ตรวจสอบการรับประกันได้จากผู้ขาย |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Agated และ Maple | |
| มีให้เลือก 4 สี |
ถือเป็นแบรนด์กีต้าร์ที่ชื่อน่าจะคุ้นหูคนดนตรีในบ้านเราที่สุดแบรนด์หนึ่งในลิสต์ กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี นี้ โดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นยุค 2000s ทั้งหลาย นั่นคือ Yamaha นั่นเอง กับกีต้าร์ไฟฟ้ารุ่น Pacifica 012 ที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดรุ่นหนึ่งของ Yamaha ทั้งรูปทรงที่เน้นความเท่แบบไม่ว่าใครก็ต้องสะดุดตา ยังมาพร้อมกับลูกเล่นทางมิติของเสียงที่หลากหลาย จาก Pickup ทั้ง 2 แบบ Coil และ Humbucking ที่สามารถประยุกต์ใช้กับดนตรีได้หลากหลายสไตล์ ไม่เฉพาะดนตรีร็อกเท่านั้น โดยมีให้เลือก 4 สีคือ White, Dark Blue Metallic, Black Metallic และ Red Metallic
5. กีต้าร์ไฟฟ้า Century รุ่น CE-A384
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Stratocaster | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Coil และ Humbucking | สินค้ารับประกันนาน 1 ปี |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Maple, Basswood และ Rosewood | |
| ราคาไม่แพง เหมาะกับผู้เริ่มต้น |
กีต้าร์ไฟฟ้า Century รุ่น CE-A384 กีต้าร์ทรง Stratocaster ที่สวยคลาสสิก โดดเด่นด้วยฟิงเกอร์บอร์ดสีเมทัลลิกสะดุดตา โดยรุ่นนี้ถือเป็นรุ่นที่พัฒนาต่อจากรุ่น CE-38 ก่อนหน้านี้ ที่เปลี่ยน Pickup แบบ Coil มาเป็น Humbucking และสามารถปรับจูนช่องทางของเสียงได้ถึง 5 ทาง ช่วยสร้างมิติให้กับดนตรีได้อย่างมาก แบรนด์ Century เลยกลายเป็นอีกแบรนด์กีต้าร์ไฟฟ้าที่หลายคนต้องแนะนำให้คนดนตรีเลือกใช้ โดยเฉพาะกับคนที่มองหารุ่นที่ราคาไม่สูงจนเกินไป
6. กีต้าร์ไฟฟ้า Gibson Les Paul Standard Cherry Sunburst
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Classic | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Humbucking (3 ทิศทาง) | ไม่มีการรับประกัน |
| ผลิตจากวัสดุ Rosewood และ Mahogany | |
| ให้เสียงที่ไพเราะในหลายแนวดนตรี |
สำหรับคนที่ชอบกีต้าร์ไฟฟ้าสายคลาสสิก นี่เป็นอีกรุ่นที่คุณไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาด กับกีต้าร์ไฟฟ้าจาก Gibson ซีรีส์ Les Paul ที่มาในรุ่นที่มีชื่อว่า “Cherry Sunburst” กีต้าร์ไฟฟ้ารูปทรงคลาสสิก ที่มาในสีสันแบบ “สีเชอร์รี่แสงอาทิตย์ส่องสว่าง” แบบรุ่นกีต้าร์ที่เคยได้รับความนิยมมาตั้งแต่ยุค 50s ที่ส่งต่อสไตล์อันโดดเด่นมาจาก Les Paul ผู้ให้กำเนิดกีต้าร์ไฟฟ้าไลน์นี้ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเสียงที่สดใสและลุ่มลึกจาก Pickup Humbucking 3 ทิศทาง เรียกได้ว่าเป็นกีต้าร์ไฟฟ้าทรงย้อนยุคที่จะพาคุณกลับไปหายุค 50s ได้เลยล่ะ
7. กีต้าร์ไฟฟ้า SiamMusic ทรง Fender Stratocaster
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Stratocaster | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Humbucking | ไม่ระบุการรับประกัน (สอบถามจากทางร้าน) |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Basswood, Maple และ Rosewood | |
| มีราคาที่ไม่แพง |
ดูของแบรนด์นอกกันไปเยอะแล้ว คราวนี้มาดูกีต้าร์ไฟฟ้าจากแบรนด์คนไทยกันบ้าง กับ Siam Music ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกีต้าร์และเครื่องดนตรีชั้นนำของไทย โดยเราขอแนะนำกีต้าร์ไฟฟ้าทรง Fender Stratocaster ที่มีความโฉบเฉี่ยว มาในสีดำขลับสะท้อนแสงดูเรียบหรู และน้ำหนักที่เบาถือได้อย่างถนัดมือ กับเสียงที่หนักแน่นเร้าใจด้วย Pickup Humbucking แบบแค่ตัวเดียวก็เอาอยู่ ที่สำคัญคือราคาถูกกว่ารุ่นอื่นๆ อย่างมาก ใครที่ตามหากีต้าร์ไฟฟ้าคุณภาพ ในราคาที่ไม่มากเกินไป นี่อาจเป็นรุ่นที่โดนใจคุณ
8. กีต้าร์ไฟฟ้า Umeda รุ่น ST-30 R
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Stratocaster | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Humbucking (HSS) | ควรตรวจสอบรายละเอียดการสั่งซื้อให้ชัดเจน |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Maple, Rosewood และ Basswood | |
| ราคาไม่แพงมาก |
มากันที่กีต้าร์ไฟฟ้าคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ง่าย ในลิสต์ กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี นี้ กับกีต้าร์จาก Umeda รุ่น ST-30 R ซีรีส์จาก Umeda ที่ค่อนข้างได้รับความนิยม อันเนื่องมาจากราคาที่ถูก และมีสีสันกับลวดลายให้เลือกมากมาย ตั้งแต่แนวเท่ดุดัน ไปจนถึงสีสดใสอ่อนหวานก็มี นอกจากนี้ยังมีรูปทรงและน้ำหนักที่เบาบางมาก เหมาะมากสำหรับคุณผู้หญิง หรือผู้ชายตัวเล็ก กับระบบเสียง Humbucking ที่ส่งผ่านออกมาจากไม้เมเปิล จนออกมาเป็นเสียงที่ละมุนชวนให้ฟัง เป็นกีต้าร์ไฟฟ้าในราคาประหยัดที่ไม่ควรมองข้าม
9. กีต้าร์ไฟฟ้า Paramount รุ่น PE202 ทรง Tele 22
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Telecaster | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Coil และ Humbucking | ระยะเวลารับประกัน 2 สัปดาห์ |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Basswood และ Maple | |
| ราคาไม่สูงจนเกินไป |
ต่อกันด้วยไฟฟ้าจาก Paramount รุ่น PE202 Tele 22 กีต้าร์ไฟฟ้ารูปทรง Telecaster ทรงบางๆ น้ำหนักเบา จับได้กระชับถนัดมือ ผลิตจากวัสดุที่เน้นความเบาโดยเฉพาะ ทั้งไม้เมเปิล และไม้เบสวูด และยังไม่ธรรมดาด้วยคุณภาพเสียงที่เน้นมิติเสียงหลากหลาย ผ่าน Pickup ที่ติดตั้ง 2 ในอันเดียวทั้งแบบ Coil และ Humbucking ทำให้แม้จะดูเบา แต่คุณภาพเสียงนั้นไม่ธรรมดาเลย ถือเป็นอีกรุ่นที่น่ารับไว้พิจารณาเพราะราคาก็ถือว่าไม่แพงจนเกินไป
10. กีต้าร์ไฟฟ้า Matrixss รุ่น ME-212 WH
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รูปทรงแบบ Modern | น้ำหนักโดยประมาณ 3 กิโลกรัม |
| Pickup ประเภท Humbucking (HSS) | สินค้ารับประกันนาน 1 ปี |
| ผลิตจากวัสดุไม้ Okoume, Rosewood และ Basswood | |
| ราคาไม่สูงมากเกินไป |
ปิดท้ายรายชื่อ กีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี กันด้วยกีต้าร์ไฟฟ้าที่เน้นราคาที่จับต้องได้ง่าย และคุณภาพที่นักดนตรีหลายคนให้การยอมรับ กับกีต้าร์ไฟฟ้าจาก Matrixss รุ่น ME-212 WH ที่มาในทรงแนวโมเดิร์นที่เน้นความเท่แบบเฉี่ยว และสีสันทีมีให้เลือกมากมาย ผลิตจากวัสดุพิเศษอย่าง ไม้โอโคเมะ ไม้เนื้อหนาบางเบาที่ในยุคนี้มักจะนิยมถูกนำมาใช้ผลิตกีต้าร์ และทำให้มีเสียงใสแบบเฉพาะตัวอีกด้วย ด้วยเสียงจาก Pickup Humbucking HSS ที่สร้างความเสถียรกับเสียงเป็นอย่างดี
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปแล้วกับ 10 รุ่น ในรายชื่อการแนะนำกีต้าร์ไฟฟ้า รุ่นไหนดี ที่เราคัดมาจากแบรนด์ต่างๆ ทั้ง
Epiphone, Squier, Gibson, Yamaha, Century, SiamMusic, Umeda, Paramount และ Matrixss โดยมีให้เลือกกันหลายช่วงราคา คุณภาพ งานออกแบบ วัสดุที่ใช้ รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งการจะเลือกว่ารุ่นไหนเหมาะกับเรามากที่สุดนั้นอาจต้องเปรียบเทียบวีการเล่นของเรากับขนาดและรูปทรงของกีต้าร์ตัวนั้น รวมถึงราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณที่เรามีอยู่ด้วย ลองดูว่ารุ่นไหนใน 10 รุ่นนี้ที่ลงตัวกับคุณมากที่สุด
