อัปเดตล่าสุด 13 ม.ค. 2024

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ 2024

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี น้ำมันเครื่องรถยนต์ 02
ภาพจาก bing.com

สำหรับเจ้าของรถยนต์แล้ว การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดูแลรถยนต์ในเบื้องต้นเป็นสิ่งที่ควรจะต้องศึกษาเอาไว้กันบ้าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์นั่นเอง เพราะการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ที่ดี เหมาะสมกับรถและการใช้งานก็มีผลต่อการดูแลเครื่องยนต์ของคุณให้มีประสิทธิภาพดี ทำงานได้อย่างเต็มสมรรถนะ สามารถใช้งานได้อย่างยาวนาน และพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งวันนี้นอกจากเราจะมีข้อมูลดี ๆ สำหรับการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์มาฝากกันแล้ว ก็ยังมีน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีมาแนะนำกันถึง 10 แบรนด์คุณภาพ

วิธีเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์

ก่อนที่จะไปดูว่าน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ก็ควรที่จะต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์กันก่อนว่ามีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้สามารถพิจารณาดูได้ว่ารถยนต์ของคุณนั้นควรที่จะเลือกใช้น้ำมันเครื่องแบบไหนถึงจะเหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการใช้งานได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ โดยหลักๆ แล้วก็มีดังนี้

1. เลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ตามประเภท

น้ำมันเครื่องที่มีวางจำหน่ายกันอยู่โดยทั่วไปนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 

  • น้ำมันเครื่องธรรมดา หรือเรียกกันอีกอย่างว่าน้ำมันแร่ กลั่นได้จากน้ำมันปิโตรเลียม เป็นน้ำมันเครื่องคุณภาพต่ำที่สุด ราคาถูกที่สุด มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด และจะเสียคุณสมบัติไปถ้าหากเครื่องยนต์เกิดความร้อน ซึ่งถ้าหากเติมน้ำมันประเภทนี้ก็จะสามารถใช้ได้ประมาณ 4 เดือนหรือประมาณ 5,000 กิโลเมตร ไม่แนะนำให้ใช้กับรถยนต์ส่วนตัวและรถที่มีความร้อนของเครื่องยนต์สูง เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายได้ง่ายขึ้น
  • น้ำมันเครื่องแบบกึ่งสังเคราะห์ เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตจากการใช้น้ำมันแร่ผสมกับน้ำมันหล่อลื่นสังเคราะห์เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการหล่อลื่นเครื่องยนต์ได้ดีขึ้น มีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น สามารถใช้งานได้นานประมาณ 6 เดือนหรือ ประมาณ 7,000 -10,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับส่วนผสมและสูตรของแต่ละยี่ห้อ เป็นน้ำมันเครื่องที่ราคาไม่แพงจนเกินไปและสามารถใช้งานได้ดี จึงทำให้ได้รับความนิยมค่อนข้างมาก
  • น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ เป็นน้ำมันเครื่องประเภทที่ดีที่สุด แต่ก็มีราคาแพงที่สุดด้วยเช่นกัน ได้จากการสังเคราะห์น้ำมันปิโตรเลียมโดยที่ไม่มีการผสมน้ำมันแร่ มีคุณสมบัติคงเดิมแม้ว่าจะเจออุณหภูมิสูงก็ตาม เป็นน้ำมันเครื่องที่มีความสะอาด ไม่มีสิ่งเจือปน มีสิ่งสกปรกน้อยมากเมื่อถูกเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยป้องกันการสึกหรอของชิ้นส่วนต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึงกว่า 9 เดือน หรือประมาณ 10,000 กิโลเมตรขึ้นไป

2. เลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์จากค่าความหนืด

น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อหรือแต่ละรุ่นก็จะมีค่าความหนืดที่จะต่างกันออกไป ซึ่งค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องก็จะใช้ตามค่ามาตรฐานของ SAE (The Society of Automotive Engineer) หรือสมาคมวิศวกรยานยนต์แห่งสหรัฐอเมริกา โดยมีตัวเลขกำกับ 2 ชุดก็คือ SAE XW-XX อย่างเช่น SAE 10W-30 ซึ่งตัวเลขชุดหน้าก็จะแสดงความต้านทานการเป็นไขของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิต่างๆ ดังนี้ 

  • 0W มีความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
  • 5W มีความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
  • 10W มีความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
  • 15W มีความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง -10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
  • 20W มีความสามารถในการคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

ในขณะที่ตัวเลขชุดหลังก็จะแสดงให้เห็นถึงการวัดค่าความหนืดของน้ำมันเครื่องที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส แล้วแทนค่ามาเป็นตัวเลข ซึ่งก็จะมีตั้งแต่ 60, 50, 40, 30, 20, 10, 5 ยิ่งถ้ามีตัวเลขมากก็หมายถึงน้ำมันเครื่องมีความหนืดมาก ซึ่งความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้นก็จะมีผลต่อการหล่อลื่น ไม่ได้บอกถึงคุณภาพของน้ำมันเครื่อง

ดังนั้นเราจึงควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดเหมาะสม อย่างเช่น ในรถใหม่แนะนำให้เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดไม่มาก จะสามารถช่วยประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น ในรถเก่าควรเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีความหนืดมากกว่า เพื่อป้องกันการเสียดสีของชิ้นส่วนเครื่องยนต์และช่วยป้องกันการกินน้ำมันเครื่อง และในรถที่เก่ามากๆ ที่มักจะเจอปัญหาเครื่องยนต์หลวม แนะนำให้ใช้น้ำมันเครื่องชนิด SAE 20W-50 ก็จะช่วยในเรื่องของการถนอมเครื่องยนต์และการประหยัดน้ำมันได้มากขึ้น

3. เลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์จากค่ามาตรฐานของน้ำมันเครื่อง 

ในการจะเลือกซื้อน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี อีกสิ่งที่ควรพิจารณาก็คือค่ามาตรฐานของน้ำมันเครื่องว่าเป็นอย่างไร โดยค่ามาตรฐานของน้ำมันเครื่องก็จะมีจากหลายสถาบันหรือองค์กรที่ให้การรับรอง ซึ่งค่ามาตรฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับน้ำมันเครื่องที่ใช้ในประเทศไทยก็คือ ค่า API (American Petroleum Institute Standard) ที่กำหนดโดยสถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐอเมริกา โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทก็คือ 

  • เครื่องยนต์เบนซิน จะมีค่ามาตรฐาน API ที่ขึ้นต้นด้วยตัว S  เช่น API SM, API SN, API SN Plus เป็นต้น 
  • เครื่องยนต์ดีเซล มีค่ามาตรฐาน API ขึ้นต้นด้วยตัว C เช่น API CJ-4, API CK-4 เป็นต้น

ซึ่งการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ ที่มีค่ามาตรฐานรองรับก็จะช่วยการันตีได้ถึงคุณภาพของน้ำมันที่ได้มาตรฐาน สามารถดูแลเครื่องยนต์ได้ดี ทนต่อความร้อนและสามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่า

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี

ได้ทราบกันไปแล้วว่าการจะเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีนั้น มีสิ่งใดบ้างที่เราต้องให้ความสำคัญ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ คราวนี้เรามาเข้าสู่รายชื่อของน้ำมันเครื่องรถยนต์จากแบรนด์มาตรฐานต่างๆ ที่เราคัดมาให้คุณเลือกกันถึง 10 สูตรด้วยกัน

1. น้ำมันเครื่องรถยนต์ IDEMITSU IFG5 5W-30 SP/GF-6A น้ำมันเครื่องเบนซิน

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี 1 IDEMITSU IFG5 5W 30 SP GF 6A 02
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% 5W-30 สำหรับเครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงขนาดบรรจุ 4 ลิตร
ระยะเปลี่ยนถ่าย 15,000 กม.มาตราฐาน API SP
รักษาความสะอาดของลูกสูบและลดการสึกหรอ
เหมาะสำหรับรถยนต์ Hybrid และ รถยนต์ ECO Car

เริ่มต้นรายชื่อน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ของเรากันด้วย IDEMITSU IFG5 5W-30 SP/GF-6A เป็นน้ำมันเครื่องเบนซินสังเคราะห์แท้ 100% ตามมาตรฐาน API SP จาก IDEMITSU ผลิตขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น นำเสนอด้วยเทคโนโลยี Quintet Guard ที่ไม่เพียงปกป้องเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังช่วยรักษาความสะอาดของลูกสูบ, ป้องกันและลดการสึกหรอของเครื่องยนต์, และยังช่วยประหยัดเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงทุกรูปแบบ รวมถึงรถยนต์ Hybrid และรถยนต์ ECO Car

2. น้ำมันเครื่องรถยนต์ SHELL Helix Ultra เบนซิน 0W-40

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี SHELL Helix Ultra เบนซิน 0W 40
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 0W-40 สำหรับเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูงขนาดบรรจุ 4 ลิตร 
ระยะเปลี่ยนถ่าย 10,000 km.มาตรฐาน: API SN/CF; ACEA A3/B3, A3/B4; MB approval 229.5; VW 502.00/505.00; Porsche A40; Renault RN0700, RN0710 ตรงตามข้อกำหนดมาตรฐานของ Fiat 9.55535-Z2
สตาร์ทเครื่องยนต์ในอุณหภูมิต่ำได้ง่ายขึ้น
มีความหนืดและแรงเสียดทานต่ำ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

มาต่อกันที่ SHELL Helix Ultra เบนซิน 0W-40 ที่เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% จาก SHELL น้ำมันเครื่องสูตรที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องยนต์เบนซินสมรรถนะสูง มาพร้อมเทคโนโลยีเชลล์เพียวพลัส และเทคโนโลยี Active Cleansing ซึ่งทำให้น้ำมันเครื่องทำความสะอาดเครื่องยนต์ตลอดเวลา สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีขึ้นกว่าเดิม สตาร์ทเครื่องยนต์ในอุณหภูมิต่ำได้ง่ายขึ้น และด้วยคุณสมบัติที่มีความหนืดและแรงเสียดทานต่ำ ทำให้สามารถประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นได้สูงสุดถึง 1.9% ขนาดบรรจุอยู่ที่ 4 ลิตร

3. น้ำมันเครื่องรถยนต์ TOYOTA 10W-30SN

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี TOYOTA 10W 30SN
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ SAE 10W-30 สำหรับเครื่องยนต์เบนซินระบบมัลติวาล์ว  ขนาดบรรจุ 4 ลิตร 
ระยะเปลี่ยนถ่าย 10,000 km. หรือ 6 เดือน มาตรฐาน: API SN
รักษาความสะอาดของเครื่องยนต์ให้สะอาดอยู่เสมอ
ช่วยลดการสึกหรอของเครื่องยนต์

มาต่อกันด้วย TOYOTA 10W-30SN น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์จาก TOYOTA มาตรฐาน: API SN ที่มาพร้อมประสิทธิภาพในการรักษาความสะอาดของเครื่องยนต์ให้สะอาดอยู่เสมอ จึงช่วยลดการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังทำให้สมรรถนะของเครื่องยนต์นั้นสามารถทำงานได้อย่างเต็มกำลังมากยิ่งขึ้น ระยะเวลาในเปลี่ยนถ่ายอยู่ที่ 10,000 กิโลเมตร หรือ 6 เดือน 

4. น้ำมันเครื่องรถยนต์ Liqui Moly Special Tec AA Diesel 10W-30

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี Liqui Moly Special Tec AA Diesel 10W 30
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 10W-30 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดบรรจุ 1 ลิตร, 5 ลิตร และชุดโปร 7 ลิตร
ระยะเปลี่ยนถ่าย 10,000-15,000 km.  มาตรฐาน: ACEA E9, API CK-4
เหมาะกับเครื่องยนต์ดีเซลของค่ายรถญี่ปุ่นและอเมริกัน
ช่วยลดการสึกหรอสะสมให้เครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี

อีกตัวที่ต้องพูดถึงในรายชื่อ น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีนี้ก็คือน้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ Special Tec AA Diesel ระดับพรีเมี่ยมจาก Liqui Moly ที่สามารถใช้ได้กับทั้งยานพาหนะจากฝั่งของญี่ปุ่นและอเมริกา มาพร้อมประสิทธิภาพของน้ำมันจากเทคโนโลยีการสังเคราะห์และเทคโนโลยีสารเติมแต่งใหม่ล่าสุดจนได้น้ำมันเครื่องที่ให้การป้องกันเป็นพิเศษ ช่วยลดการสึกหรอ การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และช่วยให้เครื่องยนต์สะอาด มาพร้อมขนาดบรรจุ 1 ลิตร, 5 ลิตร และชุดโปร 7 ลิตร ระยะเปลี่ยนถ่ายอยู่ที่ 10,000-15,000 กิโลเมตร

5. น้ำมันเครื่องรถยนต์ CALTEX Havoline Synthetic Blend

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี CALTEX Havoline Synthetic Blend
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 10W-40 สำหรับรถติดแก๊ส ขนาดบรรจุ 4 ลิตร 
สามารถยืดระยะการเปลี่ยนถ่ายได้ถึง 15,000 km.มาตรฐาน: API SN 
ทนความร้อนได้เหนือกว่า
ให้การปกป้องการสะสมของคราบเขม่าที่วาล์ว

สำหรับน้ำมันเครื่องรถยนต์ CALTEX Havoline Synthetic Blend เป็นน้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ SAE 10W-40 สำหรับรถยนต์เครื่องเบนซินจาก CALTEX เหมาะกับเครื่องยนต์ติดแก๊ส ทั้งที่ใช้แก๊สล้วนและแก๊สสลับน้ำมัน ทั้ง CNG (NGV) และ LPG ทนความร้อนได้เหนือกว่าพร้อมทั้งให้การปกป้องและลดการสะสมของคราบเขม่าที่วาล์ว ช่วยปกป้องเครื่องยนต์ให้สะอาด ให้สมรรถนะที่ดี และช่วยยืดระยะการเปลี่ยนถ่าย ได้ถึง 15,000 กิโลเมตร

6. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT DYNAMIC COMMONRAIL 10W-30

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี PTT DYNAMIC COMMONRAIL 10W 30
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 10W-30, SAE 15W-40 ขนาดบรรจุ 6 ลิตร 
สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล หรือรถระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์มาตรฐาน: API CI-4/SL, CUMMINS 20078, JASO DL-0/DH-1, VOLVO VDS-3, MB 229.1, ACEA A3/B4/E7
เทคโนโลยี Clean and Lock คืนความสะอาดให้กับเครื่องยนต์และปกป้องคราบจับติด
ยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ และยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง

หากถามว่า น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี PTT DYNAMIC COMMONRAIL 10W-30 น้ำมันเครื่องเทคโนโลยีสังเคราะห์ จาก PTT สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลระบบคอมมอนเรล คืออีกตัวเลือก โดยรองรับรถในกลุ่มปิคอัพเชิงพาณิชย์ที่ใช้งานหนักถึงหนักมาก หรือรถระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ด้วยเทคโนโลยี Clean and Lock ทำความสะอาดทุกชิ้นส่วนพร้อมปกป้องเครื่องยนต์จากการทำงานหนัก รักษากำลังอัดของเครื่องยนต์ ตอบสนองการเร่งได้ดีและประหยัดน้ำมัน  

7. น้ำมันเครื่องรถยนต์ ACDelco DEXOS1 GEN2 5W-30 API SP

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ACDelco DEXOS1 GEN2 5W 30 API SP
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 5W-30 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล ขนาดบรรจุ 6 ลิตร 
เทคโนโลยี EOLS ช่วยยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายมาตรฐาน: Dexos 2 /API SN/CJ-4 /ACEA C2/A5/B5 MB229.31/229.51/BMW Long Life
ทนต่อความร้อนสูงและมีสารต้านปฏิกิริยากับออกซิเจน ลดการเสื่อมของเครื่องยนต์
รักษาความสะอาดของลูกสูบและป้องกันการเกิดฟองได้อย่างยอดเยี่ยม 

ACDelco DEXOS1 GEN2 5W-30 API SP น้ำมันเครื่องดีเซลสังเคราะห์แท้ 100% (Fully synthetic) จาก ACDelco ที่พัฒนาโดยทีมวิศวกร GM Global Powertrain โดยรวมเอาจุดเด่นของมาตรฐานล่าสุดจาก สถาบันชั้นนำของสหรัฐอเมริกาและยุโรป คือ API และ ACEA มารวมเข้าไว้ด้วยกันจนได้เป็นน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพระดับโลก ด้วยเทคโนโลยี EOLS (Engine Oil Life System) ช่วยให้อายุการเปลี่ยนถ่ายยาวนานกว่าถึง 20,000 กิโลเมตร ลดการสิ้นเปลืองน้ำมัน รักษาความสะอาด และปกป้องเครื่องยนต์ได้เหนือกว่า

8. น้ำมันเครื่องรถยนต์ ZIC X7 SAE 10W-40

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี ZIC X7 SAE 10W 40
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 10W-40 สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ขนาดบรรจุ 4 ลิตร 
ระยะเปลี่ยนถ่าย 15,000 Km.มาตรฐาน: API SP
มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องต้านทานการเสื่อมสภาพของน้ำมัน
ช่วยป้องกันการเกิดปัญหา LSPI กับเครื่องยนต์ GDI / TGDI

ต่อกันเลยกับ น้ำมันเครื่องรถยนต์ ZIC X7 SAE 10W-40 น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้ 100% จาก ZIC สำหรับเครื่องยนต์เบนซินที่มาพร้อมสูตรเทคโนโลยี VHVI เพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อการปกป้องเครื่องยนต์ที่เหนือกว่า โดยสามารถใช้กับรถยนต์เบนซินทั่วไป CNG, LPG, รถยนต์ไฮบริด (Hybrid Car) และรถยนต์รุ่นใหม่ทุกประเภทได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องต้านทานการเสื่อมสภาพของน้ำมันได้ดี มุ่งเน้นในเรื่องของการประหยัดพลังงานเชื้อเพลิงอย่างสูง ช่วยป้องกันการเกิดปัญหา LSPI กับเครื่องยนต์ GDI / TGDI ได้อย่างเหมาะสมที่สุด

9. น้ำมันเครื่องรถยนต์ FURIO DIESEL 10W30 / 15W40

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี FURIO DIESEL 10W30 15W40
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง ขนาดบรรจุ 6 ลิตร 
สารเพิ่มคุณภาพพิเศษ ป้องกันการสึกหรอมาตรฐาน: API CI-4/CH-4/SL, ACEA E7-12, MB 228.3, Volvo VDS-3, MAN 3275-1, Renault RLD-2, Mack EO-N, Cat ECF-2, Cummins CES 20077
ฟิล์มน้ำมันมีความแข็งแรงมากเป็นพิเศษ ให้การคุ้มครองเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดัชนีความหนืดสูง ช่วยรักษาเครื่องยนต์ ป้องกันการเกิดคราบยางเหนียวและน้ำมันเป็นโคลน

FURIO DIESEL 10W30 / 15W40 น้ำมันเครื่องเทคโนโลยีสังเคราะห์ SAE 10W-30, SAE 15W-40 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลสมรรถนะสูง ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Respoplex Technology ทำให้ได้น้ำมันหล่อลื่นที่มีฟิล์มน้ำมันแข็งแรง พร้อมสารเสริมคุณภาพพิเศษที่ทำให้มีอายุการเปลี่ยนถ่ายยาวนานกว่าน้ำมันเครื่องทั่วไป ป้องกันการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดัชนีความหนืดสูง รักษาความหนืดและฟิล์มน้ำมันได้ดีเยี่ยม ป้องกันการเกิดคราบยางเหนียวและน้ำมันเป็นโคลน

10. น้ำมันเครื่องรถยนต์ PTT PERFORMA อีโวเทค 0W-20

น้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดี PTT PERFORMA อีโวเทค 0W 20
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ SAE 0W-20ขนาดบรรจุ 3 และ 1 ลิตร 
ความเสียดทานต่ำพิเศษด้วยเทคโนโลยี EVOTECมาตรฐาน: API SP, ILSAC GF-6A
SMART Molecules ทำความสะอาดเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น
ลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียและคาร์บอนไดออกไซด์

ปิดท้ายรายชื่อน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีของเรากันด้วยน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้ 100% (fully synthetic)  สำหรับเครื่องยนต์เบนซินจาก PTT PERFORMA SYNTHETIC ที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ Eco Car โดยเฉพาะ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้การพัฒนาด้วยเทคโนโลยี EVOTEC และ SMART Molecules ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงสูงสุด พร้อม SMART Molecules ทำความสะอาดเครื่องยนต์ได้ดียิ่งขึ้น ลดโอกาสชิงจุดระเบิดที่รอบต่ำ (LSPI) ในเครื่องยนต์ Turbo-GDI รวมถึงช่วยลดการปล่อยก๊าซพิษไอเสียและคาร์บอนไดออกไซด์อีกด้วย

บทส่งท้ายจากผู้เขียน

และทั้งหมดนี้ก็คือวิธีการเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์เพื่อให้ตอบโจทย์และเหมาะสมสำหรับการใช้งานของรถยนต์ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งแนะนำ 10 สูตรนน้ำมันเครื่องรถยนต์ที่ได้คุณภาพและมาตรฐานทั้งจาก PTT, Mobil, FURIO, ZIC, ACDelco, CALTEX, Liqui Moly, Shell และ Toyota ที่เราคัดมาให้คุณได้ใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ โดยการจะเลือกน้ำมันเครื่องรถยนต์ ยี่ห้อไหนดีนั้นต้องดูที่ความเหมาะสมกับเครื่องยนต์ของเราเป็นหลัก เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับรถยนต์ของเรานั่นเอง

หมวดหมู่