สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการเล่นเกม ชมภาพยนตร์ และดื่มด่ำไปกับเสียงเพลงแล้วนั้น ลำโพงดีๆ สักตัว คือไอเทมคู่ใจที่ขาดไม่ได้ ซึ่งลำโพงในปัจจุบันก็มีการพัฒนาคุณสมบัติของเสียงและฟังก์ชันการทำงานที่ช่วยให้ทุกความบันเทิงเต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น โดยมีหลายรุ่น หลากราคา จากหลายยี่ห้อด้วยกัน ดีไซน์และรูปทรงก็แตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นก็คือลำโพง Sound Bar ที่ต้องบอกว่ากำลังมาแรงในยุคนี้ เพราะขนาดไม่ใหญ่มาก พกพาง่าย และยังเข้ากับการตกแต่งบ้านสมัยใหม่ด้วย ใครกำลังมองหาอุปกรณ์นี้อยู่ตามเรามาเลย เพราะเรามี 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี 2024 มาแนะนำให้คุณพิจารณากัน ในราคาที่คุณสามารถเลือกได้ตามงบประมาณ
วิธีการเลือกซื้อลำโพง Sound Bar
อย่างที่บอกเอาไว้ในตอนต้นว่าลำโพง Sound Bar นั้นมีมากมายหลายรุ่น คุณสมบัติก็แตกต่างกันออกไป ดังนั้นก่อนจะไปดูว่าลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ที่ตรงกับที่คุณต้องการ เรามาดูวิธีการเลือกซื้ออุปกรณ์นี้ในเบื้องต้นกันก่อน เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ
1. เลือกจากประเภทของลำโพง Sound Bar
ลำโพง Sound Bar นั้นหลักๆ มีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ แบบ Active ที่เป็นลำโพงแบบ All in One มีเครื่องขยายฐานเสียงในตัวเอง สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียเพื่อใช้งานได้ทันที และแบบ Passive ที่เป็นลำโพงที่ไม่มีตัวขยายฐานเสียง ต้องเชื่อมต่อผ่าน Subwoofer ที่เป็นเครื่องขยายเสียงอีกที เพื่อให้เสียงออกมาสมบูรณ์ ซึ่งทั้งสองแบบก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน โดยแบบ Active จะมีวิธีการใช้งานที่สะดวกกว่า แต่ก็มีระบบเสียงที่ค่อนข้างตายตัว ปรับแต่งอะไรไม่ได้มาก ส่วนแบบ Passive จะมีวิธีการใช้งานที่ยุ่งยากกว่า ในด้านการติดตั้ง แต่สามารถปรับระดับของเสียงได้หลากหลายกว่า ผ่านการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ขยายเสียงอีกตัว ซึ่งก็อยู่ที่แต่ละคนครับว่า ต้องการเน้นไปที่การใช้งานแบบไหน
2. เลือกจะประสิทธิภาพการใช้งานของตัวลำโพง Sound Bar
ลำโพง Sound Bar แต่ละรุ่นนั้นจะมีประสิทธิภาพ และฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป เช่น แต่ละรุ่นจะมีจำนวนของ Channel หรือจำนวนของช่องลำโพงไม่เท่ากัน (เช่นบางรุ่น มี 2,3,5 หรือมากที่สุดเลยถึง 7 Channel), ค่า Output การส่งออกเสียงของลำโพงแต่ละรุ่นที่ใช้กำลังไฟไม่เท่ากัน และมีเพียงเฉพาะบางรุ่นเท่านั้น ที่รองรับระบบเสียงแบบ Dolby Atmos อันเป็นระบบจำลองเสียงรอบทิศทางชั้นแนวหน้าของโลก ในมาตรฐานระดับเดียวกับในโรงภาพยนตร์ ซึ่งทุกฟังก์ชันที่กล่าวไปนั้น จะเป็นสิ่งที่กำหนด จุดเด่น-จุดด้อย ของลำโพง Sound Bar แต่ละรุ่นนั่นเอง
3. เลือกจากวิธีการเชื่อมต่อของลำโพง Sound Bar
เช่นเดียวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประเภทอื่น ๆ ลำโพง Sound Bar เองก็มีวิธีการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานที่แตกต่างกันแล้วแต่รุ่น ซึ่งโดยส่วนมากนั้น เกือบทุกรุ่นจะเน้นการใช้งานแบบไร้สาย ผ่านทาง Bluetooth หรือ Apple Airplay (ในกรณีที่ใช้กับระบบ iOS) เพราะจุดเด่นของลำโพง Sound Bar คือเน้นการใช้งานที่สะดวก พกพาไปที่ไหนก็ได้ และตัดความพะรุงพะรังจากการเชื่อมต่อด้วยสายไฟออกไป แต่ก็มีบางรุ่นที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อผ่านสายเช่น USB เป็นทางเลือกสำหรับการใช้งานเช่นกัน
4. เลือกจากยี่ห้อ ราคา และการรับประกันหลังการขาย
สุดท้ายแต่อาจจะเรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในการจะเลือกซื้อลำโพงประเภทนี้เอาไว้ใช้งานก็คือการพิจารณาจากราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณที่เรามี อันจะช่วยให้เลือกง่ายขึ้น เพราะสามารถตัดตัวเลือกที่นอกเหนือจากงบประมาณออกไปแล้วมาเปรียบเทียบรายละเอียดของแต่ละรุ่นได้มากขึ้น และที่สำคัญก็คือการเลือกจากยี่ห้อที่วางใจได้ มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ อาทิ JBL, Sony, Bose, CREATIVE, Xiaomi, LG หรือ Samsung เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องดูในเรื่องของศูนย์บริการและเงื่อนไขในการรับประกันว่าครอบคลุมเรื่องใดบ้าง และเป็นระยะเวลานานเพียงใด
แนะนำ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี 2024
ทราบวิธีเลือกซื้อ ลำโพง Sound Bar กันไปแล้วว่าควรต้องดูอะไรบ้าง คราวนี้เรามาเข้าสู่รายชื่อ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี กันเลย ว่ารุ่นไหน จากแบรนด์ใด ที่ลงตัวกับความต้องการของคุณมากที่สุด
1. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ JBL รุ่น CINEMA SB170
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | ต้องการพื้นที่ในการใช้งานทั้งลำโพงและ Subwoofer |
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos และ DTS:X | รองรับการเชื่อมต่อทั้งไร้สายและมีสาย |
ช่องเสียงรอบทิศทาง 5.25 Channel | ราคาค่อนข้างสูง |
รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สาย (Bluetooth) และมีสาย (HDMI) |
มาเริ่มต้นรายชื่อ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024 นี้ กันด้วยลำโพง Sound Bar จากยี่ห้อ JBL รุ่น CINEMA SB170 ลำโพง Sound Bar ดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับทุกมุมห้องที่คุณต้องการ มาพร้อมกับระบบเสียงที่รองรับ Dolby Atmos/ และ DTS:X อย่างเต็มรูปแบบ เสียงกระหึ่มรอบทิศด้วยช่องเสียงถึง 5.2 Channel เหมาะสำหรับการใช้งานมัลติมีเดียที่หลากหลาย หากคุณกำลังมองหาลำโพง Sound Bar สักตัวไว้ในระยะยาวในบ้าน นี่เป็นตัวเลือกแรกที่คุณไม่ควรมองข้าม
2. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Sony รุ่น HT-G700 3.1 CH
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos, DTS:X และ Vertical Surround Engine | ต้องการพื้นที่ในการใช้งานทั้งลำโพงและ Subwoofer |
ระบบ S-Force PRO ปรับระดับเสียงให้เข้ากับโทรทัศน์ | ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย USB |
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | |
ช่องเสียงสามารถขยายได้ถึง 7.1.2 Channel |
มาต่อกันที่ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Sony รุ่น HT-G700 3.1 CH อีกหนึ่งแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการไว้วางใจมาอย่างยาวนาน รุ่นนี้มาพร้อมกับประสิทธิภาพที่เหมาะสำหรับประสบการณ์ความบันเทิงที่บ้านอย่างแท้จริง ทั้งการรองรับระบบเสียงคุณภาพทั้ง Dolby Atmos และ DTS:X และสร้างมิติของเสียงอย่างละเอียดด้วยระบบ Vertical Surround Engine และช่องเสียงที่สามารถขยายเพิ่มจากเดิมได้สูงสุด 7.1.2 Channel ยิ่งกับเหล่าเกมเมอร์ที่มีเครื่องเกม PS 5 ไว้ในครอบครอง ก็ควรจะมีลำโพงดีๆ จากเครือ Sony มาเพิ่มประสบการณ์ด้านเสียงให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
3. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Bose รุ่น Smart SoundBar Speaker 700
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | ไม่รองรับระบบเสียงของ Dolby หรือ DTS |
รองรับระบบ Voice Assistant สั่งการผ่านเสียง | ราคาค่อนข้างแพงมาก |
ระบบ SimpleSync เชื่อมต่อระบบเสียงลำโพงเข้ากับหูฟัง | |
รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายหลายแบบ เช่น Bluetooth, Apple AirPlay 2 |
ขอแนะนำลำโพง Sound Bar รุ่นอัจฉริยะที่ทำได้มากกว่าแค่เป็นเครื่องเสียง กับลำโพง Sound Bar รุ่น Smart SoundBar Speaker 700 จากยี่ห้อ Bose ลำโพง Built-In อเนกประสงค์ ที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรูดูแพง และควบคุมการใช้งานในแบบ Smart SoundBar อย่างเต็มรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบการสั่งการด้วยเสียง ผ่าน Voice Assistant หรือการเชื่อมต่อระบบเสียงเข้ากับหูฟัง ที่เรียกว่า SimpleSync ที่สามารถทำให้คุณภาพเสียงจากหูฟังเทียบเท่ากับระบบเสียงที่ออกมาจากลำโพง ด้วยความล้ำขนาดนี้ ทำให้ราคาก็ค่อนข้างสูงตามคุณภาพ แต่มั่นใจได้เลยว่า คุณภาพจะคุ้มกับราคาอย่างแน่นอน
4. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ CREATIVE รุ่น STAGE AIR V2
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | ไม่รองรับระบบเสียงของ Dolby หรือ DTS |
รองรับการประมวลผลของ Intel และ AMD | ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI |
ระบบ Sound Blaster ที่ทำให้ทุกเสียงในหนังออกมาชัดเจน | |
รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบไร้สาย (Bluetooth) และมีสาย (ARC, USB) |
หากยังไม่มีไอเดียว่าจะเลือก ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี CREATIVE STAGE STAGE AIR V2 ก็เป็นอีกรุ่นที่น่ารับไว้พิจารณา รุ่นนี้โดดเด่นด้านดีไซน์ที่ดูมีความแข็งแรง พกพาสะดวกสบาย และฟังก์ชันการใช้งานที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมคุณภาพ ด้วยระบบเสียง Sound Blaster อันเป็นระบบเสียงเฉพาะของ CREATIVE ที่ทำให้เสียงจากลำโพงมีความละเอียดและชัดเจน ไม่ว่าจะเสียงพูดหรือเสียงดนตรี ไม่มีเสียงไหนจมหายไปอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นอีกหนึ่งของลำโพง Sound Bar คุณภาพที่ควรซื้อมาใช้งาน (ที่สำคัญคือราคาไม่แพงด้วย)
5. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Endos รุ่น R12
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ลำโพงไร้สาย เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth 5.0 | ระดับเสียงของเบสค่อนข้างตายตัว |
ระบบเสียงที่แยกมิติเสียงได้อย่างชัดเจน | |
ควบคุมการทำงานได้ง่ายผ่านแผงควบคุม | |
รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย AUX |
ถือเป็น Sound Bar รุ่นที่เน้นใช้งานง่ายอีกรุ่น สำหรับ Endos รุ่น R12 ลำโพงขนาดกลางๆ รูปทรงยาว เหมาะสำหรับใช้งานบนโต๊ะคอมพิวเตอร์หรือในสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ระบบเสียงที่เน้นหนักไปที่เบส ด้วย Sub Super Bass ทั้ง 2 ตัว ที่สามารถขยายความหนักแน่นของเบสขึ้นมาได้แบบเท่าตัว สามารถใช้งานร่วมกับทุกๆ อุปกรณ์ที่รองรับการเชื่อมต่อกับ Bluetooth ได้ทันที แต่ด้วยความที่ตัวลำโพงได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด จึงไม่มีตัวเลือกให้ปรับระดับเสียงมากนัก และระดับของเบสจะค่อนข้างตายตัว แต่ถ้าใครชอบจังหวะเบสแบบแรงๆ อยู่แล้ว ถือว่าเป็นรุ่นที่เหมาะกับคุณมากครับ
6. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ JBL รุ่น JBL Bar 9.1
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | ไม่รองรับการเชื่อมต่อแบบมีสาย |
รองรับระบบเสียง Dolby Atmos/DTS:X และ Ultra HD 4K Dolby Vision | ราคาค่อนข้างแพง |
ช่องเสียงรอบทิศทาง 9.1 Channel | |
รองรับการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ไร้สายหลายแบบ (Bluetooth, Airplay, Chromecast) |
ผ่านไปแล้วครึ่งทางกับ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี 2024 มาต่อกันที่รุ่นที่ 6 นั่นก็คือ ลำโพง Sound Bar จากแบรนด์ JBL รุ่น JBL Bar 9.1 อีกหนึ่งรุ่นที่โดดเด่นทั้งในด้านดีไซน์และการใช้งาน ด้วยตัวลำโพงที่สามารถถอดแยกส่วน Output กระจายเสียงที่อยู่ข้างๆ ออกเป็น 3 ส่วน เพื่อขยายฐานเสียงออกได้สูงสุดถึง 9.1 Channel และทำให้สามารถกำหนดพื้นที่ในการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ราวกับมีลำโพง 3 ตัวอยู่ในตัวเดียว และนอกจากดีไซน์แล้วยังรองรับระบบเสียงอย่างเต็มรูปแบบทั้ง Dolby Atmos, DTS:X และ Ultra HD Dolby Vision ที่รองรับระบบเสียงของภาพ 4K ได้เป็นอย่างดี ด้วยประสิทธิภาพการใช้งานที่โดดเด่นขนาดนี้ จึงเป็นอีกรุ่นที่คุณไม่ควรพลาด
7. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ LG รุ่น SP9A
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
มาพร้อมกับ Subwoofer ไร้สาย | ต้องการพื้นที่ในการใช้งานทั้งลำโพงและ Subwoofer |
ค่า Output กำลังไฟสูงสุดถึง 520W | ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย USB |
ระบบเสียง DTS Virtual:X ความละเอียดสูงรอบทิศทาง | |
รองรับการเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ไร้สาย (Bluetooth) และมีสาย (HDMI, Optical) |
ลำโพง Sound Bar รุ่น SP9A จากแบรนด์ LG อีกหนึ่งแบรนด์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราคุ้นเคยมาเป็นเวลานาน และรับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดี สำหรับลำโพง Sound Bar รุ่น SL5Y ตัวนี้ ก็มาพร้อมกับระบบเสียง DTS Virtual:X ระบบเสียงรุ่นล่าสุดของ DTS ที่โดดเด่นด้วยความละเอียดสูงรอบทิศทาง ชูความโดดเด่นด้วยพลังเสียงที่ขับเคลื่อนด้วยระบบประมวลผล Hi-Res Audio ที่จะทำให้คุณภาพเสียงออกมาละเอียดและคมชัด แม้จะมีขนาดของตัวลำโพงที่ค่อนข้างยาวมาก กับตัว Subwoofer ที่ค่อนข้างใหญ่พอสมควร แต่ด้วยประสิทธิภาพที่ไม่ธรรมดาและราคาที่ไม่แพง จึงเป็นอีกรุ่นที่เราอยากแนะนำให้คุณพิจารณากัน
8. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ SAMSUNG รุ่น HW-T420/XT
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ลำโพงขนาดใหญ่ถึง 6.5 นิ้ว | มีอุปกรณ์ Wall Mount สำหรับยึดติดกับผนังได้ |
ระบบเสียง Dolby Digital 2ch | |
เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth | |
เชื่อมต่อแบบมีสายด้วย USB และ AUX |
เมื่อพูดถึงลำโพง Sound Bar ที่มีชื่อเสียงที่ไว้วางใจในคุณภาพได้ ชื่อ Samsung ก็เป็นอีกชื่อที่รับประกันคุณภาพได้เป็นอย่างดี สำหรับรุ่น HW-T420/XT ตัวนี้ก็เช่นกัน ด้วยรูปทรงตัวลำโพงที่มาเป็นแท่งสีดำขนาด 6.5 นิ้ว ที่ดูเรียบง่ายมาก แทบจะไม่มีดีไซน์อะไรเลย แต่การใช้งานและคุณภาพเสียงถือว่าอยู่ในระดับดีมาก ด้วยระบบเสียงระดับ Dolby Digital 2ch รองรับได้ทุกๆ มัลติมีเดียที่ต้องการ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม และสามารถควบคุมระดับเสียงได้ผ่านทางรีโมทแบบง่ายๆ และมีอุปกรณ์เสริมสำหรับเอาไว้ติดแขวนกับผนังได้ด้วย งานสร้างไม่เสียชื่อยี่ห้อแน่นอน
9. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Harman Kardon รุ่น SB20
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ลำโพงไร้สายรูปทรงยาว คุณภาพสูง | ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI |
เชื่อมต่อแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 | |
เชื่อมต่อแบบมีสายด้วย S/PDIF และ AUX | |
น้ำหนักเบาพกพาง่าย เพียง 1.5 กิโลกรัมเท่านั้น |
ลำโพง Sound Bar คุณภาพดีจากซีรีส์ Redmi ของแบรนด์ดังอย่าง Xiaomi เป็นอีกแบรนด์ที่เรามั่นใจในคุณภาพเสียงได้เป็นอย่างดี ด้วยดีไซน์ลำโพงที่เน้นความแข็งแรง ดูภายนอกเหมือนจะมีน้ำหนักเยอะ แต่ความจริงมีน้ำหนักเพียงแค่ 1.5 กิโลกรัม เท่านั้นเอง ด้วยวัสดุที่ใช้ผลิต ที่เน้นความสะดวกในการเคลื่อนย้ายหรือใช้งานเป็นหลัก และสามารถช่วยให้ระบบเสียงที่ผ่านลำโพงออกมา มีความชัดเจน แน่นอนว่าด้วยความเป็นสินค้าจาก Redmi ที่เน้นออกมาเพื่อ support กับอุปกรณ์พกพาอยู่แล้ว ทำให้สามารถเชื่อมต่อใช้งานกับอุปกรณ์ที่รองรับได้ง่าย ทั้งแบบไร้สายผ่าน Bluetooth 5.0 และแบบมีสายผ่าน S/PDIF หรือ AUX เป็นอีกหนึ่งลำโพง Sound Bar ที่เหมาะสำหรับใช้งานได้ในหลายๆ โอกาสที่ต้องการครับ
10. ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อ Lecoo รุ่น DS-101
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ลำโพงแบบ Active Built-In มีระบบควบคุมเสียงในตัว | ไม่มีระบบชาร์จแบตเตอรี่ ต้องเสียบสายไฟเพื่อใช้งานเท่านั้น |
ระบบเสียง 3D Surround รอบทิศทาง | ไม่รองรับระบบเสียงของ Dolby หรือ DTS |
มีระบบ Effect ไฟ RGB สีสันสวยงาม | |
รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย USB |
ปิดท้ายรายชื่อ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ของปี 2024 ด้วยลำโพง Sound Bar ราคาย่อมเยาที่เหมาะสำหรับทุกคน อย่างลำโพงจากยี่ห้อ Lecoo รุ่น DS-101 ลำโพง Sound Bar แบบ Built-In ที่ใช้งานง่ายมาก เพียงแค่เชื่อมต่อผ่านสาย USB ก็ใช้ได้ทันที มาพร้อมกับระบบเสียง 3D Surround รอบทิศทาง แถมยังโดดเด่นด้วยแสงไฟ RGB สวยงามข้างๆ ลำโพง ที่โดดเด่นกว่ายี่ห้ออื่นๆ ทำให้แม้จะไม่ได้มีคุณภาพเสียงที่อลังการเท่ายี่ห้ออื่น แต่ด้วยราคาที่ย่อมเยา นี่อาจเป็นตัวเลือกที่คุณกำลังมองหาก็เป็นได้
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปแล้วกับ 10 อันดับ ลำโพง Sound Bar ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2024 ซึ่งจะเห็นได้ว่า ลำโพง Sound Bar เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่มีขอบเขตของราคา ค่อนข้างที่จะกว้าง มีตั้งแต่รุ่นที่ราคาค่อนข้างแพงเหยียบหมื่น ไปจนถึงราคาเบาๆ เพียงไม่ถึงพันเท่านั้น และก็อย่างที่เราจั่วหัวเอาไว้ตั้งแต่แรกเลยคือ คุณเลือกได้ สำหรับลำโพง Sound Bar ที่เหมาะกับคุณ ทั้งคุณภาพและราคา โดยไม่ว่าจะเป็นราคาไหน คุณก็สามารถมี Sound Bar ดีๆ เอาไว้ใช้ได้เช่นกัน แถมบางคนยังรู้สึกว่าลำโพงราคาเบาๆ นั้นให้เสียงที่ดีกว่ารุ่นราคาแพงอีกด้วยล่ะ