อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 2023

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี พร้อมวิธีการเลือกซื้อ 2023

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี
ภาพจาก shopee.co.th

ในยุคดิจิทัลที่โลกไร้พรมแดนแบบนี้ ทำให้หลายคนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารรวมไปถึงภาษาและวัฒนธรรมต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งภาษาที่ใช้กันในโลกของเรานี้ก็มีแตกต่างกันออกไปหลายภาษาด้วยกัน หากเป็นเมื่อก่อนการทำความเข้าใจภาษาต่างประเทศอาจเป็นเรื่องยาก แต่ในปัจจุบันก็มีตัวช่วยที่เรียกว่าเครื่องแปลภาษา ซึ่งทำให้เราสามารถเข้าใจและสื่อสารภาษาต่างประเทศได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องแปลภาษาเอาไว้ใช้งาน วันนี้เราก็มีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกเครื่องแปลภาษาพร้อมทั้งแนะนำ 10 อันดับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ เพื่อการสื่อสารที่สะดวกขึ้นมาฝากกัน

วิธีเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี ให้เหมาะสมตอบโจทย์กับความต้องการได้มากที่สุด

เครื่องแปลภาษานั้นมีหลายรุ่นหลายยี่ห้อ คุณสมบัติของตัวเครื่องก็แตกต่างกันออกไป โดยในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี มีข้อที่ควรจะพิจารณาเพื่อให้ได้รุ่นที่เหมาะสมกับเรามากที่สุดดังต่อไปนี้

1. การออกแบบ

โดยทั่วไปแล้วเครื่องแปลภาษาก็มักจะออกแบบมาให้มีขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวกไปกับเราได้ทุกที่ ทั้งนี้เราสามารถแบ่งลักษณะการออกแบบของเครื่องแปลภาษาได้เป็น 2 ประเภทก็คือ เครื่องแปลภาษาแบบไม่มีหน้าจอ จะเป็นการแปลภาษาโดยใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับเสียง มีความทนทานและมีน้ำหนักเบา สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานมากกว่าเพราะไม่ต้องเปลืองแบตเตอรี่ไปกับหน้าจอแสดงผล แต่ก็มีข้อเสียในเรื่องของความสะดวกสบายในการใช้งานเนื่องจากไม่มีหน้าจอแสดงผลมาให้อ่านข้อมูล ซึ่งจะต้องใช้การแปลภาษาด้วยการพูดและการฟังเป็นหลัก ในขณะที่เครื่องแปลภาษาแบบมีหน้าจอก็จะมาพร้อมกับจอแสดงผลที่ให้เราสามารถดูประโยคหรือข้อความที่ต้องการให้แปลถูกต้องหรือไม่ รวมไปถึงสามารถใช้งานในบริเวณที่มีเสียงดังอึกทึกสอดแทรกเข้ามาได้ สามารถสื่อสารด้วยการแสดงผลผ่านหน้าจอโดยที่ไม่ต้องพูดก็ได้ จึงทำให้สามารถสื่อสารและแปลภาษาได้ง่ายขึ้น

2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

แน่นอนว่าการทำงานของเครื่องแปลภาษานั้นก็จำเป็นที่จะต้องมีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สามารถแปลภาษาได้แบบเรียลไทม์แล้วก็ยังสามารถอัปเดตคำศัพท์ใหม่ ๆ เข้ามาได้ตลอดเวลา รูปแบบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับเครื่องแปลภาษาก็จะแบ่งออกเป็นการเชื่อมต่อโดยใช้ซิมการ์ด ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายมือถือได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ส่วนเครื่องแปลภาษาชนิดที่เชื่อมต่อ อินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi ก็จะสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตด้วยการเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi แต่ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานที่จะสามารถใช้งานได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีสัญญาณ Wi-Fi เท่านั้น ซึ่งก็เหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่เราต้องไปเป็นประจำอย่างเช่น สถานศึกษา ที่ทำงาน หรืออยู่บ้าน เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้งานได้แบบออฟไลน์อีกด้วย

3. จำนวนภาษาที่แปลได้และความแม่นยำ

ในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือจำนวนของภาษาที่แปลได้ ซึ่งในส่วนนี้อาจจะไม่ต้องเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถแปลได้หลายภาษามากที่สุดก็ได้ แต่ควรที่จะเลือกเครื่องแปลภาษาที่รองรับการแปลภาษาได้ตรงตามความต้องการใช้งานของเรามากที่สุด เพราะในบางครั้งเครื่องแปลภาษาที่รองรับการแปลได้หลายภาษาก็อาจจะมีความแม่นยำของบางภาษาที่ไม่มากนัก และยังเป็นการสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถแปลได้หลากหลายภาษามากเกินความจำเป็น นอกจากนี้ก็แนะนำให้เลือกซื้อเครื่องแปลภาษาที่มีการเปิดให้อัปเดตระบบหรือโปรแกรมอยู่เป็นประจำเพราะนั่นหมายความว่าคุณจะได้รับการแปลภาษาในเวอร์ชันใหม่ล่าสุดและสามารถอัปเดตคำศัพท์ใหม่ ๆ ได้ตลอดเวลา ซึ่งนั่นก็จะช่วยทำให้เครื่องแปลภาษาของคุณสามารถช่วยในการแปลคำศัพท์ได้ดีมากยิ่งขึ้นและสามารถตรวจจับสำเนียงที่หลากหลายได้มากขึ้นด้วยนั่นเอง

4. ขนาดของแบตเตอรี่และระยะเวลาการใช้งานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ในการเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี อีกหนึ่งคุณสมบัติที่ไม่ควรมองข้ามก็คือขนาดของแบตเตอรี่รวมไปถึงระยะเวลาที่สามารถใช้งานได้ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง นอกจากนี้ก็ควรดูในเรื่องของระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่ต่อครั้งว่านานแค่ไหน เพราะการใช้งานเครื่องแปลภาษาของแต่ละคนนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีแบตเตอรี่เยอะเพื่อให้สามารถใช้งานได้นานขึ้น ก็ต้องแลกมาด้วยการชาร์จต่อครั้งที่ค่อนข้างนานกว่า ราคาที่แพงกว่า และน้ำหนักของตัวเครื่องที่มากกว่า ในขณะที่ถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีแบตเตอรี่ไม่มากก็อาจจะมีระยะเวลาในการใช้งานค่อนข้างสั้น แต่ข้อดีก็คือระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่จนเต็มก็จะเร็วขึ้น ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบากว่า และยังมีราคาที่ถูกกว่าอีกด้วย ซึ่งถ้าหากใครกลัวว่าแบตเตอรี่จะหมดในระหว่างวันก็สามารถใช้งานร่วมกับ Power Bank หรือแบตเตอรี่สำรองเพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องแบตเตอรี่ไม่พอใช้กันแล้ว

5. ช่องทางและรูปแบบของการแปลภาษา

ลักษณะของการแปลภาษาในเครื่องแปลภาษานั้นก็จะมีช่องทางและรูปแบบของการแปลที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นใช้การพูดตอบโต้ การฟังเสียง การแปลในขณะที่คุยโทรศัพท์ การแสดงผลการแปลภาษาผ่านทางหน้าจอ การถ่ายรูปตัวหนังสือข้อความแล้วแปล ทั้งนี้ก็ต้องดูว่าลักษณะการใช้งานเครื่องแปลภาษาของตัวคุณนั้นเป็นแบบไหน อย่างเช่นถ้าหากส่วนใหญ่ใช้การพูดคุยโทรศัพท์อยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะเลือกเครื่องแปลภาษาที่เป็นรูปแบบหูฟัง หรือถ้าชอบอ่านหนังสือหรือการเดินทางท่องเที่ยวก็อาจเลือกเครื่องแปลภาษาที่สามารถถ่ายรูปข้อความหรือตัวหนังสือสำหรับการแปลได้

6. ฟังก์ชันอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เดี๋ยวนี้เครื่องแปลภาษาส่วนใหญ่ก็มีฟังก์ชันเพิ่มเติมเข้ามานอกเหนือจากการแปลภาษาเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูป การฟังเพลง บันทึกเสียง ส่งข้อมูลผ่านอีเมล์หรือโทรศัพท์ ความสามารถในการกันน้ำกันฝุ่น ดังนั้นถ้าหากเลือกเครื่องแปลภาษาที่มีฟังก์ชันอื่น ๆ มาด้วยก็จะทำให้คุณสามารถใช้งานเครื่องแปลภาษาได้อย่างหลากหลายและสะดวกมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงถ้าใครที่ชื่นชอบการเดินทางท่องเที่ยวถ้าหากเครื่องแปลภาษาของคุณมีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำและฝุ่น ก็จะทำให้คุณสามารถนำเครื่องแปลภาษาติดตัวไปใช้งานได้อย่างสมบุกสมบันไม่ต้องกลัวพังได้อีกด้วย

แนะนำ 10 อันดับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี 2022

1. เครื่องแปลภาษา F1 Pro

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา F1 Pro
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
แปลภาษาออนไลน์ได้ถึง 108 ภาษาการแปลภาษาแบบออฟไลน์ไม่รองรับการแปลภาษาไทย
กล้องถ่ายรูปความคมชัด 5 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพแล้วแปลได้ถึง 44 ภาษาไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
หน้าจอแสดงผล LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว มีเมนูภาษาไทย
สามารถใช้อัดเสียงได้
แบตเตอรี่ทนทานสแตนบายได้ 7-8 วัน
รับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย

ใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดีที่ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างครบครัน ขอแนะนำ LOYAL GADGETS เครื่องแปลภาษารุ่น F1-PRO เครื่องแปลภาษาแบบ 3in1 ที่เป็นได้ทั้งเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ รองรับการแปล 108 ภาษา สามารถแปลภาษาด้วยเสียง กล้องถ่ายแปลจากภาพ และเครื่องอัดเสียงภายในตัวเดียวกัน สามารถพูดแล้วแปลได้ทันที หรือถ่ายภาพแล้วแปลก็ได้ รองรับการใช้งานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ แปลภาษาออฟไลน์ได้ 12 ภาษา น้ำหนักเบาและแบตเตอรี่อยู่ได้นาน 7-8 วัน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมง มาพร้อมหน้าจอแสดงผล LCD ระบบสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อหูฟังบลูทูธ มีการอัปเดตโปรแกรมให้อยู่ตลอด พ่วงมาด้วยการรับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย

2. เครื่องแปลภาษา iTran

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา iTran

จุดเด่น

  • สามารถพูดไทยแล้วแปลเป็นภาษาอื่นได้ทันที
  • แปลภาษาได้ 2 ทางมากกว่า 30 ภาษา
  • มีระบบ Auto Update เพื่ออัปเดตโปรแกรมใหม่ ๆ และภาษาที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต
  • หน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 2 นิ้ว
  • แบตเตอรี่ขนาด 1000 มิลลิแอมป์ สแตนบายได้นาน 7 วัน

ข้อสังเกต-คำแนะนำ

  • ไม่สามารถใช้งานเพื่อแปลภาษาแบบออฟไลน์ได้
  • ไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
  • สามารถใช้งานต่อเนื่องได้เพียง 6 ชั่วโมงเท่านั้น

ใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษาที่มีราคาไม่แพงและสามารถแปลภาษาได้อย่างหลากหลาย ใช้งานง่าย ขอแนะนำเครื่องแปลภาษา iTran เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะที่สามารถพูดภาษาไทยแล้วแปลเป็นภาษาอื่นได้ในทันที แปลภาษาได้ 2 ทางมากกว่า 30 ภาษา มีขนาดพกพาน้ำหนักเบาเท่ากับไข่ไก่เพียง 1 ฟองเท่านั้น มาพร้อมหน้าจอแสดงผลขนาด 2 นิ้ว ให้คุณตรวจเช็คคำศัพท์ได้อย่างถูกต้อง ใช้งานง่ายและมีการอัปเดตโปรแกรมรวมไปถึงภาษาใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาแบตเตอรี่มีขนาด 1000 มิลลิแอมป์ สแตนบายได้นาน 7 วันและใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีจากผู้ขาย

3. เครื่องแปลภาษา CheetahTALK AI Voice Translator

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา CheetahTALK AI Voice Translator
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
ใช้ฐานข้อมูลจากระบบการแปลภาษา AI ของ Microsoftไม่มีหน้าจอแสดงผล
รองรับการแปลภาษาได้ถึง 42 ภาษาทั่วโลกขณะที่พูดจะต้องออกเสียงและพูดเป็นคำให้ชัดเจน
ใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน CheetahTALK
การแปลภาษาสองทางแบบ RealTime
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายสูงสุดได้ถึง 180 วัน การใช้งานต่อเนื่องนานถึง 2 สัปดาห์
มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP54

CheetahTALK AI Voice Translator เครื่องแปลภาษาขนาดเล็กที่รองรับการแปลภาษาได้ถึง 42 ภาษาทั่วโลก ให้การแปลภาษาที่แม่นยำด้วยฐานข้อมูลจากระบบการแปลภาษา AI ของ Microsoft ใช้งานง่าย พกพาสะดวก รองรับแอปพลิเคชั่น CheetahTALK ทำงานบนระบบปฏิบัติการ iOS 9.0 ขึ้นไป และ Android 5.0 ขึ้นไป รองรับการแปลภาษาสองทางแบบ RealTime แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายสูงสุดได้ถึง 180 วัน การใช้งานต่อเนื่องนานถึง 2 สัปดาห์ มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IP54 เพิ่มความทนทาน และยังมากับการรับประกันนาน 1 ปีอีกด้วย

4. เครื่องแปลภาษา Pocketalk W

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา Pocketalk W
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
รองรับการแปลได้ 82 ภาษา มีเมนูภาษาไทย สามารถใช้ข้อมูลได้ทั่วโลกนานถึง 2 ปีไม่มีกล้องถ่ายรูป
มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวนไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์
รองรับ Bluetooth 4.2
หน้าจอแสดงผลขนาด 2.45 นิ้ว ความละเอียด 320 x 240 พิกเซล
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 10 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 7 ชั่วโมง
เวลาในการชาร์จเต็ม 135 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C
รับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต

ต่อกันเลยกับ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี อย่าง Pocketalk W ตัวช่วยที่จะทำให้คุณได้เปิดประตูสู่โลกแห่งการสนทนาด้วยเทคโนโลยี AI แบบพกพา ซึ่งรุ่นนี้มาพร้อมกับข้อมูลข้ามแดนนานถึง 2 ปี โดยไม่มีค่าธรรมเนียมรายเดือน และไม่มีสัญญาเพิ่มเติมกับผู้ให้บริการหรือค่าธรรมเนียมการใช้ข้อมูลแต่อย่างใด ให้คุณได้สามารถสื่อสารภาษาได้อย่างอิสระกว่า 138 ประเทศ รองรับการแปลได้ 82 ภาษา รองรับเมนูภาษาไทย มีไมโครโฟนสำหรับตัดเสียงรบกวน รองรับ Bluetooth 4.2 ให้หน้าจอแสดงผลมาที่ขนาด 2.45 นิ้ว แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 10 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 7 ชั่วโมง เวลาในการชาร์จเต็ม 135 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C น้ำหนักเบาขนาดกะทัดรัดใช้งานง่ายพกพาสะดวก ภาพรวมถือว่าน่าใช้เลยล่ะ

5. เครื่องแปลภาษา N style Raditalk

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา N style Raditalk
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
สามารถแปลได้ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และภาษาญี่ปุ่นไม่มีกล้องถ่ายรูป
รองรับการแปลได้สูงสุด 48 ภาษา ด้วยระบบ AIไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์
ใช้เป็นเครื่องกระจายสัญญาณ Wi-Fi ได้ไม่มีการรับประกัน
ใช้บันทึกเสียงได้ มีระบบตัดเสียงรบกวน
หน้าจอแสดงผล ขนาด 2 นิ้ว 3.5D
แบตเตอรี่สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง

N style Raditalk เครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้ฟังวิทยุท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นในต่างประเทศได้ สามารถสื่อสารได้ถึง 4 ภาษารวมทั้งภาษาไทยและภาษาญี่ปุ่นพร้อมรองรับการแปลอีก 48 ภาษาด้วยระบบ AI เพื่อเลือกการแปลที่เหมาะสมที่สุด มีฟังก์ชันสำหรับบันทึกเสียงและสามารถใช้เป็นตัวปล่อยสัญญาณ Wi-Fi ได้ ขนาดเล็กพกพาสะดวกใช้งานง่ายรองรับการใส่ซิมการ์ดแบบนาโนซิม ให้คุณสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทุกที่ทุกเวลาพร้อมเขาถึงทุกภาษาได้อย่างสะดวกสบาย มาพร้อมหน้าจอแสดงผล ขนาด 2 นิ้ว 3.5D แบตเตอรี่สามารถ ใช้งานได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง ใช้เวลาในการชาร์จเต็มประมาณ 2 ชั่วโมง ลองดูว่ารุ่นนี้ตรงกับที่คุณกำลังมองหาอยู่หรือไม่

6. เครื่องแปลภาษา Pocketalk S

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา Pocketalk S
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
รองรับการแปลด้วยเสียงและข้อความ 61 ภาษา รองรับการแปลเฉพาะข้อความ 21 ภาษาแบตเตอรี่ค่อนข้างหมดเร็ว
มีไมโครโฟนคู่สำหรับตัดเสียงรบกวนไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์
สามารถแปลงหน่วยแลกเปลี่ยนเงินตราพร้อมอัปเดตตลอดเวลา
กล้องถ่ายรูปความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถแปลด้วยภาพได้ถึง 55 ภาษา
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 2.5 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 4.5 ชั่วโมง
รับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต

ใครยังไม่รู้จะเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี Pocketalk S คืออีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม เป็นตัวช่วยให้คุณได้เปิดประตูสู่โลกแห่งการสนทนา รองรับการแปลด้วยเสียงและข้อความ 61 ภาษา แปลเฉพาะข้อความ 21 ภาษา สามารถใช้ข้อมูลได้ถึง 139 ประเทศทั่วโลก นานถึง 2 ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมและไม่ต้องตั้งค่าใด ๆ สามารถแปลงหน่วยแลกเปลี่ยนเงินตราพร้อมอัปเดตตลอดเวลา มีกล้องถ่ายรูปความละเอียด 8 ล้านพิกเซล สามารถแปลด้วยภาพได้ถึง 55 ภาษา รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.2 สามารถใส่ซิมการ์ดได้ มีไมโครโฟนคู่สำหรับตัดเสียงรบกวน แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้สูงสุด 2.5 วัน การใช้งานต่อเนื่องนาน 4.5 ชั่วโมง เวลาในการชาร์จเต็มอยู่ที่ 105 นาที รองรับการชาร์จผ่านพอร์ต USB type-C มาพร้อมการรับประกัน 1 ปีจากผู้ผลิต

7. เครื่องแปลภาษา Xiaomi Moyu AI Translator

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา Xiaomi Moyu AI Translator
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
รองรับการแปล 14 ภาษาครอบคลุมกว่า 170 ประเทศไม่มีหน้าจอแสดงผล
สามารถใช้ฟังเพลง ตรวจสอบสภาพอากาศ ดูเวลา และอื่น ๆไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์
สนับสนุนการแปลภาษาด้วย Microsoft AI ที่มีความแม่นยำสูงรองรับการแปลภาษาค่อนข้างน้อย
มีระบบตัดเสียงรบกวน
ติดตั้ง Microsoft voice ที่สามารถเข้าใจธรรมชาติของสำเนียงภาษาได้ดีขึ้น

หากใครกำลังมองหาเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี ที่สามารถแปลภาษาได้อย่างแม่นยำ ราคาไม่แพง พกพาสะดวกไปได้ทุกที่ ขอแนะนำเครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ Xiaomi Moyu AI Translator เครื่องแปลภาษาแบบไม่มีหน้าจอแต่ใช้งานง่ายฟังก์ชันเยอะ มีความทนทานน้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก รองรับการแปลภาษาได้ถึง 14 ภาษาได้อย่างแม่นยำด้วยฐานข้อมูลจาก Microsoft Ai และฟังสำเนียงได้อย่างชัดเจนด้วย Microsoft Voice ที่ให้คุณแปลภาษาได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นทุกที่ทุกเวลา สามารถใช้ฟังเพลง ตรวจสอบสภาพอากาศ ดูเวลา และอื่น ๆ มีระบบตัดเสียงรบกวน แบตเตอรี่ความจุ 900 มิลลิแอมป์ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้ 8 ชั่วโมง ใช้เวลาชาร์จเต็มเพียง 2 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ในราคาที่จับต้องได้

8. เครื่องแปลภาษา Langogo Pocket AI Translator

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา Langogo Pocket AI Translator
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
รองรับการแปล 105 ภาษาทั่วโลกไม่มีกล้องถ่ายรูป
สามารถใช้บันทึกเสียงแล้วแปลงออกมาเป็นข้อความได้รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์ได้เพียง 4 ภาษา
แปลแบบ Offline ได้ถึง 4 ภาษาคือ Mandarin, English, Japanese และ Koreanหลังจากใช้งาน 2 ปีต้องจ่ายค่าบริการในการใช้งาน
หน้าจอแสดงผล Retina Display ขนาด 3.1 นิ้วตัวเครื่องค่อนข้างหนัก
เชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ทั่วโลก และแชร์ Hotspot Wi-Fi ให้กับอุปกรณ์อื่นได้
รับประกัน 1 ปี จากผู้ขาย

เครื่องแปลภาษาอัจฉริยะ Langogo Pocket Ai Translator มอบความสะดวกสบายในการแปลภาษาได้มากขึ้นด้วยการแปลภาษาต้นทางให้กลายมาเป็นรูปแบบของตัวอักษรหรืออ่านเป็นคำพูด รองรับการใช้งานร่วมกับซิมการ์ด สามารถใช้เป็นตัวสำหรับแชร์ Hospot Wi-Fi ได้สูงสุดถึง 5 เครื่อง หมดปัญหาไม่มีอินเทอร์เน็ตใช้ในกลุ่มเพื่อน ๆ ครอบครัวเมื่อไปต่างประเทศหรือไปท่องเที่ยว นอกจากนี้ก็ยังสามารถส่งข้อมูลการแปลภาษาไปยังอีเมล์หรือสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย รุ่นนี้รองรับการแปล 105 ภาษาทั่วโลก แปลแบบ Offline ได้ถึง 4 ภาษาคือ Mandarin, English, Japanese และ Korean สามารถใส่ซิมการ์ดและใช้งาน eSim รองรับ 4G ครอบคลุมกว่า 72 ประเทศทั่วโลก มีหน้าจอแสดงผล Retina Display ขนาด 3.1 นิ้ว แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้นาน 6 ชั่วโมง พ่วงมาด้วยการรับประกัน 1 ปี จากผู้ขาย

9. เครื่องแปลภาษา Timekettle M2

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา Timekettle M2
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
เหมาะสำหรับการแปลแบบสนทนาใช้สำหรับการแปลแบบสนทนาด้วยการคุยโทรศัพท์เท่านั้น
รองรับการแปล 40 ภาษา 93 สำเนียงไม่มีหน้าจอแสดงผล
มีโหมดการแปลในเครื่องทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดสัมผัส โหมดฟัง และโหมดลำโพง
มีระบบควบคุมแบบสัมผัสใช้งานง่าย
ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่กระชับพอดีและป้องกันเหงื่อในระดับ IPX4
รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และอุปกรณ์เสริม 6 เดือน จากผู้ขาย

Timekettle M2 เป็นเครื่องแปลภาษาที่มาในรูปแบบของหูฟังไร้สายที่สามารถใช้ได้ทั้งการฟังเพลงและการคุยโทรศัพท์ แปลภาษาได้มากถึง 40 ภาษาและรองรับสำเนียงได้มากถึง 93 สำเนียงจึงทำให้สามารถแปลภาษาออกมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้นแม้ผู้พูดจะไม่ใช่เจ้าของภาษาก็ตาม รองรับการใช้งานทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องมีการสื่อสารผ่านโทรศัพท์กันอยู่บ่อย ๆ ต้องการสนทนากับชาวต่างชาติเพื่อฝึกฝนทักษะทางภาษาของตนเอง มีโหมดการแปลในเครื่องทั้งหมด 3 โหมด ได้แก่ โหมดสัมผัส โหมดฟัง และโหมดลำโพง มีระบบควบคุมแบบสัมผัสอัจฉริยะทำให้ควบคุมการใช้งานได้อย่างสะดวกง่ายดาย หูฟังไร้สายรองรับการแปลสูงสุดได้ 6 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีเคสสำหรับชาร์จที่สามารถขยายเวลาใช้งานได้สูงสุด 30 ชั่วโมง ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ที่ช่วยให้สวมใส่ได้กระชับพอดีและป้องกันเหงื่อในระดับ IPX4รุ่นนี้รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี และอุปกรณ์เสริม 6 เดือน จากผู้ขาย

10. เครื่องแปลภาษา T2S

เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี เครื่องแปลภาษา T2S
จุดเด่นข้อสังเกต-คำแนะนำ
แปลภาษาด้วยเสียงได้ 76 ภาษา สามารถพูดโต้ตอบได้ 2 ทางแล้วแปลทันทีไม่มีกล้องถ่ายรูป
มีเมมโมรี่ในตัวสามารถอัดเสียงและบันทึกเสียงได้ไม่มีตัวตัดเสียงรบกวน
มีการอัปเดตโปรแกรมของเครื่องแปลภาษาตลอดเวลาไม่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น
แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้นาน 7-8 วันพร้อมใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมงไม่รองรับการใช้งานแบบออฟไลน์
หน้าจอสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว
รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี จากผู้ขาย

ส่งท้ายรายชื่อ เครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดี กันด้วยเครื่องแปลภาษา T2S เครื่องแปลภาษาที่คุ้มค่าเกินราคาด้วยการแปลภาษาที่ได้มากถึง 76 ภาษาทั่วโลกและสามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาเพียงแค่ 2 วินาทีเท่านั้น สามารถพูดโต้ตอบได้ 2 ทางแล้วแปลทันที มีเมมโมรี่ในตัวสามารถอัดเสียงและบันทึกเสียงได้ ภาษาที่แปลออกมาได้มีความแม่นยำและมีการอัปเดตคำศัพท์อยู่เสมอ ตัวเครื่องมีขนาดเล็กพกพาง่ายพร้อมรองรับการใช้งานภาษาไทย เหมาะสำหรับพกพาเดินทางท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี มาพร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 2.4 นิ้ว แบตเตอรี่สามารถสแตนด์บายได้นาน 7-8 วันพร้อมใช้งานต่อเนื่องได้ 6 ชั่วโมง มีการรับประกันตัวเครื่อง 1 ปี จากผู้ขาย

บทส่งท้ายจากผู้เขียน

ต้องบอกว่าเครื่องแปลภาษานั้นค่อนข้างเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นเลยทีเดียวสำหรับใครที่ชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศหรือต้องมีการพบปะพูดคุยกับชาวต่างชาติกันอยู่เป็นประจำ ซึ่งการจะเลือกเครื่องแปลภาษา ยี่ห้อไหนดีก็ต้องดูลักษณะการใช้งานและความต้องการของเราเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหูฟัง เครื่องแปลภาษาที่สามารถใช้ถ่ายรูปเพื่อแปลภาษาจากภาพได้ หรือเครื่องแปลภาษาแบบสนทนาโต้ตอบรวมไปถึงเครื่องแปลภาษาที่มีหน้าจอแสดงผลมาให้ เพื่อที่จะได้เลือกเครื่องแปลภาษาที่ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของเรามากที่สุดนั่นเอง

หมวดหมู่