หูฟังคืออุปกรณ์ที่แทบจะเป็นเหมือนอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายสำหรับบางคน เนื่องจากมาช่วยเติมเต็มทุกความบันเทิงให้สมบูรณ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือใช้เพื่อความบันเทิงอื่น ๆ โดยคุณภาพเสียงของหูฟังแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันออกไป การเลือกใช้ก็ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้ฟังแต่ละคน สำหรับใครที่ชอบความหนักแน่นของเสียงเบสแต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกหูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี มาเป็นคู่หูความบันเทิง วันนี้เรามีมาแนะนำให้ถึง 10 ด้วยกัน พร้อมวิธีเลือกหูฟังเบื้องต้นให้คุณนำไปใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ทำไมหูฟังเบสหนักถึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
หากจะให้ยกตัวอย่างความน่าสนใจของหูฟังเบสหนักที่สามารถได้ยินอย่างชัดเจน ให้ลองถึงนึกการที่เราเปิดใช้งานเครื่องเสียง แล้วลองหมุนหรือปรับระดับเสียงเบสให้ต่ำสุด เหลือแต่เสียงแหลม ซึ่งจะพบว่าคุณภาพเสียงที่ออกมารวมถึงความไพเราะนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเสียงเบสนั้นมีส่วนช่วยให้เสียงที่เราได้ยินมีมิติของเสียงที่ดีขึ้น ให้รายละเอียดของเสียงในคอนเทนต์ที่กำลังเปิดฟังอย่างชัดเจนและได้อรรถรสมากขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้เราเข้าถึงรายละเอียดของดนตรีได้มากขึ้นอีกด้วย
วิธีเลือกหูฟังเบสหนัก เสียงดี ที่เหมาะกับตัวเอง
อย่างที่เราทราบกันดีว่าหูฟังนั้นมีออกมาหลากรุ่นหลายราคาและหลายยี่ห้อ คำถามคือแล้วเราจะเลือกอย่างไรดีเพื่อให้ได้หูฟังเบสหนักที่ให้เสียงไพเราะและเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด ซึ่งเกณฑ์การพิจารณานั้นสามารถดูได้จากองค์ประกอบต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1. ลองฟังดูก่อน
ที่ต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นข้อแรกก็เพราะว่าความชอบหรือนิยามคำว่าหูฟังเสียงเพราะเบสแน่นของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไป ต่อให้เป็นหูฟังรุ่นเดียวกันแต่คนฟังคนละคนเชื่อเถอะว่าความคิดเห็นนั้นยากจะเหมาะกัน ดังนั้นการจะเลือกหูฟังรุ่นไหนถ้าสามารถทดลองฟังก่อนได้จะเป็นการดีที่สุด อย่างไรก็ตามในยุคออนไลน์แบบนี้หลายคนอาจจะใช้การสั่งซื้อทางเว็บไซต์ต่าง ๆ ซึ่งไม่สามารถทดลองฟังได้ กรณีนี้ก็คงต้องอาศัยความเห็นจากกูรูที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้หลาย ๆ ที่แล้วมาสรุปเองว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน
2. เลือกจากไดร์ฟเวอร์และคุณสมบัติของเสียงเบส
ไดร์ฟเวอร์ถือเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของหูฟังหรือลำโพง ซึ่งในส่วนของหูฟังเบสหนักนั้นควรเลือกรุ่นที่มีไดร์ฟเวอร์แบบไดนามิก (Dynamic Drivers) ที่ให้เสียงเบสหนักแน่น ชัดเจน ความเพี้ยนน้อย ถ่ายทอดเสียงออกมาได้อย่างถูกต้อง ต่างกับหูฟังทั่วไปที่ไม่เน้นเสียงเบสมักใช้ไดรฟ์เวอร์แบบ Balanced Armature ที่ขับเสียงกลางและเสียงสูงได้ดี แต่เสียงเบสไม่โดดเด่นมาก หรือหากคุณไม่อยากต้องมากนั่งพิจารณาข้อมูลทางเทคนิคเหล่านี้ก็ลองมองหาหูฟังที่มีฟีเจอร์ Base Boost ที่จะมาขับให้เสียงเบสหนักแน่นและทรงพลังมากขึ้น
3. รูปแบบ ขนาด และน้ำหนักของหูฟัง
การจะเลือกหูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี มาใช้งานดีไซน์และรูปแบบของหูฟังรวมถึงไลฟ์สไตล์ก็มีส่วนไม่น้อยเช่นกัน โดยหูฟังนั้นมีทั้งแบบครอบหู แบบอินเอียร์ แบบมีสายและไร้สาย หากเน้นใส่ออกกำลังกายก็อาจจะเลือกรุ่นที่มีสายคล้องคอป้องกันการตกหล่น หรือแบบที่กระชับรับกับใบหู มีน้ำหนักที่เบาสวมใส่สบาย รวมถึงมีคุณสมบัติในการกันน้ำกันเหงื่อ แต่ถ้าเน้นฟังเพลงหรือเล่นเกมก็อาจเลือกแบบครอบหูและมีไฟ RGB มาเพิ่มอรรถรสก็ได้ เรียกว่าเลือกกันตามสะดวกแล้วแต่ใครชอบแบบไหน
4. ฟังก์ชันการใช้งานและคุณสมบัติพิเศษ
หูฟังเป็นหนึ่งในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคได้มากที่สุด ทำให้มีฟังก์ชันเสริมต่าง ๆ เพิ่มเข้ามา อาทิ สามารถสั่งงานด้วยเสียงผ่านผู้ช่วยอัจฉริยะที่ติดตั้งมา สั่งงานผ่านการใช้นิ้วสัมผัสที่ตัวหูฟัง ตั้งค่าได้จากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ผ่านซอฟต์แวร์ของผู้ผลิต มีระบบตัดเสียงและรับเสียงจากภายนอกได้อัตโนมัติ สามารถหยุดเล่นและเล่นต่อได้เอง เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลายอย่างพร้อมกัน มีฟังก์ชันการค้นหาหูฟัง เป็นต้น นอกจากที่ที่ต้องพิจารณาก็คือรูปแบบของการเชื่อมต่อและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ว่าสามารถใช้ได้นานสุดกี่ชั่วโมงหรือมีระบบชาร์จเร็วมาด้วยหรือไม่
5. ราคาและเงื่อนไขการรับประกัน
ท้ายสุดแต่อาจสำคัญที่สุดก็ว่าได้นั่นก็คือราคาของหูฟังว่าอยู่ในงบประมาณที่เราตั้งเอาไว้หรือไม่เนื่องจากหูฟังเบสหนักนั้นมีตั้งแต่ราคาเบา ๆ หลักร้อยบาท ไปจนถึงหลักหมื่นก็มี ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติต่าง ๆ ตามที่เราพูดถึงกันมาข้างต้น ยิ่งทันสมัยมาก เสียงดี ก็ยิ่งราคาสูงตามไปด้วย นั่นทำให้สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามก็คือเงื่อนไขการรับประกันหูฟังรุ่นนั้น ๆ ว่าครอบคลุมอะไรบ้างและยาวนานมากน้อยเพียงใด
แนะนำ 10 รุ่น หูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี
1. Sony MDR-XB55AP EXTRA BASS
แนะนำหูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี จะขาด Sony ไปได้อย่างไร เลยยกเอาเจ้า Sony MDR-XB55AP EXTRA BASS มาเป็นรุ่นแรก โดยตัวนี้เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 8 กรัม เท่านั้น ดีไซน์และวัสดุยังคงสวยงามและทนทานไม่เสียชื่อยี่ห้อ ภายในมากับไดร์ฟเวอร์ไดนามิกขนาด 12 มิลลิเมตร ความไว 112dB/mW ให้เสียงเบสที่หนักแน่นไม่มีเพี้ยนเสียงแม้ปรับดังสุด พ่วงมาด้วยไมค์แบบแฮนด์ฟรี โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Powered Bass Duct++ ให้เสียงเบสต่ำสุดขีด ตอบสนองเร็ว ทรงพลัง รองรับช่วงความถี่ 4-24000Hz ออกแบบมาให้สายของหูฟังไม่พันกัน มีปุ่มควบคุมที่ตัวสายสำหรับฟังเพลงหรือรับสาย จุกหูฟังมีมาให้เปลี่ยน 4 ขนาดเพื่อจะได้เลือกที่พอดีกับหู (SS, S, M และ L) ทั้งหมดนี้ในราคาที่จับต้องได้
2. Marshall Mode EQ in-ear Earbuds
ต่อกันเลยกับ Marshall Mode EQ in-ear Earbuds หูฟังเบสหนัก ยี่ห้อดังอีกเจ้าของวงการที่น่ามีไว้เป็นคู่หูความบันเทิงส่วนตัว ให้ทั้งเสียงที่ทรงพลังและดีไซน์การออกแบบที่ดูหรูหรามีระดับด้วยโลโก้ของ Marshall บนตัวหูฟัง มาในโทนสีดำตัดด้วยสีทอง มีปุ่มควบคุมบนสายที่ใช้วัสดุยางป้องกันการพันกันของสายเคเบิ้ล มีไมโครโฟนสำหรับการสนทนา จุกหูฟังมีหลายขนาดให้เลือกใช้ ภายในมาพร้อมไดร์ฟเวอร์ไดนามิกขนาด 9 มิลลิเมตร รองรับช่วงความถี่ 20 Hz-20kHz ความไว 100 เดซิเบล SPL จุดเด่นของรุ่นนี้คือสามารถเลือกค่า EQ ได้ 2 แบบคือ แบบแรกเน้นเสียงเบสที่หนักแน่นทรงพลัง กับแบบที่สองเน้นที่เสียงกลางและเสียงสูง เป็นหูฟังที่ตัวเล็กแต่ให้เสียงที่ใหญ่เกินตัว
3. UGREEN HiTune X5
UGREEN เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับใช้งานกับคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนหลากหลายรายการ รวมถึงหูฟังด้วย ซึ่งเจ้าหูฟัง HiTune X5 ตัวนี้เป็นแบบอินเอียร์ ขนาดกำลังพอดีไม่เล็กหรือใหญ่จนเกินไป พื้นผิวมีความมันวาวดูหรูหรา ออกแบบมาให้น้ำหนักเบาสวมใส่สบาย ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส กันน้ำกันเหงื่อได้ที่ระดับ IPX5 มาพร้อมเคสชาร์จที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้ยาวนานสุดถึง 28 ชม. เลยทีเดียว ไม่ต้องกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดระหว่างเดินทาง ภายในนั้นใส่ไดร์ฟเวอร์ขนาด 10 มิลลิเมตร ให้เสียงเบสที่หนักแน่น ลูกใหญ่แต่ไม่โดดออกมาล้ำย่านเสียงอื่น เรียกว่ากลมกล่อมแต่ทรงพลังก็ว่าได้ และยังมี Game Mode มาให้เลือกใช้สำหรับเกมเมอร์ด้วย การเชื่อมต่อนั้นรองรับ Bluetooth 5.2 ทำให้ได้เสียงแบบเรียลไทม์และเสถียรมากขึ้น เทียบกับราคาแล้วถือว่าน่าใช้และคุ้มค่าดีมาก
4. Fender Tour
ไม่ได้มีแค่ลำโพงแต่หูฟังของยี่ห้อนี้ก็เบสหนักและแน่นไม่แพ้กัน ซึ่งเจ้า Fender Tour นั้นจัดว่าเป็นรุ่นยอดนิยมอีกรุ่นหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะทั้งดูดีมีสไตล์และยังให้เสียงที่น่าประทับใจอีกด้วย เป็นหูฟังอินเอียร์แบบ TW เบอร์แรกของค่าย รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 สามารถใส่ออกกำลังได้เพราะสวมใส่ได้กระชับ กันน้ำระดับ IPX4 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 5 ชั่วโมง รวมกับเคสชาร์จเป็น 22 ชั่วโมง ภายในใช้ไดร์ฟเวอร์ไดนามิกขนาด 7 มิลลิเมตร ให้เสียงเบสที่แน่นแต่ไม่โดดจนกลบย่านอื่นทำให้ได้เสียงที่ไพเราะ ใช้งานได้ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง และเล่นเกม ด้วยคุณภาพที่สมราคา
5. Klipsch T5 II
หากถามว่า หูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี Klipsch T5 II คือตัวเลือกระดับพรีเมียมที่จะมาช่วยยกระดับความบันเทิงของคุณให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น รุ่นนี้เป็นหูฟัง True Wireless แบบอินเอียร์ที่อัปเกรดและแก้ข้อบกพร่องของรุ่นเดิมออกมาอย่างน่าประทับใจ ตัวหูฟังกันฝุ่นกันเหงื่อได้ในระดับ IPX7 สามารถใส่ออกกำลังกายได้ รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 5.0 ให้เสียงที่ไม่ดีเลย์ รองรับช่วงความถี่ 10 Hz – 19 kHz มีไมค์ตัดเสียงรบกวนมาถึง 4 ตัว จุดเด่นคือไดร์ฟเวอร์ Dynamic Moving Coil ขนาด 5 มิลลิเมตร ที่ช่วยให้ไม่ว่าจะเปิดเสียงระดับไหนก็ให้ย่านเบสที่ลงตัว รายละเอียดของเสียงร้องและเสียงดนตรีชัดเจน ตัวนนี้สามารถตั้งค่าการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นได้ แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสุด 8 ชั่วโมง รวมเคสได้ 32 ชั่วโมง งานสร้างถือว่าลงตัวมาก
6. SteelSeries Arctis 7
SteelSeries Arctis 7 หูฟังเบสหนักจากยี่ห้อผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์ที่แน่นอนว่าออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมที่เต็มอรรถรสมากยิ่งขึ้น เป็นหูฟังแบบครอบหูที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายความถี่ 2.4 GHz ความหน่วงต่ำ รับสัญญาณได้รวดเร็ว ระยะไกลถึง 12 เมตร สร้างความได้เปรียบในการเล่นเกม มีระบบเสียงแบบ DTS Headphone:X v2.0 ให้เสียงดังอย่างมีมิติจับทิศทางได้แม่นยำ แบตเตอรี่ใช้งานได้สูงสุดถึง 24 ชั่วโมงเพื่อความต่อเนื่องของการเล่น มาพร้อมไมโครโฟน ClearCast แบบ 2 ทิศทาง เสียงใส ไร้เสียงรบกวน ผ่านการรับรองจาก Discord ให้เสียงที่หนักแน่น ความเพี้ยนต่ำ รายละเอียดครบถ้วน และถึงแม้จะเน้นเล่นเกมแต่ก็เอาอยู่ทั้งคอนเทนต์ประเภทวิดีโอหรือเพลง ใครหาหูฟังที่ครบถ้วนทุกการใช้งานตัวนี้น่าสนใจเลยทีเดียว
7. Sony WH-XB700
ใครหาหูฟังเบสหนักจากยี่ห้อชั้นนำ Sony WH-XB700 คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่ต้องไม่พลาดเพราะมากับคอนเซ็ปต์ ชีวิตกับ EXTRA BASS บ่งบอกถึงคุณสมบัติเด่นในตัวเองที่มีการผสานเอาความหนักแน่น นุ่มลึกของย่านเบสเข้ากับรายละเอียดของเสียงร้องที่คมชัด มาพร้อมดีไซน์เพรียวบาง น้ำหนักเบา ใช้วัสดุชั้นดีที่ช่วยให้สวมใส่สบายไม่ปวดหู ระบายอากาศได้ดี รองรับการเชื่อมต่อทั้ง NFC (Near Field Communication) และ Bluetooth การชาร์จหนึ่งครั้งใช้เวลา 4 ชั่วโมง ฟังได้นานสุด 30 ชั่วโมง มีระบบชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียง 10 นาที ใช้ได้นาน 90 นาที มีไมโครโฟนในตัวพร้อมระบบโทรแฮนด์ฟรี ควบคุมจากตัวหูฟังได้โดยตรง สามารถปรับแต่งเสียงได้ผ่านแอพ Sony | Headphones Connect รองรับผู้ช่วยเสียง Google Assistant, Amazon Alexa และ Siri และยังมากับระบบเสียง 360 Reality Audio ที่จะพาคุณดื่มด่ำไปกับโลกของเสียงเพลงราวกับอยู่ในคอนเสิร์ต
8. Plextone DX6
มาต่อกันที่ Plextone DX6 หูฟังเบสหนักที่ใช้งานได้ครบทุกความบันเทิงไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง มาพร้อมดีไซน์อันโดดเด่น ออกแบบมาให้สวมใส่สบาย กระชับกับใบหู ตัวสายไม่พันกันหมดปัญหาปวดหัวของการใช้งานหูฟัง เป็นหูฟังแบบอินเอียร์ที่ใช้ Hybrid Drivers ภายในใส่มาทั้งไดร์ฟเวอร์แบบไดนามิก 2 ตัว และไดร์ฟเวอร์แบบ Balanced Armature อีก 1 ตัว นั่นทำให้ได้ความหนักแน่นและนุ่มลึกของย่านเบสที่สะใจ แต่เสียงกลางและเสียงแหลมก็ยังไม่โดนกลบหาย รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 เชื่อมต่อได้ไกลถึง 10 เมตร รองรับช่วงความถี่ 20-20000Hz สวย ดัง ดี ในราคาที่สบายกระเป๋า
9. KZ ZST
มากันที่หูฟังเบสหนักแต่ราคาเบา ๆ กันบ้าง นั่นก็คือ KZ ZST ที่ดีไซน์ออกมาได้สวยงามและดูหรูหราเกินราคา ในเฉดสีที่เรียกว่า Colorful แถมยังให้คุณภาพเสียงที่ใหญ่เกินตัวอีกด้วย เพราะภายในมากับไดร์ฟเวอร์แบบไฮบริดที่ประกอบด้วย Dynamic Drivers จำนวน 1 ตัว และไดร์ฟเวอร์แบบ Balanced Amature อีก 1 ตัว ช่วยให้ได้ความคมของเสียงในทุกย่าน ส่วนเสียงเบสนั้นแน่นและนุ่มลึก รายละเอียดของเสียงชัดเจน ตัวจุกหูฟังใส่ได้กระชับ ไม่หลุด ไม่ปวดหู สามารถถอดสายหูฟังแยกเก็บได้หรือจะอัปเกรดสายก็ทำได้เช่นเดียวกัน ใครมองหาของดีราคาไม่แพงรุ่นนี้ก็ตอบโจทย์ได้ลงตัวไม่น้อย
10. PRODA BH400
มาส่งท้ายรายชื่อหูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดี กันเลยกับ PRODA BH400 หูฟังแบบครอบหูดีไซน์สวยงามทันสมัย สามารถปรับระดับให้เหมาะสมกับศีรษะได้ ใช้วัสดุชั้นดี น้ำหนักเบา ใส่แล้วไม่เจ็บหู ระบายอากาศได้ดี มาพร้อม Hi-Fi Sound Dynamic Bass ที่ให้เสียงเบสหนักแน่น ใช้ฟังเพลงหรือดูหนังได้ รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านเทคโนโลยี Bluetooth แบตเตอรี่มีความจุ 250 mAh สามารถใช้งานได้นานสุด 18 ชั่วโมง สแตนบายได้ 80 ชั่วโมง หากตรวจไม่พบการเชื่อมต่อภายใน 5 นาที จะปิดการทำงานเองอัตโนมัติ มีให้เลือกในสีดำ สีแดง และสีขาว
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ในการจะเลือกว่าหูฟังเบสหนัก ยี่ห้อไหนดีที่เหมาะกับเรานั้น มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องนำมาพิจารณาร่วมด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณที่มี รูปแบบการใช้งาน ความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับย่านเสียง ดีไซน์และรูปแบบของหูฟัง รวมถึงฟังก์ชันพิเศษอื่น ๆ ด้วย โดยทั้ง 10 รุ่นที่เราคัดมาแนะนำนี้ก็มีคุณสมบัติและรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป ลองเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วเปรียบเทียบกันอีกรอบว่าหูฟังเบสหนักรุ่นไหนที่ควรค่าจะเป็นคู่หูความบันเทิงในแบบของคุณมากที่สุด
