ทุกวันนี้ “ภาษาอังกฤษ” ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไกลตัวเราเหมือนในอดีต แถมยังมีความจำเป็นในหลายๆ ด้านอีกด้วย และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันทำให้เราสามารถเข้าถึงการเรียนภาษาได้หลายช่องทาง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “แอปเรียนภาษาอังกฤษ” บนมือถือนั่นเอง เรียกได้ว่ามีให้เลือกใช้งานกันทั้งในระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ทั้งแบบฟรี แบบเสียเงิน หรือแบบที่มีการซื้อฟีเจอร์เพิ่มในแอป ในบทความนี้เราได้เลือกเอา 10 แอปเรียนภาษาอังกฤษ ที่ได้รับความนิยมมาให้คุณพิจารณาใช้งานกันครับ
ประโยชน์ของ แอปเรียนภาษาอังกฤษ
ก่อนอื่นเลยเรามาดูกันว่าแอปพลิเคชันประเภทนี้มีความน่าสนใจหรือว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง
1. เป็นแอปการศึกษาที่ไม่น่าเบื่อ ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้
พอพูดว่า “แอปการศึกษา” หลายคนจะคิดว่า มันคงไม่ต่างจากการ “ท่อง จำ เขียน” บทเรียนที่มีแต่ตัวหนังสือเป็นพรืด แต่จริงๆ แล้ว แอปสอนภาษาอังกฤษบนมือถือ จะเน้นเพื่อสร้างความสนุกและเพลิดเพลินในการเรียนรู้โดยเฉพาะ ฉะนั้นคำว่าน่าเบื่อจึงไม่มีแน่นอน เพราะแต่ละแอปจะมีเทคนิค ที่ให้เรารู้สึกตื่นตัวกับความรู้ใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา
2. แต่ละแอปมีจุดเด่นที่น่าสนใจในแบบของตัวเอง
แต่ละแอปล้วนใช้ประโยชน์จากความเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีความโดดเด่น สะดุดตา ในแบบของตัวเอง ที่จะเป็นตัวดึงดูดความสนใจให้กับเราได้ เรียกได้ว่าใครชอบแบบไหน ก็สามารถเลือกด้วยตัวเองได้ง่ายๆ เลย เช่น แอปที่มาในรูปแบบของสื่อการเรียนการสอนแบบจริงจัง ที่มีความเป็นผู้ใหญ่ หรือ แอปที่มีสีสัน การดีไซน์ที่เน้นความน่ารักๆ ที่ดูเหมาะกับเด็กๆ
3. มีการใช้สื่อมัลติมีเดียประกอบการสอน ให้เราสามารถเข้าใจบทเรียนได้ง่าย
พอเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ ไม่มีแอปไหนที่จะมาโยนบทเรียนใส่เราแบบทื่อๆ แล้วให้เราต้องมาท่องจำเอง เหมือนตอนสมัยเรียนอีกแล้ว ทุกแอปล้วนใช้สื่อมัลติมีเดียต่างๆ นำมาประกอบการสอนแบบเต็มที่ ทำให้เรามีตัวอย่างในการเรียนรู้แต่ละบทเรียนได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น คลิปวิดีโอ หรือสื่อ Interactive ที่ให้เราตอบโต้ด้วยตัวเอง โดยที่การควบคุมอยู่ในมือของคนเรียนแบบ 100% (ขึ้นอยู่กับแอป)
4. มีการใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย ในการเชื่อมโยงเรากับคนอื่นๆ
แม้จะเป็นแอปการเรียนส่วนบุคคลที่เราเลือกได้ แต่การเรียนรู้อะไรเองอยู่คนเดียวมันก็อาจจะเหงาไปหน่อย ทำให้ในหลายแอป จะสามารถเชื่อมโยงเรา เข้ากับคนอื่นๆ ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและต่างประเทศได้ด้วย ทำให้เราสามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ตอบโต้บทสนทนาโดยตรงกับเจ้าของภาษาตัวจริง หรือสามารถให้ความรู้กับคนอื่นๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนได้ด้วย ถือเป็นข้อดีที่ชัดเจนที่สุด ของแอปเรียนภาษาอังกฤษในปัจจุบัน
5. สามารถใช้เป็นสื่อการสอนควบคู่กับการเรียนในห้องเรียนจริงๆ ได้ด้วย
ถึงจะมีแอปพลิเคชันที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ แต่อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้ในห้องเรียนก็ยังจำเป็น สำหรับแอปเรียนภาษาอังกฤษ โรงเรียนหรือสถาบันสอนภาษาหลายแห่ง มีการใช้แอปพลิเคชัน เป็นสื่อในการเรียนการสอน เพื่อให้นักเรียนเข้าถึงบทเรียนได้ง่ายขึ้น และหลายๆ แอป ก็ยินดีเปิดให้ภายนอกได้ดาวน์โหลดฟรีด้วยเช่นกัน ทำให้ความรู้สามารถอยู่กับเราได้ทุกที่ ทั้งในและนอกห้องเรียน
วิธีเลือก แอปเรียนภาษาอังกฤษ ให้เหมาะสมกับแต่ละคน
เมื่อเข้าไปใน App Store เราจะได้เจอกับแอปเรียนภาษาอังกฤษเยอะแยะมากมายหลายร้อยแอป เนื่องจากผู้พัฒนาแต่ละรายต่างก็มีจุดเด่นที่เขาภูมิใจที่จะนำเสนอให้เราได้เลือกใช้กัน ซึ่งเราเองก็สามารถสังเกตจุดเด่นของแต่ละแอป และเลือกแอปที่เหมาะสมกับเราที่สุดได้ โดยวิธีการเลือกใช้งานแอปเรียนภาษาอังกฤษ ก็มีเคล็ดลับดังนี้
1. เลือกจากระดับความ ยาก-ง่าย ของบทเรียนที่แอปมี
ในการเลือกแอปเรียนภาษาอังกฤษนั้น ข้อแรกคือการดูจากระดับความ ยาก-ง่าย ของบทเรียนที่แอปมีนั่นเอง เพราะแต่ละแอปก็ล้วนมีระดับของบทเรียนที่แตกต่างกัน เพื่อเป็นการเน้นกลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนหลายๆ แบบ ตั้งแต่ระดับ Beginner สำหรับผู้เพิ่งเริ่มต้นเรียน ไปจนถึงระดับ Expert สำหรับผู้เรียนขั้นสูง ซึ่งข้อมูลตรงนี้ ส่วนใหญ่จะมีระบุไว้ตั้งแต่หน้าแนะนำแอปเลยครับ เราสามารถจิ้มหาได้เลยว่า ต้องการแอปสำหรับผู้เรียนในระดับไหน
2. เลือกจากรูปแบบวิธีการสอนของแอป
แต่ละแอปล้วนมีการนำเสนอจุดเด่นในการสอนของตัวเองแตกต่างกัน ด้วยความเป็นแอปพลิเคชันบนมือถือ ทำให้แต่ละแอปจะมีวิธีการสอนในหลากหลายรูปแบบ เช่น บทความ, บทเรียน, แผนภาพ, วิดีโอ, Podcast หรือมาในรูปแบบของ เกม เลยก็มีเช่นกัน สำหรับผู้เรียนในทุกๆ ระดับ เพราะแต่ละคนก็มีความสนใจในการเรียนรู้ที่ต่างกัน เราไม่จำเป็นต้องเรียนอะไรเหมือนๆ กัน แบบตอนเรียนที่โรงเรียนกันแล้ว
3. เลือกแอปที่มีบทเรียนที่ใช้กับการสอบวัดระดับภาษาได้
สิ่งที่ทำให้คนเลือกเรียนภาษาอังกฤษกันมากเป็นพิเศษ คือการเรียนเพื่อนำไปสอบวัดระดับภาษานั่นเอง เช่น TOEIC, TOEFL หรือ IELTS เพราะเป็นการสอบที่มีผลต่อการสมัครงานและการทำงานโดยตรง ทำให้หลายแอปจะเน้นการใช้บทเรียน สำหรับการสอบวัดระดับภาษาโดยเฉพาะ ใครที่ตั้งใจอยากเรียนภาษาอังกฤษเฉพาะเหตุนี้โดยตรง ควรจะเลือกแอปที่มีบทเรียน สำหรับการสอบวัดระดับโดยเฉพาะ
4. เลือกแอปที่มีแบบทดสอบหลังบทเรียน
การวัดความรู้หลังเรียนที่ดีที่สุดก็คือ “แบบฝึกหัด” นั่นเอง แอปเรียนภาษาอังกฤษที่ดี ควรจะมีแบบทดสอบหลังบทเรียน ให้ผู้เรียนได้ทำด้วย เพื่อเป็นการวัดว่า เรามีความเข้าใจในบทเรียนมากน้อยแค่ไหน ถ้าแอปไหนไม่มีอะไรให้ผู้เรียนได้ลองทำหลังบทเรียนเลย ก็อาจจะทำให้รู้สึกว่า มันไม่มีตัวชี้วัดความเข้าใจของผู้เรียนได้มากพอ ฉะนั้นแบบฝึกหัดภาษา จึงควรจะต้องมีทุกๆ แอป
5. ตรวจสอบแหล่งอ้างอิงคุณภาพของบทเรียนที่เชื่อถือได้
ข้อสุดท้ายที่ไม่ควรมองข้ามคือ ควรจะตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบทเรียน เช่น แอปนี้มาจากสถาบันการศึกษาไหน หรืออ้างอิงบทเรียนที่เชื่อถือได้หรือไม่ เพื่อเป็นการยืนยันในคุณภาพของแอป ถ้าแอปไหนไม่มีแหล่งอ้างอิงของบทเรียน ความน่าเชื่อถือก็จะลดลงไปมากพอสมควร (แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่น่าใช้ เพราะบางแอปก็เป็นของผู้พัฒนาอิสระ)
อัปเดต 10 แอปเรียนภาษาอังกฤษ ที่น่าสนใจ
อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนนี้นว่าแอปเรียนภาษาอังกฤษนั้นมีให้เลือกมากมาย คำถามคือมีแอปไหนที่น่าสนใจบ้าง เราจึงรวบรวมเอามาให้คุณได้เลือกกันถึง 10 แอปด้วยกัน
1. แอปเรียนภาษาอังกฤษ LearnEnglish Grammar
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เน้นบทเรียนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ | เหมาะสำหรับผู้เรียนทุกระดับ |
มีแบบทดสอบให้เลือกทำหลายแบบ | ควรใช้ควบคู่กับแอปบทเรียนภาษาอังกฤษอื่นๆ ด้วย |
ได้รับการรับรองบทเรียนจากสถาบัน British Council |
อุปสรรคที่เป็นกำแพงสูงในการเข้าถึงภาษาอังกฤษ สำหรับหลายคนก็คือเรื่องของ “ไวยากรณ์” หรือ “Grammar” นั่นเอง เราเลยขอแนะนำแอปสำหรับเรียนรู้เรื่อง Grammar โดยเฉพาะ เป็นแอปแรกกันเลย โดย LearnEnglish Grammar ตัวนี้ จะประกอบไปด้วยบทเรียน และแบบทดสอบ ที่สอนเรื่องการใช้ Grammar อย่างเป็นระบบ และเข้าใจได้ง่าย เป็นที่พัฒนาโดยสถาบัน British Council ของประเทศอังกฤษ ทำให้มั่นใจได้เลยว่า ทุกบทเรียนที่ปรากฏในแอป เป็นบทเรียนที่ได้มาตรฐานระดับการศึกษาของโลกจริงๆ
2. แอปเรียนภาษาอังกฤษ Cake – Learn English & Korean
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เน้นการสอนบทเรียนผ่านคลิปวิดีโอ | เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับเริ่มต้น |
แบ่งหมวดคลิปตามสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน | รองรับผู้ใช้งานหลายภาษา |
มีโหมดสำหรับฝึกออกเสียงโดยเฉพาะ |
Cake คือแอปเรียนภาษาอังกฤษ ที่มีรูปแบบการสอนที่น่าสนใจ เหมาะกับไลฟ์สไตล์ความชอบไถดูคลิป Reels เล่นทั้งวันของคนในยุคนี้ได้ดีมาก เพราะ Cake จะเน้นการสอนภาษาอังกฤษผ่านคลิปวิดีโอเป็นหลัก โดยมีแบ่งหมวดเป็นวิดีโอขนาดสั้น ความยาวไม่กี่นาที ไปตามหมวดหมู่ต่างๆ โดยส่วนใหญ่จะเป็นคลิปสถานการณ์ในชีวิตประจำวัน ให้เราเห็นตัวอย่างการใช้รูปประโยค และคำศัพท์ต่างๆ ตามสถานการณ์จริง แถมยังมีโหมดสำหรับการฝึกออกเสียงให้ถูกต้อง ในทุกๆ บทเรียนอีกด้วย
3. แอปเรียนภาษาอังกฤษ Duolingo – Language Lessons
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
การออกแบบหน้า UI ที่น่ารักและเข้าใจง่าย | เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับเริ่มต้น |
มีแบบเรียนรู้ใหม่ๆ อัปเดตตามความเหมาะสมของเรา | รองรับผู้ใช้งานหลายภาษา |
เป็นหนึ่งในสุดยอดแอปพลิเคชันยอดเยี่ยมแห่งปี 2013 |
พ่อแม่ท่านใดอยากได้แอปเรียนภาษาที่สนุก ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับผู้ใหญ่และเด็กเรียนรู้ไปพร้อมกัน ไม่ควรพลาด สำหรับแอป Duolingo ที่เน้นวิธีการสอนที่เน้นความเข้าใจง่ายที่สุด ด้วยการออกแบบหน้า UI สไตล์การ์ตูน น่ารักสดใส ที่เข้าใจง่ายสำหรับทุกคน ช่วยให้เด็กๆ มีความสนใจในบทเรียนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับรูปแบบการสอนที่เน้นให้ผู้เรียนสนุกกับบทเรียน กลายเป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูง จนกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดแอปพลิเคชันแห่งปี 2013 ที่รับประกันคุณภาพเลยว่า ไม่ธรรมดาแน่นอน
4. แอปเรียนภาษาอังกฤษ IELTS Prep
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แอปสำหรับเรียนเพื่อเตรียมสอบ IELTS โดยเฉพาะ | เหมาะสำหรับผู้เตรียมสอบ IELTS โดยเฉพาะ |
มีบทเรียนและแบบฝึกหัดที่อ้างอิงจาก IELTS ของจริง | อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ต้องการฝึกภาษาในชีวิตประจำวัน |
ได้รับการรับรองบทเรียนจากสถาบัน British Council |
อีกหนึ่งแอปจากสถาบัน British Council โดยคราวนี้จะเป็นบทเรียนในขั้นที่สูงขึ้นกว่า LearnEnglish Grammar ขึ้นมาอีกหน่อย โดยเฉพาะสำหรับคนที่กำลังจะเตรียมสอบวัดระดับภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ กับแอปที่เน้นบทเรียน สำหรับการสอบวัดระดับ IELTS โดยเฉพาะ โดยเน้นไปที่บทเรียน แบบฝึกหัด ที่อ้างอิงจากแบบทดสอบ IELTS ของจริง เพื่อให้ผู้เรียนได้ทราบแนวทางของข้อสอบ IELTS ได้อย่างชัดเจนและเข้าใจ ทำให้แอปอาจจะไม่เหมาะกับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษขั้นเริ่มต้น แต่ก็ถือเป็นบทเรียนระดับ Expert ที่น่าลอง
5. แอปเรียนภาษาอังกฤษ Rosetta Stone
จุดเด่น | |
---|---|
บทเรียนที่จะเพิ่มระดับความยากอย่างเหมาะสม | เหมาะสำหรับผู้เรียนทุกระดับ |
มีภาษาอื่นๆ ให้เลือกเรียนมากกว่า 24 ภาษา | รองรับผู้ใช้งานหลายภาษา |
สามารถจัดบทเรียนภาษาหลายภาษาได้พร้อมกัน |
แอปเรียนภาษาอังกฤษจาก Rosetta Stone ทีมพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับการศึกษาที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงและได้รับความนิยม โดยความน่าสนใจของแอปตัวนี้คือ ไม่ได้มีบทเรียนแค่ภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่มีบทเรียนของภาษาอื่นๆ ทั่วโลก มากกว่า 24 ภาษา พร้อมกับบทเรียนทั้งทักษะการอ่าน พูด และฟัง ที่จะค่อยๆ เพิ่มระดับความยาก จากขั้นเริ่มต้น จนถึงขั้นสูง ได้อย่างเหมาะสม ไปตามระดับการเรียนรู้ของผู้เรียน ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากเรียนรู้ภาษาอื่นๆ ไปได้พร้อมกัน
6. แอปเรียนภาษาอังกฤษ ELSA – Learn English Speaking
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แอปฝึกสนทนาเสมือนจริงกับ AI อัจฉริยะ | เหมาะสำหรับผู้เรียนทุกระดับ |
เน้นฝึกทักษะการพูดและการออกเสียงโดยตรง | ควรใช้ควบคู่กับแอปบทเรียนภาษาอังกฤษอื่นๆ ด้วย |
สามารถประเมินการออกเสียงของเราได้ |
ชื่อเหมือนเจ้าหญิงในการ์ตูนดิสนีย์ แต่จริงๆ ELSA เป็นชื่อของ AI ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษให้กับเราโดยเฉพาะ โดย ELSA เป็นแอปที่ให้เราได้ฝึกทักษะการพูดภาษาอังกฤษ ด้วยการตอบโต้จริงๆ กับ AI ทำให้เรามีคู่สนทนาที่สามารถพูดคุยกันได้โดยตรง นอกจากนี้ ELSA ยังสามารถประเมินการออกเสียงของเราในแต่ละครั้งได้ด้วยว่ามีความพัฒนาขึ้นมาแค่ไหนแล้ว ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ AI ที่มีประโยชน์ ใครกำลังฝึกทักษะการออกเสียงอยู่ ถือเป็นอีกแอปที่ไม่ควรมองข้าม
7. แอปเรียนภาษาอังกฤษ BBC Learning English
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แอปพลิเคชันจากสำนักข่าวชั้นนำระดับโลก | เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับสูง |
เรียนรู้ภาษาอังกฤษผ่านบทความและคลิปข่าว | รองรับผู้ใช้งานหลายภาษา |
ศัพท์ส่วนใหญ่อยู่ในขั้นที่ใช้แบบเป็นทางการ |
BBC สถานีโทรทัศน์และสำนักข่าวระดับโลก ก็มีแอปเรียนภาษาอังกฤษของตัวเอง ออกมาให้ได้ใช้เช่นกัน กับแอป BBC Learning English ที่เน้นบทเรียนภาษาอังกฤษ ผ่านบทความ หรือคลิปข่าว จากสำนักข่าว BBC โดยเฉพาะ ให้เราได้เท่าทันโลกด้วยข่าวคุณภาพ หรือย้อนกลับไปดูหัวข้อข่าวเก่าๆ ที่มีชื่อเสียง ไปพร้อมกับๆ กับการได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษไปพร้อมกัน ด้วยความที่เป็นการรายงานข่าว ทำให้ศัพท์ส่วนใหญ่จะเน้นการใช้แบบทางการเป็นหลัก จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการฝึกทักษะด้านการเขียนและอ่านโดยเฉพาะ
8. แอปเรียนภาษาอังกฤษ HelloTalk – Language Learning
จุดเด่น | |
---|---|
ให้ผู้เรียนฝึกภาษาอังกฤษกับผู้อื่นได้ทั่วโลก | เหมาะสำหรับผู้เรียนทุกระดับ |
ให้เราเป็นได้ทั้งผู้เรียนและผู้สอนได้ | ควรใช้ควบคู่กับแอปบทเรียนภาษาอังกฤษอื่นๆ ด้วย |
รองรับการพูดคุยกับเจ้าของภาษาอื่นๆ ทั่วโลก |
ตัวที่แล้วเป็นแอปสนทนากับ AI ที่แม้จะดี แต่ก็ไม่ได้บทสนทนาที่เป็นธรรมชาติเท่ากับคุยกับคนจริงๆ ฉะนั้นมาลองดูแอปที่ให้เราได้สนทนากับคนจริงๆ กันดูบ้างดีกว่า กับแอป HelloTalk แอปฝึกภาษาที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลองฝึกทักษะการฟังและพูด ด้วยการสนทนากับผู้ใช้แอปคนอื่นๆ ได้ทั่วโลก แทนที่จะเป็นการเรียนตามบทเรียนแบบแอปอื่นๆ ทำให้เราสามารถเป็นได้ทั้งผู้เรียน และผู้สอนที่ให้ความรู้กับผู้เรียนหน้าใหม่ได้ไปพร้อมๆ กัน ใครอยากฝึกความมั่นใจ ด้วยการคุยกับคนต่างชาติโดยตรง นี่คือแอปที่คุณกำลังมองหา
9. แอปเรียนภาษาอังกฤษ Echo English
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เน้นคำศัพท์และประโยคที่ใช้ในชีวิตประจำวัน | เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับเริ่มต้น |
แบ่งประเภทคำศัพท์ตามหมวดที่น่าสนใจมากมาย | รองรับผู้ใช้งานหลายภาษา |
แบ่งระดับความ ยาก-ง่าย สำหรับผู้เรียนทุกช่วงวัย |
หลายคนน่าเคยจะเจอปัญหาว่า แอปเรียนภาษาอังกฤษ มักจะเป็นบทเรียนพื้นฐานที่เอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ยาก หากใครต้องการแอปที่สอนคำศัพท์สำหรับการใช้ชีวิตจริงๆ นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ แอป Echo เป็นแอปที่จะเน้นสอนคำศัพท์ และประโยค ที่เราใช้ได้ในชีวิตจริงๆ ตั้งแต่ตื่นยันนอนอีกรอบ และมีการแบ่งหมวดที่น่าสนใจ ครอบคลุมทุกความต้องการ ที่เราสามารถใช้เป็นคู่มือท่องเที่ยวต่างประเทศกันสบาย ใครมีแพลนต้องการจะให้ภาษาอังกฤษแบบปัจจุบันทันด่วน ควรมีแอปตัวนี้ไว้ติดเครื่องเลยครับ
10. แอปเรียนภาษาอังกฤษ Longdo dict
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แอป Dictionary รวมคำศัพท์ | เหมาะสำหรับผู้เรียนทุกระดับ |
สามารถค้นหาคำศัพท์ได้อย่างรวดเร็ว | ควรใช้ควบคู่กับแอปบทเรียนภาษาอังกฤษอื่นๆ ด้วย |
สามารถบันทึกคลังคำศัพท์ที่ค้นพบได้ |
ปิดท้ายกันด้วยแอปความรู้ภาษาอังกฤษแบบดั้งเดิมแท้ๆ กันครับ ในอดีต การจะเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ทุกคนใช้กัน ก็ดูจะหนีไม่พ้นการต้องเปิด ดิกชันนารี หาคำศัพท์ดูกันนั่นเอง แต่สมัยนี้ เราไม่ต้องพกดิกเล่มหนาๆ ไปไหนต่อไหนแล้ว เพราะแอป Longdo Dict ตัวนี้ คือแอปดิกชันนารีที่รวบรวมคำศัพท์เอาไว้ครอบคลุมทุกความต้องการของเรา แถมมีการอัปเดตคลังคำศัพท์อยู่สม่ำเสมอด้วย อยากหาคำไหน พิมพ์ค้นหาได้เลยอย่างสะดวกรวดเร็ว ถือเป็นแอปที่ควรมีไว้ใช้คู่กับแอปเรียนภาษาอังกฤษดี ๆ สักแอป
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
แอปเรียนภาษาอังกฤษ นับเป็นอีกหนึ่งสื่อการเรียนการสอน ที่เข้ามาเป็นทางเลือกในการเรียนรู้ให้กับเรา และถือเป็นตัวช่วยที่ดี ที่มีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเพื่อเป็นตัวช่วยสำหรับการเรียนรู้ด้วยตัวเอง หรือการมีตัวช่วยในชีวิตประจำวันของเรา เมื่อถึงเวลาเราต้องใช้ภาษาอังกฤษ เป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น แอปเรียนภาษาอังกฤษ ก็เป็นเพียงอีกทางเลือกเท่านั้น ยังมีอีกหลายตัวเลือกสำหรับผู้ที่สนใจอยากเริ่มเรียนภาษาอังกฤษแบบจริงจัง อย่าเพิ่งปิดกั้นตัวเอง หรือคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ เพราะการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ นั้น ไม่เคยมีที่สิ้นสุดครับ