เครื่องซักผ้าคือเครื่องอำนวยความสะดวกภายในบ้านที่มีไว้เพื่อช่วยให้ซักผ้าได้เร็วขึ้น โดยไม่ต้องเปลืองแรงในการซัก การขยี้ และยังสะดวกในการตากผ้าอีกด้วย ในปัจจุบันมีการผลิตเครื่องซักผ้าออกมาหลายแบบหลายขนาด เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันมากขึ้น ซึ่งเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง เป็นแบบที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีราคาถูกและมีข้อดีต่าง ๆ มากมาย ส่วนจะมีข้อดีอะไรบ้าง มีวิธีการเลือกอย่างไร เครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ และเหมาะกับคุณบ้าง บทความนี้มีคำตอบ
ทำความรู้จักเครื่องซักผ้า 2 ถัง
เครื่องซักผ้า 2 ถัง เป็นเครื่องแบบกึ่งอัตโนมัติ มีถังซักและถังปั่นหมาดแยกจากกันชัดเจน โดยผู้ใช้งานจะต้องมีส่วนช่วยในการซักด้วยการเติมน้ำลงถัง เติมผงซักฟอก และตั้งเวลาว่าจะใช้เวลาในการซักกี่นาที เมื่อครบตามเวลาที่กำหนด ก็จะต้องล้างผ้า และย้ายลงถังปั่นแห้งด้วยตัวเอง ซึ่งกลไกการทำงานเกิดขึ้นจากการหมุนลูกบิดแบบ electromechanical เพื่อให้แกนหมุนตรงกลางทำงาน โดยแกนจะหมุนให้ผ้าเสียดสีกัน จนทำให้สิ่งสกปรกหลุดออก ข้อดีของเครื่องซักผ้าแบบนี้ก็คือ มีราคาถูก ติดตั้งง่าย แค่เสียบปลั๊ก ใส่น้ำลงไปก็สามารถใช้งานได้เลย ไม่ต้องรอต่อระบบน้ำเข้าตัวเครื่องเหมือนเครื่องซักผ้าแบบอื่น ใช้เวลาในการซักน้อยขึ้นอยู่กับผู้ใช้จะกำหนดเอง มีรอบการปั่นที่แรงจึงสามารถซักคราบเปื้อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี แต่อาจจะมีข้อเสียคือต้องคอยควบคุมเปลี่ยนน้ำในการซักล้างและย้ายผ้าใส่ถังปั่นหมาดด้วยตัวเอง จึงอาจทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร
วิธีการเลือกเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดี
หลังจากได้รู้ไปแล้วว่าเครื่องซักผ้าแบบ 2 ถัง ทำงานอย่างไร เรามาดูกันต่อเลยว่าวิธีการเลือกเครื่องซักผ้าให้สามารถนำมาใช้งานได้อย่างเหมาะสมต้องเลือกอย่างไร
1. ความจุของถังซัก
จะสังเกตได้ว่าเวลาเราเลือกซื้อเครื่องซักผ้า มักจะถูกถามว่าต้องการความจุกี่กิโลกรัม ซึ่งการเลือกต้องพิจารณาว่ามีผ้าที่ต้องการซักในแต่ละวันมากน้อยเพียงใด เพราะความจุของถังซักในแต่ละรุ่นที่บอกหน่วยวัดเป็นกิโลกรัมนั้น หมายความว่าสามารถจุผ้าที่ต้องการซักโดยวัดจากผ้าแห้งที่สามารถซักได้ในแต่ละครั้ง ดังนั้นก่อนการตัดสินใจเลือกว่าจะซื้อเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดี ควรคำนวณเรื่องปริมาณเสื้อผ้าไว้ก่อนก็จะช่วยให้สามารถเลือกได้เหมาะสมกับครอบครัวของตนเองมากยิ่งขึ้น หรืออาจคำนวณจากความถี่ในการซัก เช่น
- หากซักผ้าน้อยกว่า 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ควรเลือกความจุประมาณ 5-6 กิโลกรัม
- หากซักผ้าสัปดาห์ละ ประมาณ 4-6 ครั้ง ควรเลือกความจุประมาณ 7 กิโลกรัม
- หากซักผ้าสัปดาห์ละ 6 ครั้งขึ้นไป ควรเลือกความจุเริ่มต้นที่ 8 กิโลกรัมขึ้นไป
นอกจากการคำนวณความจุของถังซักด้วยความถี่ในการซักแล้ว ยังสามารถคำนวณน้ำหนักตามประเภทของผ้าจากมาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ ดังนี้
ประเภทเสื้อบุรุษและสตรี | เสื้อ 25 -30 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 5 – 6.9 กิโลกรัม เสื้อ 36 – 45 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 7 – 8.9 กิโลกรัม |
ประเภทกางเกงบุรุษและสตรี | กางเกง 9 – 12 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 5 – 6.9 กิโลกรัม กางเกง 13 – 16 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 7 – 8.9 กิโลกรัม |
ประเภทผ้าปูที่นอน | ผ้าปูที่นอน 10 – 13 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 5 – 6.9 กิโลกรัม ผ้าปูที่นอน 14 – 17 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 7 – 8.9 กิโลกรัม |
ประเภทปลอกหมอน | ปลอกหมอน 25 -35 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 5 – 6.9 กิโลกรัม ปลอกหมอน 36 – 45 ชิ้น จะมีน้ำหนักประมาณ 7 – 8.9 กิโลกรัม |
2. พื้นที่ในการติดตั้ง
วิธีการในการเลือกเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่ไม่ควรมองข้ามอีกข้อก็คือเรื่องของพื้นที่ในการติดตั้ง ก่อนจะเลือกซื้อควรสำรวจดูก่อนว่ามีพื้นที่ในการติดตั้งมากน้อยแค่ไหน เพราะหากอาศัยอยู่ในคอนโดหรือบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก การซื้อเครื่องซักผ้าที่มีขนาดใหญ่เกินไปก็อาจจะไม่สามารถติดตั้งได้ หรืออาจจะทำให้เกะกะและเปลืองพื้นที่ใช้สอยมากเกินไป ดังนั้นควรวัดขนาดพื้นที่ ที่จะใช้วางเครื่องซักผ้าแล้วนำไปเทียบดูกับขนาดของเครื่องซักผ้าแต่ละรุ่นว่ารุ่นไหนมีขนาดเหมาะสมมากที่สุด
3. โปรแกรมการซัก
แม้ว่าเครื่องซักผ้า 2 ถัง จะมีฟังก์ชันในการใช้งานไม่มากนัก แต่ก็ควรมีฟังก์ชันพื้นฐานสำหรับช่วยให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น เช่น โปรแกรมซักผ้าสกปรก โปรแกรมซักผ้าสังเคราะห์ โปรแกรมซักผ้านวม โปรแกรมถนอมผ้า ในปัจจุบันเครื่องซักผ้า 2 ถัง รุ่นใหม่ ๆ มักจะมีฟังก์ชันพิเศษเพิ่มเติมขึ้นมา ดังนั้นหากจะเลือกเครื่องซักผ้า 2 ถัง ก็สามารถเลือกได้จากโปรแกรมการซักต่าง ๆ ที่คุณจำเป็นต้องใช้งานอยู่บ่อย ๆ นั่นเอง
4. คุณภาพของวัสดุที่ใช้ผลิต
เครื่องซักผ้าที่ดีต้องได้มาตรฐานความปลอดภัยเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ รวมทั้งวัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตเครื่องซักผ้าต้องเลือกให้เหมาะสม ในปัจจุบันมีการใช้วัสดุที่หลากหลายมากขึ้น เช่น
- สเตนเลส เป็นวัสดุที่มีความทนทานสูง ไม่เป็นสนิม ไม่อับชื้น และไม่สะสมเชื้อรา
- เหล็ก เป็นวัสดุที่มีความแข็งแรง มีความทนทาน แต่มีน้ำหนักมาก และต้องเลือกที่เคลือบกันสนิม เพราะต้องเจอความชื้นอยู่เป็นประจำ
- พลาสติก หรือ โพลีเมอร์ เป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบา ปลอดสนิม ขนย้ายสะดวก และยังมีสีให้เลือกหลากหลายอีกด้วย
- โพลีน็อกซ์ เป็นวัสดุที่สามารถเก็บเสียงขณะทำการซักหรือปั่นหมาดได้ดี ลดการสั่นสะเทือน และช่วยประหยัดพลังงานได้ด้วย
- เรซิน หรือ ไฟเบอร์ มีความทนทานจากการกัดกร่อนสูง สามารถติดตั้งในที่มีความชื้นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสนิม และยังมีน้ำหนักเบาอีกด้วย
5. จำนวนรอบในการปั่น
รอบในการปั่นหมาด คือ จำนวนในการหมุนต่อนาที ยิ่งมีจำนวนรอบมากก็จะทำให้เสื้อผ้าแห้งมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงมากแล้วจะดีไปซะทั้งหมด เพราะเครื่องซักผ้าที่มีจำนวนรอบในการปั่นมากเกินไป อาจจะทำให้ผ้าบางชนิดฉีกขาด หรือเสียหายเร็วมากขึ้น ซึ่งรอบปั่นที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณ 500-700 รอบต่อนาที ด้วยรอบปั่นขนาดนี้ถือว่าเป็นรอบปั่นมาตรฐาน ไม่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป และหากเลือกเครื่องซักผ้าที่มีรอบปั่นสูง ๆ ก็จะเกี่ยวเนื่องกับค่าไฟที่แพงมากขึ้นด้วย แต่ถ้าคุณต้องการให้ผ้าแห้งเร็วก็สามารถเลือกเครื่องซักผ้าที่มีรอบปั่นหมาดสูง ๆ ได้ตามความต้องการ
6. งบประมาณ
เรื่องงบประมาณคือส่วนสำคัญในการเลือกซื้ออีกข้อหนึ่ง เพราะเครื่องซักผ้าที่มีคุณภาพดี มีฟังก์ชันหลากหลาย หรือมีขนาดใหญ่ มักจะมาพร้อมกับราคาที่สูงควบคู่กันไป ดังนั้นหากมีงบประมาณจำกัด ก็ควรใช้งบประมาณเป็นตัวตั้งในการเลือกว่าเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่มีคุณสมบัติอยู่ในช่วงของงบประมาณที่ตั้งไว้นั่นเอง
7. บริการหลังการขาย
เนื่องจากเครื่องซักผ้าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หากเกิดการเสียหายขึ้น เราไม่สามารถซ่อมเองได้ ดังนั้นการเลือกเครื่องซักผ้าที่มีบริการหลังการขายที่ดีก็จะช่วยให้สบายใจมากยิ่งขึ้น ว่าหากเกิดปัญหาอะไรก็จะสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะหากมีบริการติดตั้งรวมทั้งส่งถึงบ้านได้ก็จะยิ่งดีมากขึ้นไปอีก
แนะนำ 10 อันดับ เครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่น่าเลือกใช้
ทำความรู้จักกับเครื่องซักผ้า 2 ถัง กันไปแล้วว่าคืออะไร มีระบบการทำงานอย่างไร รวมถึงจะเลือกซื้ออย่างไรถึงจะเหมาะสม คราวนี้เรามาดูรายชื่อของ10 อันดับ เครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีกันเลยว่ามีรุ่นไหนที่น่าใช้บ้าง
1. เครื่องซักผ้า 2 ถัง HITACHI รุ่น PS-170WJ
เริ่มต้นเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดีกันที่ HITACHI รุ่น PS-170WJ ความจุ 17 กก.ในราคาหมื่นต้น ๆ มาพร้อมกับระบบ Air Jet Dry ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วแม้ในวันที่ฝนตก ด้วยพลังปั่นถึง 1300 รอบ/นาที ตัวเครื่องทำจากเหล็กเคลือบกันสนิม ฐานรองทำจากพลาสติกคุณภาพดี มีความแข็งแรง ทนทาน พร้อมด้วยจานซักทรงพลังทำให้ซักผ้าได้สะอาดมากยิ่งขึ้น และด้วยขนาดตัวถังซักที่ใหญ่พิเศษ จึงสามารถซักผ้านวมผืนใหญ่ได้ถึง 2 ผืน ในการซักเพียงครั้งเดียว เรียกได้ว่าจุใจ เหมาะกับครอบครัวใหญ่ หรือคนที่ต้องการใช้ซักผ้าห่มโดยเฉพาะ
2. เครื่องซักผ้า 2 ถัง LG รุ่น tt16WAPG ขนาด 16 กก.
ต่อกันเลยกับเครื่องซักผ้า 2 ถัง แบรนด์ LG รุ่น TT16WAPG ขนาด 16 กก. ที่มากับ 3 โปรแกรมซัก คือ Gentle, Normal และ Strong เพื่อให้คุณสามารถเลือกโปรแกรมให้เหมาะกับผ้าที่ซักได้ มาพร้อมกับเทคโนโลยี Wind Jet Dry ของ LG ที่ช่วยลดความชื้นในขั้นตอนการปั่นแห้ง ทำให้ผ้าแห้วเร็วขึ้น และยังช่วยป้องกันการเกิดเชื้อราในถังซักแห้ง จานซักมาในระบบ Roller Jet เรียกได้ว่าแรงกำลังดีสามารถซักผ้าได้ขาวสะอาด มีรอบในการปั่นหมาดอยู่ที่ 710 รอบ/นาที ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน และยังมีราคาค่อนข้างถูกอีกด้วย ใครที่ต้องการเครื่องซักผ้าราคาประหยัดรุ่นนี้ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคาเป็นอย่างมาก
3. เครื่องซักผ้า 2 ถัง SAMSUNG รุ่น WT15J7PEC/XST ความจุ 13 กก.
เครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่คุ้นเคยกันมายาวนานก็คงต้องยกให้แบรนด์ SAMSUNG โดยรุ่น WT15J7PEC/XST มีความจุ 13 กก. กับ 2 โปรแกรมซัก Soft และ Normal แกนซักแบบหมุนคู่ Double Storm ช่วยลดการพันกันของเสื้อผ้า มีระบบน้ำแบบ SHOWER SPINNING หมดปัญหาเรื่องคราบผงซักฟอกตกค้าง ตัวถังมีขนาดใหญ่ ผลิตจาก Fiber Body ป้องกันแบคทีเรีย และยังมีถุงกรองที่ออกแบบพิเศษช่วยดักจับเส้นใย รวมทั้งสิ่งสกปรก และสิ่งตกค้างออกจากถังปั่น มีระบบการปั่นหมาดแบบ Air Turbo Drying ที่ 700 รอบ / นาที ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วมากขึ้น ถ้าเทียบกับราคาแล้วเป็นอีกรุ่นที่น่าจับจอง
4. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Imarflex รุ่น WM-201 ความจุ 2 กก.
เปลี่ยนบรรยากาศมาดูเครื่องซักผ้าขนาดเล็กจาก Imarflex รุ่น WM-201 ที่มี ความจุ ขนาด 2 กก. กันบ้าง ใครที่ต้องการความมินิ รุ่นนี้เหมาะเป็นอย่างมาก เพราะมีขนาดเล็ก กะทัดรัด เคลื่อนย้ายง่าย ใครที่อยู่คนเดียวและชอบซักผ้าบ่อย ๆ รุ่นนี้ถือว่าตอบโจทย์ ด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเล็กจึงช่วยประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ ตัวถังผลิตจาก พลาสติก ABS คุณภาพดี มีน้ำหนักเบาหมดกังวลเรื่องสนิม สามารถซักได้ 2 โปรแกรม แบบปกติและแบบถนอมผ้า เหมาะสำหรับใช้ซักชุดชั้นใน เสื้อผ้าเด็กทารก หรือเสื้อผ้าชิ้นเล็ก ๆ และเสื้อผ้าทั่วไป หากคุณต้องการเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่มีขนาดเล็กมีฟังก์ชันครบ รุ่นนี้แหละใช่เลย
5. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Haier รุ่น HWM-T85OXS (8.5 KG)
มาต่อกันด้วย เครื่องซักผ้า 2 ถัง Haier รุ่น HWM-T85OXS ความจุ 8.5 กิโลกรัม ที่มากับดีไซน์เรียบหรูทันสมัยสมชื่อแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำเจ้าหนึ่งของวงการ ซึ่งนอกจากความสวยแล้วยังมากับเทคโนโลยีการซักที่ทันสมัยด้วยโปรแกรมการซัก 2 แบบ ตั้งเวลาแช่ผ้าได้ 20 นาที ใบพัดใหญ่ จากซักกว้างช่วยให้ซักได้สะอาดขึ้น ตัวถังปั่นออกแบบมาเป็นพิเศษ ช่วยลดกลิ่นอับของผ้าแม้จะทิ้งไว้ในเครื่องเป็นเวลานาน พร้อมระบบการหยุดทำงานอัตโนมัติเมื่อถังปั่นถูกเปิดออก และยังรับประกันมอเตอร์ให้ยาวนานถึง 12 ปีอีกด้วย
6. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Toshiba รุ่น VH-H85MT ความจุ 7.5 กก.
Toshiba รุ่น VH-H85MT มาพร้อมความจุ 7.5 กก. ตัวถังผลิตจากโพลิเมอร์ ปลอดสนิม ทนทาน แข็งแรง มีน้ำหนักเพียง 19.5 กิโลกรัม เคลื่อนย้ายง่าย มีระบบแช่ผ้าเพื่อให้สามารถขจัดคราบฝังลึกได้ดีขึ้น มาพร้อมกับระบบการซัก 2 โปรแกรม คือ แบบปกติและแบบแรง จานซักมีขนาดใหญ่ ออกแบบมาให้เป็น 8 ครีบ ช่วยให้ทำความสะอาดได้หมดจดมากขึ้น และยังมีระบบ cyclone spin มากับพลังการปั่นความเร็วสูงถึง 1280 รอบ/นาที สามารถขจัดน้ำออกจากเสื้อผ้าได้อย่างหมดจด ทำให้ผ้าแห้งเร็ว ใครหาเครื่องซักผ้า 2 ถังที่ปั่นแรงผ้าแห้งเร็วก็ต้องรุ่นนี้เลย
7. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Imarflex รุ่น WM772 ความจุ 7.5 กก.
เครื่องซักผ้า 2 ถัง Imarflex รุ่น WM772 มากับความจุ 7.5 กก. ตัวถังทำจากพลาสติก ABS คุณภาพดี มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายง่าย ปลอดจากสนิม ซักผ้าเสื้อผ้าได้อย่างสะอาดหมดจดด้วยระบบน้ำสามทิศทาง มีตัวกรองสิ่งสกปรก จานซักมีขนาดใหญ่ สามารถเลือกซักได้ 2 แบบคือ แบบปกติและแบบถนอมเนื้อผ้า ด้วยรอบการปั่นที่ให้มาถึง 1,300 รอบ/นาที จึงช่วยขจัดน้ำออกจากผ้าจนแทบไม่เหลือความชื้น ทำให้ผ้าแห้งเร็ว ประหยัดเวลา ใครที่ต้องความสะดวก รวดเร็ว รุ่นนี้ก็น่าใช้ไม่แพ้รุ่นก่อนหน้าเลยทีเดียว และยังจัดว่าเป็นเครื่องซักผ้าราคาถูกที่มีคุณภาพดีอีกรุ่น
8. เครื่องซักผ้า 2 ถัง SHARP รุ่น es-TW80BL
SHARP รุ่น ES-TW80BL เป็นเครื่องซักผ้า 2 ถังอีกรุ่นที่เราขอแนะนำ ด้วยประสิทธิภาพการซักที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี HIGH-PULSE PULSATOR สามารถซักผ้าได้อย่างสะอาดโดยไม่ทำลายเนื้อผ้า มีปุ่มปรับน้ำเข้าได้ทั้งทางถังซักและถังปั่นหมาด ทำให้สามารถล้างคราบผงซักฟอกออกได้อย่างหมดจด ใช้งานได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ควบคุมการซักได้ 2 โปรแกรมการซัก คือ Gentle สำหรับ ซักผ้า เนื้อบาง และ Normal สำหรับซักผ้าทั่วไป มีระบบป้องกันอันตราย SAFETY SYSTEM โดยถังปั่นหมาดจะหยุดทันที่เมื่อมีการเปิดฝาถังและให้รอบปั่นหมาดมาที่ 1,250 รอบ/นาที เรียกได้ว่าแรงเลยทีเดียว
9. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Haier รุ่น HWM-T150 OXE ความจุ 15 กก.
เครื่องซักผ้า 2 ถัง Haier รุ่น HWM-T150 OXE ความจุ 15 กก. เป็นรุ่นที่เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน ด้วยตัวถังขนาดใหญ่จึงสามารถซักผ้าได้ในปริมาณมาก มีระบบ Soak Master ตั้งเวลาสำหรับแช่ผ้าได้ 20 นาที เพื่อช่วยขจัดคราบฝังแน่นให้หลุดออกมาได้ดีขึ้น และยังมีระบบ Shower Rinse การสเปรย์น้ำเพื่อช่วยให้สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง มีถุงกรอง Magic Filter ช่วยเก็บสิ่งสกปรก หรือสิ่งแปลกปลอมไม่ให้ไหลย้อนกลับ เช่น เส้นด้าย ฝุ่น ละออง เป็นต้น
10. เครื่องซักผ้า 2 ถัง Paul Tiger ความจุ 8.5 กก.
เครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดี ที่เรานำมาแนะนำรุ่นสุดท้ายก็คือ Paul Tiger ความจุ 8.5 กก. ที่มาในราคาเบา ๆ ตัวถังผลิตจากเรซิ่น ABS ปลอดจากสนิม มีระบบน้ำตก 2 ทิศทาง โดยใช้มอเตอร์ 2 ตัว ในการทำงานแยกจากกันอย่างอิสระ ทำให้ซักผ้าได้อย่างขาวสะอาดมากขึ้น มีน้ำหนักตัวเครื่องเพียง 17.5 กิโลกรัม ถือว่าเป็นซักผ้าขนาด 8.5 กิโลกรัมที่มีน้ำหนักเบาอีกรุ่น จึงสามารถเคลื่อนย้ายง่าย และยังให้พลังในการปั่นมาสูงถึง 1,400 รอบ/นาที เสื้อผ้าจึงแห้งได้อย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเร็วกว่าทุกรุ่นที่เรานำมาแนะนำเลยทีเดียว
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปแล้วกับเครื่องซักผ้ารุ่นต่าง ๆ ที่เราคัดสรรมาให้ได้นำไปใช้พิจารณากัน ซึ่งหากถามว่าเครื่องซักผ้า 2 ถังยี่ห้อไหนดีที่น่าใช้ ก็ควรต้องดูจากคุณสมบัติของแต่ละรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความจุ โปรแกรมในการซัก วัสดุที่ใช้ผลิต ขนาดที่มีความเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ราคาที่อยู่ภายในงบประมาณที่ตั้งไว้ รวมทั้งบริการหลังการขายต่าง ๆ ลองดูว่ารุ่นไหนที่น่าจะลงตัวและเหมาะสมกับความต้องการของคุณมากที่สุด