ในยุคดิจิทัลที่โลกไร้พรมแดนแบบนี้ ทำให้หลายคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารรวมไปถึงภาษาและวัฒนธรรมต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งภาษาที่ใช้กันในโลกของเรานี้ก็มีแตกต่างกันออกไปหลายภาษาด้วยกัน หากเป็นเมื่อก่อนการทำความเข้าใจภาษาต่างประเทศอาจเป็นเรื่องยาก แต่ในปัจจุบันก็มีอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่าเครื่องแปลภาษา ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องแปลภาษาเอาไว้ใช้งาน วันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกเครื่องแปลภาษาพร้อมทั้งแนะนำ 10 อันดับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ เพื่อการสื่อสารที่สะดวกขึ้นมาฝากกัน
วิธีเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะสมตอบโจทย์กับความต้องการได้มากที่สุด
เครื่องแปลภาษานั้นมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ คุณสมบัติของตัวเครื่องก็แตกต่างกันออกไป โดยในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี มีข้อที่ควรจะพิจารณาเพื่อให้ได้รุ่นที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดดังต่อไปนี้
1. การออกแบบ
โดยทั่วไปแล้วเครื่องแปลภาษาก็มักจะออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวกไปกับเราได้ทุกที่ ทั้งนี้เราสามารถแบ่งลักษณะการออกแบบของเครื่องแปลภาษาได้เป็น 2 ประเภทก็คือ เครื่องแปลภาษาแบบไม่มีหน้าจอ จะเป็นการแปลภาษาโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับเสียง มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าเพราะไม่ต้องเปลืองแบตเตอรี่ไปกับหน้าจอแสดงผล แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานเนื่องจากไม่มีหน้าจอแสดงผลมาให้อ่านข้อมูล ซึ่งจะต้องใช้การแปลภาษาด้วยการพูดและการฟังเป็นหลัก ในขณะที่เครื่องแปลภาษาแบบมีหน้าจอก็จะมาพร้อมกับจอแสดงผลที่ให้เราสามารถดูประโยคหรือข้อความที่ต้องการให้แปลถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงสามารถใช้งานในบริเวณที่มีเสียงดังอึกทึกสอดแทรกเข้ามาได้ สามารถสื่อสารด้วยการแสดงผลผ่านหน้าจอโดยที่ไม่ต้องพูดก็ได้ จึงทำให้สามารถสื่อสารและแปลภาษาได้ง่ายขึ้น
2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
แน่นอนว่าการทำงานของเครื่องแปลภาษานั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์แล้วก็ยังสามารถอัปเดตคำศัพท์ใหม่ ๆ เข้ามาได้ตลอดเวลา รูปแบบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับเครื่องแปลภาษาก็จะแบ่งออกเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้ซิมการ์ด ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ส่วนเครื่องแปลภาษาชนิดที่เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ก็จะสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานที่จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi เท่านั้น ซึ่งก็เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่เราต้องไปเป็นประจำอย่างเช่น สถานศึกษา ที่ทำงาน หรืออยู่บ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้งานได้แบบออฟไลน์อีกด้วย
3. จำนวนภาษาที่แปลได้และความแม่นยำ
ในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือจำนวนของภาษาที่แปลได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะไม่ต้องเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถแปลได้หลายภาษามากที่สุดก็ได้ แต่ควรที่จะเลือกเครื่องแปลภาษาที่รองรับการแปลภาษาได้ตรงตามความต้องการใช้งานของเรามากที่สุด เพราะในบางครั้งเครื่องแปลภาษาที่รองรับการแปลได้หลายภาษาก็อาจจะมีความแม่นยำของบางภาษาที่ไม่มากนัก และยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถแปลได้หลากหลายภาษามากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ก็แนะนำให้เลือกซื้อเครื่องแปลภาษาที่มีการเปิดให้อัปเดตระบบหรือโปรแกรมอยู่เป็นประจำเพราะนั่นหมายความว่าคุณจะได้รับการแปลภาษาในเวอร์ชันใหม่ล่าสุดและสามารถอัปเดตคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นก็จะช่วยทำให้เครื่องแปลภาษาของคุณสามารถช่วยในการแปลคำศัพท์ได้ดีมากยิ่งขึ้นและสามารถตรวจจับสำเนียงที่หลากหลายได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง
4. ขนาดของแบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไม่ควรมองข้ามก็คือขนาดของแบตเตอรี่รวมไปถึงระยะเวลาที่สามารถใช้งานได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นอกจากนี้ก็ควรดูในเรื่องของระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ต่อครั้งว่านานแค่ไหน เพราะการใช้งานเครื่องแปลภาษาของแต่ละคนนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีแบตเตอรี่เยอะเพื่อให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ก็ต้องแลกมาด้วยการชาร์จต่อครั้งที่ค่อนข้างนานกว่า ราคาที่แพงกว่า และน้ำหนักของตัวเครื่องที่มากกว่า ในขณะที่ถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีแบตเตอรี่ไม่มากก็อาจจะมีระยะเวลาในการใช้งานค่อนข้างสั้น แต่ข้อดีก็คือระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มก็จะเร็วขึ้น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบากว่า และยังมีราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดในระหว่างวันก็สามารถใช้งานร่วมกับ Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองเพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ไม่พอใช้กันแล้ว
5. ช่องทางและรูปแบบของการแปลภาษา
ลักษณะของการแปลภาษาในเครื่องแปลภาษานั้นก็จะมีช่องทางและรูปแบบของการแปลที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นใช้การพูดตอบโต้ การฟังเสียง การแปลในขณะที่คุยโทรศัพท์ การแสดงผลการแปลภาษาผ่านทางหน้าจอ การถ่ายรูปตัวหนังสือข้อความแล้วแปล ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าลักษณะการใช้งานเครื่องแปลภาษาของตัวคุณนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นถ้าหากส่วนใหญ่ใช้การพูดคุยโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะเลือกเครื่องแปลภาษาที่เป็นรูปแบบหูฟัง หรือถ้าชอบอ่านหนังสือหรือการเดินทางท่องเที่ยวก็อาจเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถถ่ายรูปข้อความหรือตัวหนังสือสำหรับการแปลได้
6. ฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เดี๋ยวนี้เครื่องแปลภาษาส่วนใหญ่ก็มีฟังก์ชันเพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากการแปลภาษาเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป การฟังเพลง บันทึกเสียง ส่งข้อมูลผ่านอีเมล์หรือโทรศัพท์ ความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่น ดังนั้นถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีฟังก์ชันอื่น ๆ มาด้วยก็จะทำให้คุณสามารถใช้งานเครื่องแปลภาษาได้อย่างหลากหลายและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงถ้าใครที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวถ้าหากเครื่องแปลภาษาของคุณมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและฝุ่น ก็จะทำให้คุณสามารถนำเครื่องแปลภาษาติดตัวไปใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันไม่ต้องกลัวพังได้อีกด้วย
แนะนำ 10 อันดับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี 2024
1. เครื่องแปลภาษา F1 Pro
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แปลภาษาออนไลน์ได้ถึง 108 ภาษา | การแปลภาษาแบบออฟไลน์ไม่รองรับการแปลภาษาไทย |
กล้องถ่ายรูปความคมชัด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพแล้วแปลได้ถึง 44 ภาษา | ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น |
หน้าจอแสดงผล LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว มีเมนูภาษาไทย | |
สามารถใช้อัดเสียงได้ | |
แบตเตอรี่ทนทานสแตนบายได้ 7-8 วัน | |
รับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย |
ใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ขอแนะนำ LOYAL GADGETS เครื่องแปลภาษารุ่น F1-PRO เครื่องแปลภาษาแบบ 3in1 ที่เป็นได้ทั้งเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ รองรับการแปล 108 ภาษา สามารถแปลภาษาด้วยเสียง กล้องถ่ายแปลจากภาพ และเครื่องอัดเสียงภายในตัวเดียวกัน สามารถพูดแล้วแปลได้ทันที หรือถ่ายภาพแล้วแปลก็ได้ รองรับการใช้งานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ แปลภาษาออฟไลน์ได้ 12 ภาษา น้ำหนักเบาและแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 7-8 วัน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง มาพร้อมหน้าจอแสดงผล LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธ มีการอัปเดตโปรแกรมให้อยู่ตลอด พ่วงมาด้วยการรับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย
2. เครื่องแปลภาษา iTran
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
สามารถพูดไทยแล้วแปลเป็นภาษาอื่นได้ทันที | ไม่สามารถใช้งานเพื่อแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้ |
แปลภาษาได้ 2 ทางมากกว่า 30 ภาษา | ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น |
มีระบบ Auto Update เพื่ออัปเดตโปรแกรมใหม่ ๆ และภาษาที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต | สามารถใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น |
หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 2 นิ้ว | |
แบตเตอรี่ขนาด 1000 มิลลิแอมป์ สแตนบายได้นาน 7 วัน |
ใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษาที่มีราคาไม่แพงและสามารถแปลภาษาได้อย่างหลากหลาย ใช้งานง่าย ขอแนะนำเครื่องแปลภาษา iTran เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะที่สามารถพูดภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอื่นได้ในทันที แปลภาษาได้ 2 ทางมากกว่า 30 ภาษา มีขนาดพกพาน้ำหนักเบาเท่ากับไข่ไก่เพียง 1 ฟองเท่านั้น มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 2 นิ้ว ให้คุณตรวจเช็คคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง ใช้งานง่ายและมีการอัปเดตโปรแกรมรวมไปถึงภาษาใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาแบตเตอรี่มีขนาด 1000 มิลลิแอมป์ สแตนบายได้นาน 7 วันและใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย
3. เครื่องแปลภาษา CheetahTALK AI Voice Translator
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
ใช้ฐานข้อมูลจากระบบการแปลภาษา AI ของ Microsoft | ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
รองรับการแปลภาษาได้ถึง 42 ภาษาทั่วโลก | ขณะที่พูดจะต้องออกเสียงและพูดเป็นคำให้ชัดเจน |
ใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน CheetahTALK | |
การแปลภาษาสองทางแบบ RealTime | |
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายสูงสุดได้ถึง 180 วัน การใช้งานต่อเนื่องนานถึง 2 สัปดาห์ | |
มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP54 |
CheetahTALK AI Voice Translator เครื่องแปลภาษาขนาดเล็กที่รองรับการแปลภาษาได้ถึง 42 ภาษาทั่วโลก ให้การแปลภาษาที่แม่นยำด้วยฐานข้อมูลจากระบบการแปลภาษา AI ของ Microsoft ใช้งานง่าย พกพาสะดวก รองรับแอปพลิเคชั่น CheetahTALK ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 ขึ้นไป และ Android 5.0 ขึ้นไป รองรับการแปลภาษาสองทางแบบ RealTime แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายสูงสุดได้ถึง 180 วัน การใช้งานต่อเนื่องนานถึง 2 สัปดาห์ มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP54 เพิ่มความทนทาน และยังมากับการรับประกันนาน 1 ปีอีกด้วย
4. เครื่องแปลภาษา Pocketalk W
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับการแปลได้ 82 ภาษา มีเมนูภาษาไทย สามารถใช้ข้อมูลได้ทั่วโลกนานถึง 2 ปี | ไม่มีกล้องถ่ายรูป |
มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน | ไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ |
รองรับ Bluetooth 4.2 | |
หน้าจอแสดงผลขนาด 2.45 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล | |
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 10 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 7 ชั่วโมง | |
เวลาในการชาร์จเต็ม 135 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C | |
รับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต |
ต่อกันเลยกับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี อย่าง Pocketalk W ตัวช่วยที่จะทำให้คุณได้เปิดประตูสู่โลกแห่งการสนทนาด้วยเทคโนโลยี AI แบบพกพา ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับข้อมูลข้ามแดนนานถึง 2 ปี โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน และไม่มีสัญญาเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการหรือค่าธรรมเนียมการใช้ข้อมูลแต่อย่างใด ให้คุณได้สามารถสื่อสารภาษาได้อย่างอิสระกว่า 138 ประเทศ รองรับการแปลได้ 82 ภาษา รองรับเมนูภาษาไทย มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน รองรับ Bluetooth 4.2 ให้หน้าจอแสดงผลมาที่ขนาด 2.45 นิ้ว แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 10 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 7 ชั่วโมง เวลาในการชาร์จเต็ม 135 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C น้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัดใช้งานง่ายพกพาสะดวก ภาพรวมถือว่าน่าใช้เลยล่ะ
5. เครื่องแปลภาษา N style Raditalk
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
สามารถแปลได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาญี่ปุ่น | ไม่มีกล้องถ่ายรูป |
รองรับการแปลได้สูงสุด 48 ภาษา ด้วยระบบ AI | ไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ |
ใช้เป็นเครื่องกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ | ไม่มีการรับประกัน |
ใช้บันทึกเสียงได้ มีระบบตัดเสียงรบกวน | |
หน้าจอแสดงผล ขนาด 2 นิ้ว 3.5D | |
แบตเตอรี่สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง |
N style Raditalk เครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้ฟังวิทยุท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นในต่างประเทศได้ สามารถสื่อสารได้ถึง 4 ภาษารวมทั้งภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่นพร้อมรองรับการแปลอีก 48 ภาษาด้วยระบบ AI เพื่อเลือกการแปลที่เหมาะสมที่สุด มีฟังก์ชันสำหรับบันทึกเสียงและสามารถใช้เป็นตัวปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้ ขนาดเล็กพกพาสะดวกใช้งานง่ายรองรับการใส่ซิมการ์ดแบบนาโนซิม ให้คุณสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาพร้อมเขาถึงทุกภาษาได้อย่างสะดวกสบาย มาพร้อมหน้าจอแสดงผล ขนาด 2 นิ้ว 3.5D แบตเตอรี่สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง ใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 2 ชั่วโมง ลองดูว่ารุ่นนี้ตรงกับที่คุณกำลังมองหาอยู่หรือไม่
6. เครื่องแปลภาษา Pocketalk S
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับการแปลด้วยเสียงและข้อความ 61 ภาษา รองรับการแปลเฉพาะข้อความ 21 ภาษา | แบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว |
มีไมโครโฟนคู่สำหรับตัดเสียงรบกวน | ไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ |
สามารถแปลงหน่วยแลกเปลี่ยนเงินตราพร้อมอัปเดตตลอดเวลา | |
กล้องถ่ายรูปความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถแปลด้วยภาพได้ถึง 55 ภาษา | |
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 2.5 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 4.5 ชั่วโมง | |
รับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต |
ใครยังไม่รู้จะเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี Pocketalk S คืออีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม เป็นตัวช่วยให้คุณได้เปิดประตูสู่โลกแห่งการสนทนา รองรับการแปลด้วยเสียงและข้อความ 61 ภาษา แปลเฉพาะข้อความ 21 ภาษา สามารถใช้ข้อมูลได้ถึง 139 ประเทศทั่วโลก นานถึง 2 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ สามารถแปลงหน่วยแลกเปลี่ยนเงินตราพร้อมอัปเดตตลอดเวลา มีกล้องถ่ายรูปความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถแปลด้วยภาพได้ถึง 55 ภาษา รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2 สามารถใส่ซิมการ์ดได้ มีไมโครโฟนคู่สำหรับตัดเสียงรบกวน แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 2.5 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 4.5 ชั่วโมง เวลาในการชาร์จเต็มอยู่ที่ 105 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต
7. เครื่องแปลภาษา Xiaomi Moyu AI Translator
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับการแปล 14 ภาษาครอบคลุมกว่า 170 ประเทศ | ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
สามารถใช้ฟังเพลง ตรวจสอบสภาพอากาศ ดูเวลา และอื่น ๆ | ไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ |
สนับสนุนการแปลภาษาด้วย Microsoft AI ที่มีความแม่นยำสูง | รองรับการแปลภาษาค่อนข้างน้อย |
มีระบบตัดเสียงรบกวน | |
ติดตั้ง Microsoft voice ที่สามารถเข้าใจธรรมชาติของสำเนียงภาษาได้ดีขึ้น |
หากใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถแปลภาษาได้อย่างแม่นยำ ราคาไม่แพง พกพาสะดวกไปได้ทุกที่ ขอแนะนำเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ Xiaomi Moyu AI Translator เครื่องแปลภาษาแบบไม่มีหน้าจอแต่ใช้งานง่ายฟังก์ชันเยอะ มีความทนทานน้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก รองรับการแปลภาษาได้ถึง 14 ภาษาได้อย่างแม่นยำด้วยฐานข้อมูลจาก Microsoft Ai และฟังสำเนียงได้อย่างชัดเจนด้วย Microsoft Voice ที่ให้คุณแปลภาษาได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้ฟังเพลง ตรวจสอบสภาพอากาศ ดูเวลา และอื่น ๆ มีระบบตัดเสียงรบกวน แบตเตอรี่ความจุ 900 มิลลิแอมป์ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 2 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ในราคาที่จับต้องได้
8. เครื่องแปลภาษา Langogo Pocket AI Translator
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
รองรับการแปล 105 ภาษาทั่วโลก | ไม่มีกล้องถ่ายรูป |
สามารถใช้บันทึกเสียงแล้วแปลงออกมาเป็นข้อความได้ | รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ได้เพียง 4 ภาษา |
แปลแบบ Offline ได้ถึง 4 ภาษาคือ Mandarin, English, Japanese และ Korean | หลังจากใช้งาน 2 ปีต้องจ่ายค่าบริการในการใช้งาน |
หน้าจอแสดงผล Retina Display ขนาด 3.1 นิ้ว | ตัวเครื่องค่อนข้างหนัก |
เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ทั่วโลก และแชร์ Hotspot Wi-Fi ให้กับอุปกรณ์อื่นได้ | |
รับประกัน 1 ปี จากผู้ขาย |
เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ Langogo Pocket Ai Translator มอบความสะดวกสบายในการแปลภาษาได้มากขึ้นด้วยการแปลภาษาต้นทางให้กลายมาเป็นรูปแบบของตัวอักษรหรืออ่านเป็นคำพูด รองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ด สามารถใช้เป็นตัวสำหรับแชร์ Hospot Wi-Fi ได้สูงสุดถึง 5 เครื่อง หมดปัญหาไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ในกลุ่มเพื่อน ๆ ครอบครัวเมื่อไปต่างประเทศหรือไปท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังสามารถส่งข้อมูลการแปลภาษาไปยังอีเมล์หรือสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย รุ่นนี้รองรับการแปล 105 ภาษาทั่วโลก แปลแบบ Offline ได้ถึง 4 ภาษาคือ Mandarin, English, Japanese และ Korean สามารถใส่ซิมการ์ดและใช้งาน eSim รองรับ 4G ครอบคลุมกว่า 72 ประเทศทั่วโลก มีหน้าจอแสดงผล Retina Display ขนาด 3.1 นิ้ว แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 6 ชั่วโมง พ่วงมาด้วยการรับประกัน 1 ปี จากผู้ขาย
9. เครื่องแปลภาษา Timekettle M2
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
เหมาะสำหรับการแปลแบบสนทนา | ใช้สำหรับการแปลแบบสนทนาด้วยการคุยโทรศัพท์เท่านั้น |
รองรับการแปล 40 ภาษา 93 สำเนียง | ไม่มีหน้าจอแสดงผล |
มีโหมดการแปลในเครื่องทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดสัมผัส โหมดฟัง และโหมดลำโพง | |
มีระบบควบคุมแบบสัมผัสใช้งานง่าย | |
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่กระชับพอดีและป้องกันเหงื่อในระดับ IPX4 | |
รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และอุปกรณ์เสริม 6 เดือน จากผู้ขาย |
Timekettle M2 เป็นเครื่องแปลภาษาที่มาในรูปแบบของหูฟังไร้สายที่สามารถใช้ได้ทั้งการฟังเพลงและการคุยโทรศัพท์ แปลภาษาได้มากถึง 40 ภาษาและรองรับสำเนียงได้มากถึง 93 สำเนียงจึงทำให้สามารถแปลภาษาออกมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้นแม้ผู้พูดจะไม่ใช่เจ้าของภาษาก็ตาม รองรับการใช้งานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องมีการสื่อสารผ่านโทรศัพท์กันอยู่บ่อย ๆ ต้องการสนทนากับชาวต่างชาติเพื่อฝึกฝนทักษะทางภาษาของตนเอง มีโหมดการแปลในเครื่องทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดสัมผัส โหมดฟัง และโหมดลำโพง มีระบบควบคุมแบบสัมผัสอัจฉริยะทำให้ควบคุมการใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดาย หูฟังไร้สายรองรับการแปลสูงสุดได้ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีเคสสำหรับชาร์จที่สามารถขยายเวลาใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ช่วยให้สวมใส่ได้กระชับพอดีและป้องกันเหงื่อในระดับ IPX4รุ่นนี้รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และอุปกรณ์เสริม 6 เดือน จากผู้ขาย
10. เครื่องแปลภาษา T2S
จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
---|---|
แปลภาษาด้วยเสียงได้ 76 ภาษา สามารถพูดโต้ตอบได้ 2 ทางแล้วแปลทันที | ไม่มีกล้องถ่ายรูป |
มีเมมโมรี่ในตัวสามารถอัดเสียงและบันทึกเสียงได้ | ไม่มีตัวตัดเสียงรบกวน |
มีการอัปเดตโปรแกรมของเครื่องแปลภาษาตลอดเวลา | ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น |
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้นาน 7-8 วันพร้อมใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง | ไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ |
หน้าจอสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว | |
รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี จากผู้ขาย |
ส่งท้ายรายชื่อ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี กันด้วยเครื่องแปลภาษา T2S เครื่องแปลภาษาที่คุ้มค่าเกินราคาด้วยการแปลภาษาที่ได้มากถึง 76 ภาษาทั่วโลกและสามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้น สามารถพูดโต้ตอบได้ 2 ทางแล้วแปลทันที มีเมมโมรี่ในตัวสามารถอัดเสียงและบันทึกเสียงได้ ภาษาที่แปลออกมาได้มีความแม่นยำและมีการอัปเดตคำศัพท์อยู่เสมอ ตัวเครื่องมีขนาดเล็กพกพาง่ายพร้อมรองรับการใช้งานภาษาไทย เหมาะสำหรับพกพาเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้นาน 7-8 วันพร้อมใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง มีการรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี จากผู้ขาย
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ต้องบอกว่าเครื่องแปลภาษานั้นค่อนข้างเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นเลยทีเดียวสำหรับใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศหรือต้องมีการพบปะพูดคุยกับชาวต่างชาติกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งการจะเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดีก็ต้องดูลักษณะการใช้งานและความต้องการของเราเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหูฟัง เครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้ถ่ายรูปเพื่อแปลภาษาจากภาพได้ หรือเครื่องแปลภาษาแบบสนทนาโต้ตอบรวมไปถึงเครื่องแปลภาษาที่มีหน้าจอแสดงผลมาให้ เพื่อที่จะได้เลือกเครื่องแปลภาษาที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของเรามากที่สุดนั่นเอง