อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 2025

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ที่เสียงเพราะ ฟังก์ชันครบ พร้อมทำคอนเทนต์ 2025

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง 040822 01
ภาพจาก pixabay.com

ไมโครโฟนคืออุปกรณ์ในการบันทึกเสียงที่ใช้งานกันมาอย่างยาวนาน โดยมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนในปัจจุบันมีมากมายหลายแบบ คุณสมบัติ การออกแบบ ฟังก์ชันการใช้งาน รวมทั้งราคาก็แตกต่างกันออกไป ซึ่งการจะเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีเอามาไว้ใช้สร้างคอนเทนต์นั้นมีองค์ประกอบหลายอย่างที่เราต้องพิจารณา ซึ่งในบทความนี้เราได้รวบรวมเอา 10 รุ่น ไมค์อัดเสียง จากยี่ห้อชั้นนำที่วางใจได้ในคุณภาพ อาทิ Signo, FANTECH, Maono, Beyerdynamic, HyperX, SHURE บอกเลยว่าแต่ละรุ่นน่าสนใจมาก

ไมค์อัดเสียง มีกี่แบบ

สำหรับประเภทของใหม่อัดเสียงนั้นหลักๆ แบ่งออกได้ 2 แบบคือ

  • ไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ (Condenser Microphone) เป็นไมค์ที่หลายคนเลือกใช้งานกันด้วยคุณสมบัติในการรับเสียงที่ยอดเยี่ยม บันทึกเสียงได้ครบทุกย่านความถี่ ใช้งานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียง การร้องเพลง การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ เช่นกล้องวิดีโอ สมาร์ทโฟน มีหลายขนาด ราคาเริ่มตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น อย่างไรก็ตามจากคุณสมบัติในการไวต่อเสียงทำให้บางรุ่นอาจมีเสียงรบกวนค่อนข้างเยอะ เวลานำไฟล์มาตัดต่อจึงต้องใช้เทคนิคและเวลาพอสมควร
  • ไมโครโฟนแบบไดนามิก (Dynamic Microphone) สำหรับแบบนี้จะตรงข้ามกับแบบแรกในเรื่องของความไวต่อเสียง สามารถป้องกันเสียงรบกวนได้ดีผ่านแผ่นไดอะแฟรม ใช้งานในสถานที่เปิดได้ดี สะดวกต่อการตัดต่อ รวมถึงมีราคาที่ไม่แพงจนเกินไป แต่ในข้อดีก็มีข้อเสียเนื่องจากมีช่วงในการรับเสียงที่ค่อนข้างแคบกว่าไมโครโฟนแบบคอนเดนเซอร์ ซึ่งการจะเลือกแบบไหนก็อยู่ที่รูปแบบการใช้งานรวมถึงสถานที่เป็นหลัก

วิธีเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีเอาไว้ใช้งาน

ต้องบอกว่าไมค์อัดเสียงนั้นเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่งที่ค่อนข้างมีรายละเอียดเยอะพอสมควรการจะเลือกให้ถูกกับงานและถูกใจนั้นจึงต้องพิจารณาหลายอย่างร่วมกัน มาดุกันว่าการจะหาไมค์อัดเสียงเอาไว้ใช้นั้นเราสามารถใช้อะไรเป็นเกณฑ์ได้บ้าง

1. เลือกไมค์อัดเสียงจากทิศทางการรับเสียง

ข้อแรกเลยในการจะเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีหรือว่ารุ่นไหนก็คือการพิจารณาจากทิศทางการรับเสียง ซึ่งสามารถแบ่งได้ดังนี้

  • ไมค์อัดเสียงแบบ Cardioid เป็นไมโครโฟนที่ใช้การรับเสียงจากด้านหน้า ทำให้ลดการเกิด Noise หรือเสียงรบกวนได้ค่อนข้างดี เหมาะกับการทำคอนเทนต์หรือบันทึกเสียงที่ต้องมีการขยับร่างกายเช่น การไลฟ์สด การแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว หรือการแคสต์เกม เป็นต้น
  • ไมค์อัดเสียงแบบ Super Cardioid เป็นไมโครโฟนที่รับเสียงจากด้านหน้าเช่นกันแต่จะมีช่วงที่แคบกว่าแบบแรก ทำให้ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีขึ้น ส่วนเสียงจากทางด้านหลังก็รับได้บ้าง เหมาะกับการใช้งานในสตูดิโอ เช่น การบันทึกเสียง การร้องเพลง
  • ไมค์อัดเสียงแบบ Hyper Cardioid เป็นไมโครโฟนรับเสียงจากด้านหน้าในองศาที่แคบลงจากไมค์ Super Cardioid แต่รับเสียงด้านหลังได้มากขึ้น จึงต้องตั้งไมค์อย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันการหอน เหมาะกับการบันทึกเสียงเครื่องดนตรี หรือเสียง Effect ต่างๆ
  • ไมค์อัดเสียงแบบ Bidirectional เป็นไมโครโฟนที่รับเสียงได้จากทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ส่วนเสียงด้านข้างจะรับได้น้อยมาก เหมาะกับการบันทึกเสียงในที่ปิดหรือห้องอัด รวมถึงใช้ในการสัมภาษณ์ต่างๆ ที่ต้องการเสียงจากทั้งสองฝั่ง
  • ไมค์อัดเสียงแบบ Omni – Directional เป็นไมโครโฟนแบบที่สามารถรับเสียงได้จากทุกทิศทาง 360 องศา ความไวสูง เหมาะสำหรับการบันทึกเสียงธรรมชาติ การบันทึกเสียงเครื่องดนตรีหลายๆ ชิ้น หรือการสนทนาแบบกลุ่ม อย่างไรก็ตามหากไม่เซ็ตให้ดีอาจมีปัญหาเรื่องการหอนหรือเสียงรบกวนเกิดขึ้นได้ หากต้องการงานที่ละเอียดจึงควรใช้งานในที่ที่ค่อนข้างเงียบ

2. เลือกไมค์อัดเสียงจากฟังก์ชันการทำงาน

ข้อต่อมาในการเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีก็คือการพิจารณาจากฟังก์ชันการทำงานต่างๆ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากไม่แพ้คุณภาพเสียง ทั้งเรื่องของการเชื่อมต่อว่าเป็นแบบมีสายหรือไร้สาย หากไร้สายใช้ Bluetooth เวอร์ชันไหน ระยะการเชื่อมต่อกี่เมตร ตามมาด้วยฟังก์ชันในการตัดเสียงรบกวน การปรับระดับเสียงต่างๆ ทำได้ละเอียดแค่ไหน หรือไมโครโฟนบางรุ่นอาจรองรับการใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันของผู้ผลิตเพื่อตั้งค่าหรือควบคุมการใช้งาน หรือมีหน้าจอแสดงผลเพื่อบอกอายุการใช้งานแบตเตอรี่หรือสถานะการทำงาน เป็นต้น

3. เลือกไมค์อัดเสียงจากการใช้งาน

แน่นอนว่าการจะเลือกซื้ออะไรก็ตาม เราต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งการเลือกไมค์อัดเสียงก็เช่นกัน ที่เราต้องดูว่าเน้นการใช้งานด้านใดเป็นพิเศษ แล้วจึงพิจารณาจากคุณสมบัติเด่นของไมโครโฟนรุ่นนั้น ว่ารับเสียงจากทิศทางใด เป็นไมค์ประเภทไหน ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการใช้อัดเสียงร้องก็เลือกไมโครโฟนแบบไดนามิกที่มีแผ่นไดอะแฟรม หรือหากใช้เพื่อการสัมภาษณ์อาจเลือกเป็นไมค์ อัดเสียงแบบ Omni – Directional ที่รับเสียงได้จากด้านหน้าและด้านหลัง เป็นต้น

4. เลือกไมค์อัดเสียงจากดีไซน์และอุปกรณ์เสริม

อุปกรณ์เสริมที่มากับไมโครโฟนแต่ละตัว คือสิ่งที่มาช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกขึ้น หรือเสริมประสิทธิภาพของเสียงให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ขาตั้งไมโครโฟน อุปกรณ์บังลม ที่หนีบไมโครโฟน ฟองน้ำหุ้มไมค์ ความยาวของสายไมค์ ซึ่งไมค์อัดเสียงแต่ละรุ่นก็จะให้อุปกรณ์เสริมมาแตกต่างกันออกไป โดยแม้จะเป็นแค่องค์ประกอบแต่ก็ช่วยเติมเต็มการใช้งานให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น

5. เลือกไมค์อัดเสียงจากยี่ห้อ ราคา และการรับประกัน

อย่างที่เราเกริ่นเอาไว้ในตอนต้นว่าไมค์อัดเสียงเป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ค่อนข้างมีรายละเอียดทางเทคนิคเยอะ สิ่งที่จะช่วยให้เรามั่นใจได้ในเบื้องต้นว่าจะได้ไมโครโฟนที่เสียงดีมีคุณภาพก็คือการเลือกซื้อจากยี่ห้อที่มีชื่อเสียงไว้วางใจได้ อาทิ Signo, FANTECH, Maono, Beyerdynamic, HyperX, SHURE เป็นต้น บางรุ่นอาจจะราคาแพงหน่อยแต่ก็ช่วยสร้างงานที่มีคุณภาพระดับมืออาชีพ ซึ่งเราสามารถกำหนดงบประมาณได้ตามต้องการ นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบในเรื่องของเงื่อนไขและระยะเวลาในการรับประกันสินค้าร่วมด้วย

เลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ทั้งเสียงเพราะ ฟังก์ชันครบครัน เหมาะกับการทำคอนเทนต์

1. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Signo รุ่น MP-701

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Signo รุ่น MP 701
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
เหมาะกับการร้องเพลง อัดเสียง และเล่นเกมไม่เหมาะกับการใช้งานกลางแจ้งหรือที่เสียงรบกวนเยอะ
มีที่บังลงช่วยลดเสียงรบกวน
มี Shock Mount สำหรับการปรับระยะและระดับไมค์
ราคาไม่แพงจนเกินไป

เรามาเริ่มต้นรายชื่อ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีกันด้วย Signo รุ่น MP-701 ไมโครโฟนแบบCondenser สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งานที่ต้องการไมโครโฟนคุณภาพกลางๆ ราคาไม่พงมาก โดยยี่ห้อนี้เป็นผู้ผลิตเกมมิ่งเกียร์ชื่อดังรายหนึ่งทำให้สามารถใช้สำหรับเล่นเกมได้ อัดเสียงและร้องเพลงได้ คุ้มค่าเกินราคา มาพร้อม Shock Mount สำหรับยึดกับโต๊ะ ปรับระยะและปรับระดับได้ตามต้องการ มีที่บังลมช่วยลดเสียงหายใจและเสียงรบกวน ใช้งานง่ายด้วยการเชื่อมต่อผ่าน Aux 3.5mm รองรับช่วงความถี่ 20 – 20,000 Hz ความไวในการรับเสียง 34dB+-2dB ในช่วงราคาไม่เกิน 1,000 บาท รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจมาก

2. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Maono รุ่น AU-A04AT

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Maono รุ่น AU A04AT
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
มาพร้อมอุปกรณ์เสริมพร้อมใช้รองรับช่วงความถี่ 30 Hz -16 kHz
ใช้งานง่าย เชื่อมต่อผ่านพอร์ต USB 2.0 ไม่ต้องลงโปรแกรมเหมาะกับการใช้งานระดับเริ่มต้นถึงปานกลาง
เหมาะกับการบันทึกเสียงร้อง
ราคาไม่แพงจนเกินไป

มาต่อกันด้วย ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Maono รุ่น AU-A04AT ที่ต้องบอกว่าเวลามีการจัดอันดับรุ่นนี้มักจะเข้าไปอยู่ในรายชื่อด้วยเสมอจากสเปคที่ให้มาเกินราคา และใช้งานได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะกับการใช้บันทึกเสียงร้องหรือ Cover เพลงลงโซเชียลมีเดียต่างๆ เป็นไมโครโฟนแบบ Condenser รับเสียงจากด้านหน้า ความไวอยู่ที่ -38dB+/-3dB รองรับช่วงความถี่ระหว่าง 30 Hz -16 kHz มาพร้อมขาตั้งและที่บังลม น้ำหนักเบาสามารถพกพาไปได้ทุกที่ ลองดูว่ารุ่นนี้โดนใจคุณหรือไม่

3. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ FANTECH รุ่น MCX01

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ FANTECH รุ่น MCX01
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ดีไซน์สวยงาม เร้าใจด้วยไฟ RGBรองรับช่วงความถี่ 20Hz – 20kHz
ใช้งานง่าย รองรับอุปกรณ์หลายอย่างความไวในการรับเสียง -38dB ± 3dB
เหมาะกับการร้องเพลง พากษ์เสียง เล่นเกม
ราคาไม่แพงจนเกินไป

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี รุ่นที่ 3 ของเราคือ FANTECH รุ่น MCX01 ที่เชื่อว่าพอเห็นแล้วหลายคนอยากได้มาเป็นเจ้าของ เพราะมากับรูปโฉมที่สวยงามเร้าใจ ด้วยไฟ RGB บนหัวไมค์ที่เปลี่ยนสีได้ จะทำคอนเทนต์หรือเล่นเกมก็ดูดี แถมฟังก์ชันการใช้งานก็ครบครัน มีทั้งขาตั้งแบบ Tripod เชื่อมต่อด้วยสาย USB ทำให้ใช้งานได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่นเกมคอนโซล สามารถปรับตั้งค่าเสียงได้จากตัวไมโครโฟน ตัวนี้รับเสียงจากด้านหน้า ความไวในการรับเสียง -38dB ± 3dB รองรับช่วงความถี่ 20Hz – 20kHz และยังมีช่องเสียบหูฟังใส่มาให้ด้วย

4. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ RIWORAL รุ่น RM800-PRO

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี 4 ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ RIWORAL รุ่น RM800 PRO
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ไมค์คุณภาพสูง พร้อมอุปกรณ์เสริมครบชุดต้องซื้อพอร์ท USB แยกหากต้องการใช้กับสมาร์ทโฟน
ปรับระดับเสียงและเสียงสะท้อนได้ตามต้องการ
รองรับได้ทั้ง คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก iPhone และ Android
มีระบบไฟ RGB สีสันสวยงาม

อีกหนึ่งไมค์อัดเสียงระดับมืออาชีพ สำหรับการใช้งานแบบจริงจังอีกรุ่นครับ กับไมค์ที่โดดเด่นทั้งดีไซน์รูปทรงและการใช้งาน ด้วยคุณภาพเสียงที่สูงมาก ด้วยวัสดุไดอะเฟรมแบบชุบทองที่แข็งแรง และทำให้เสียงที่ได้ จะมีคุณภาพที่สูง รองรับการบันทึกเสียงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นสำหรับใช้สตรีมเกม, ใช้บันทึกเสียง หรือใช้นอกสถานที่ได้แบบสบาย ด้วยสายเชื่อมต่อไมค์ที่ยาวถึง 2.7 เมตร พร้อมไปด้วยอุปกรณ์เสริมอีกเพียบครบทั้งชุด เรียกได้ว่า เป็นชุดไมค์อัดเสียงที่พร้อมให้คุณสวมบทผู้ใช้มืออาชีพได้แบบครบ จบในครั้งเดียวแน่นอน

5. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Hoco รุ่น L15

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี 5 ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ Hoco รุ่น L15
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ไมค์แบบไร้สาย เชื่อมต่อผ่าน Wirelessไม่รองรับการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือเกมคอนโซล
รองรับการเชื่อมต่อกับ iPhone, Android หรือแท็บเลต
ระยะการเชื่อมต่อไกลถึง 15 เมตร
ใช้งานได้ยาวนาน 6 ชั่วโมง ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

ถือเป็นไมค์อัดเสียงไร้สายที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เนื่องจากขนาดที่เล็ก พกพาง่าย มีวิธี Setup และใช้งานได้ง่ายมาก ไม่ต้องตั้งค่าอะไรเยอะ เพียงแค่เสียบเข้าไปที่ตัวสมาร์ตโฟนหรือแท็บเลต ก็สามารถใช้งานได้ทันที และยังมีระยะสัญญาณที่ไกลมาก ถึง 15 เมตร สามารถใช้ได้ในหลากหลายสถานการณ์ แบบไม่ต้องกลัวว่าการรับเสียงจะขาดๆ หายๆ และยังสามารถใช้งานได้นาน 6 ชั่วโมงตลอดวัน ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แต่ติดอยู่ที่ไม่เหมาะกับการเอาไปใช้กับคอมพิวเตอร์ PC หรือเครื่องเกมคอนโซลเท่านั้น เนื่องจากรูปทรงที่ออกแบบมาให้เข้ากันได้ดีกับสมาร์ตโฟนโดยเฉพาะ ทำให้ถือเป็นไมค์อัดเสียงสำหรับสมาร์ตโฟน ที่เราแนะนำว่าควรมีครับ

6. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ IK Multimedia รุ่น iRig Mic Field

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ IK Multimedia รุ่น iRig Mic Field
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ไมค์ Condenser ประสิทธิภาพสูงสำหรับใช้กับสมาร์ทโฟนใช้ได้กับ iPhone และ iPad
ขนาดกะทัดรัดพกพาสะดวกรองรับช่วงความถี่ 40Hz – 20kHz
เหมาะกับการทำคอนเทนต์นอกสถานที่
สามารถนำไฟล์ที่ได้ไปตัดต่อได้ทันที

ผ่านไปแล้วครึ่งทางกับรายชื่อ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีมาต่อกันเลยกับ IK Multimedia รุ่น iRig Mic Field ที่สร้างมาเพื่อคนที่ต้องการไมโครโฟนสำหรับใช้งานกับ iPhone และ iPad โดยเฉพาะ รุ่นนี้มาในขนาดพกพา เหมาะกับการทำคอนเทนต์นอกสถานที่และการ Live สด ไฟล์ที่ได้มีคุณภาพสูงสามารถนำมาตัดต่อได้ทันที เชื่อมต่อด้วยพอร์ต Lighting เป็นไมค์แบบ Condenser รับเสียงแบบ Cardioid ช่วงความถี่ 40Hz – 20kHz ถ้าคุณใช้อุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการ iOS นี่คือไมค์อัดเสียงที่คุณกำลังตามหา

7. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ SHURE รุ่น MV7

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ SHURE รุ่น MV7
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
คุณภาพเสียงระดับ Studioรองรับช่วงความถี่ 50Hz – 60kHz
รองรับการเชื่อมต่อทั้ง USB และ XLRความไวในการรับเสียง -55dB
เหมาะสำหรับคอนเทนต์แนว Podcast และเสียงร้อง
ป้องกันเสียงรบกวนได้ดี

ไปให้สุดกับ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ SHURE รุ่น MV7 ไมโครโฟนคุณภาพเสียงระดับ Studio ที่ครบเครื่องทั้งงานออกแบบ ฟังก์ชันการทำงาน สร้างมาเพื่อคนทำคอนเทนต์ตัวจริง เหมาะสำหรับเนื้อหา แนว Podcast และเสียงร้อง โดยเป็นไมโครโฟนแบบไดนามิก ทิศทางการรับเสียงแบบ Cardioid ป้องกันเสียงรบกวนได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถปรับตั้งค่าต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน ShurePlu MOTIV และมอนิเตอร์ด้วยช่องหูฟังเพื่อตรวจสอบเสียงระหว่างบันทึก ตัวนี้เชื่อมต่อได้ทั้ง USB และ XLR ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่หลากหลาย เรียกว่าซื้อมาใช้แล้วจบทุกเรื่องอคนเทนต์เสียงก็ว่าได้

8. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ FIFINE รุ่น K683B

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ FIFINE รุ่น K683B
จุดเด่น
ตั้งค่าทิศทางการรับเสียงได้หลายแบบรองรับช่วงความถี่ 40Hz – 20kHz
มีไฟแสดงสถานะการทำงานความไวในการรับเสียง -45dB
เหมาะกับคอนเทนต์เสียงหลายแบบรวมทั้ง ASMR
มี Pop Filter ช่วยป้องกันเสียงลม

อีกรุ่นที่เราไม่อยากให้คุณมองข้ามก็คือ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ FIFINE รุ่น K683B ตัวนี้เป็นไมโครโฟนสารพัดประโยชน์ในราคาจับต้องได้ ฟังก์ชันการใช้งานอัดมาแน่นเกินค่าตัว เริ่มจากดีไซน์การออกแบบที่สวยทันสมัย มีไฟแสดงสถานการณ์ทำงาน ชัดทุกคำด้วย Pop Filter ช่วยป้องกันเสียงลม หรือจะตั้งค่าทิศทางการรับเสียงก็ตั้งได้หลายแบบ จะเสียงร้อง, Podcast หรือ ASMR ก็เอาอยู่ พอร์ตการเชื่อมต่อมีทั้ง USB Type-A และ USB Type-C เพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ตัวไมค์มีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5mm เอาไว้สำหรับมอนิเตอร์เสียง ใครยังไม่รู้จะเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีตัวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว

9. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ BOYA รุ่น BY-M1

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ BOYA รุ่น BY M1
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ไมโครโฟนแบบหนีบเสื้อ พกพาสะดวกรองรับช่วงความถี่ 65Hz – 18kHz
ใช้งานได้กับสมาร์ทโฟน กล้องถ่ายรูป และคอมพิวเตอร์ความไวในการรับเสียง -30dB
ทิศทางการรับเสียงแบบ Omnidirectional รอบทิศทาง
เหมาะกับการทำคอนเทนต์นอกสถานที่

สำหรับ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ BOYA รุ่น BY-M1 มาในรูปแบบของไมโครโฟนติดเสื้อซึ่งเหมาะสำหรับการทำคอนเทนต์นอกสถานที่หรือการไลฟ์สด เรียกว่าเป็นรุ่นยอดนิยมรุ่นหนึ่งของสาย Vlog เลยก็ว่าได้ มาพร้อมน้ำหนักที่เบาพกพาสะดวก รองรับทิศทางของเสียงแบบ Omnidirectional ให้เสียงที่สม่ำเสมอมีความชัดเจน เสียงรบกวนค่อนข้างต่ำ มีฟองน้ำสำหรับกันลม รองรับแอปพลิเคชัน MOTIV Audio เพื่อตรวจสอบการทำงาน ใช้งานได้กับอุปกรณ์ที่หลากหลายทั้ง PC, กล้องDSLR, สมาร์ทโฟน ใครมองหาไมค์พกพารุ่นนี้แหละใช่เลย

10. ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ HyperX รุ่น QuadCast S

ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อ HyperX รุ่น QuadCast S
จุดเด่นข้อสังเกต/คำแนะนำ
ใช้ได้ทั้งการบันทึกเสียงและการเล่นเกมรองรับช่วงความถี่ 20Hz – 20kHz
ดีไซน์สวยงามเร้าใจด้วยไฟ RGB ปรับแต่งได้ความไวในการรับเสียง -36dB
รองรับทั้ง PC, PS4 และ Mac
มีตัวกรองเสียงและช่องเสียบหูฟัง

ส่งท้ายรายชื่อ ไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดี กันด้วย HyperX QuadCast S ไมโครโฟนเกมมิ่งจากค่ายเกมมิ่งเกียร์แถวหน้าของวงการ รุ่นนี้มากับดีไซน์ที่สวยงามเร้าใจด้วยไฟ RGB บนตัวที่สามารถปรับการแสดงผลได้ด้วยซอฟต์แวร์ NGENUITY พ่วงมาด้วยเซ็นเซอร์กดปิดเสียงพร้อมไฟ LED แสดงสถานะการทำงาน เลือกทิศทางการรับเสียงได้ทั้งจากด้านหน้าและแบบสองทิศทาง รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์ที่หลากหลายทั้ง PC, PS4 และ Mac สามารถปรับความไวของไมค์ได้เพื่อให้เหมาะกับการใช้งาน สำหรับเกมเมอร์ตัวจริงที่กำลังมองหาไมโครโฟนคู่ใจหรือหาไมค์อัดเสียงนี่คือรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม

บทส่งท้ายจากผู้เขียน

ไมค์อัดเสียงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่คนทำคอนเทนต์ขาดไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียงร้อง, การสัมภาษณ์, การไลฟ์สด, การทำ Podcast, การถ่ายคลิปวิดีโอนอกสถานที่ หรือแม้กับสายตรีมมิ่งเกมต่างๆ การมีไมโครโฟนดีๆ เอาไว้ใช้จะช่วยยกระดับคอนเทนต์ให้ดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น เสียงเพราะขึ้น ตัดต่อง่าย ซึ่งการจะเลือกไมค์อัดเสียง ยี่ห้อไหนดีนั้นหลักๆ แล้วก็อยู่ที่รูปแบบการใช้งาน คุณภาพเสียงที่เหมาะสม และงบประมาณที่มีในกระเป๋าเป็นหลัก ลองเทียบในรายละเอียดกันดูว่าใน 10 รุ่นนี้ ไมค์อัดเสียงรุ่นไหน ยี่ห้อใด ที่น่าจะลงตัวกับคุณมากที่สุด

หมวดหมู่