ปัจจุบันคือยุคของการสื่อสารข้ามโลกอย่างแท้จริง เราสามารถสร้างคอนเทนต์สุดเจ๋งเอาไว้นำเสนอชาวโลก ทั้งๆ ที่นั่งอยู่ที่บ้านได้แล้ว และการทำคอนเทนต์แนว Livestream หรือการดำเนินรายการแบบถ่ายทอดสดผ่านช่องทางออนไลน์ กลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสูง แถมยังสร้างรายได้แบบเป็นกอบเป็นกำ เราจึงจะได้เห็นคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ หันมาเป็นสตรีมเมอร์กันอย่างคึกคัก ทำให้ “Capture Card” กลายเป็นอุปกรณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมของเหล่าสตรีมเมอร์โดยเฉพาะ สำหรับคนที่ยังไม่มีข้อมูลว่า Capture Card คืออะไร และควรจะเลือกซื้ออย่างไร จึงจะเหมาะสมที่สุด บทความนี้เรามี10 อันดับ Capture Card ยี่ห้อไหนดี 2022 มาแนะนำพร้อมวิธีการเลือกใช้งานอย่างเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
ประโยชน์ของ Capture Card ที่เหล่าสตรีมเมอร์หน้าใหม่ต้องรู้
การทำ Livestream นั้นเป็นอีกหนึ่งคอนเทนต์ ที่ค่อนข้างจะเปลืองทรัพยากรของคอมพิวเตอร์อย่างมาก เนื่องจากการรับส่งข้อมูลแบบ Real Time ระหว่างสตรีมมิ่ง ที่ต้องประมวลด้วยปริมาณข้อมูลที่มหาศาล ยิ่งสตรีมมิ่งด้วยภาพที่คมชัดมากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นภาระของคอมพิวเตอร์เท่านั้น อุปกรณ์ที่เรียกว่า Capture Card ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการประมวลผล ทั้งภาพและเสียง ระหว่างสตรีมมิ่ง เพื่อเป็นการลดภาระของหน่วยประมวลผลของคอมพิวเตอร์ ไม่ให้ทำงานหนักจากการสตรีมมิ่งข้อมูลที่มากเกินไป แถมยังช่วยให้การสตรีมมิ่งไหลลื่นไม่มีสะดุดอีกด้วย ซึ่ง Capture Card แต่ละรุ่น ต่างก็ผลิตออกมาเพื่อรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ
แนะนำวิธีการการเลือกซื้อ Capture Card ให้เหมาะสมกับทุกคน
การเลือกซื้อ Capture Card นั้น มีหลายปัจจัยที่เราต้องคำนึงถึง ดังนั้นก่อนจะไปดูว่า Capture Card ยี่ห้อไหนดี รุ่นไหนน่าใช้ เรามาทราบถึงวิธีการเลือก Capture Card ในเบื้องต้นกันก่อนว่าต้องดูจากคุณสมบัติใดประกอบการตัดสินใจบ้า
1. เลือกจากประเภทของ Capture Card
Capture Card นั้นมีด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่ “Capture Card แบบภายนอก” ที่มาในรูปแบบของ External Drive ใช้เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ผ่านสาย USB ใช้งานง่าย พกพาสะดวก วิธีการติดตั้งไม่มีความซับซ้อน กับอีกรูปแบบคือ “Capture Card แบบภายใน” ที่เป็นอุปกรณ์แบบต่อเข้าโดยตรงกับเมนบอร์ดเลย ทำให้เป็นการติดตั้งแบบถาวร ไม่สามารถถอดพกพาไปไหนต่อไหนได้ แต่ก็ชดเชยด้วยการสตรีมมิ่งที่เสถียรกว่า ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการของแต่ละคนว่า Capture Card ประเภทไหน เหมาะกับกิจกรรมของเราที่สุด
2. ความละเอียดของภาพในการสตรีมมิ่งที่ตัว Capture Card รองรับ
อีกหนึ่งความสำคัญในการสตรีมมิ่ง นั่นคือความ “คมชัด” ของภาพที่สตรีมมิ่งนั่นเอง เพราะถ้าปล่อยให้ภาพที่ถ่ายทอดออกไปเป็นภาพแตกๆ เสียงฟังไม่ชัดเจน จะกลายเป็นสร้างความน่ารำคาญให้กับผู้ชม จนหมดสนุกกันไปเลยทีเดียว ดังนั้นควรจะต้องคำนึงถึงคุณภาพในการสตรีมมิ่งด้วยภาพที่คมชัดเป็นอย่างแรกๆ โดยในปัจจุบัน คุณภาพระดับ 1080p คือความคมชัดระดับมาตรฐาน แต่ถ้าต้องการคุณภาพที่ชัดยิ่งกว่านี้ไปอีก ก็สามารถเลือก Capture Card ที่รองรับภาพระดับ 2K จนถึง 4K ได้เช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น ให้ดูความพร้อมของคอมพิวเตอร์ของเราร่วมด้วย
3. ดูให้แน่ใจว่า Capture Card สามารถใช้ร่วมกับคอมพิวเตอร์ของเราได้
Capture Card นั้นไม่แตกต่างอุปกรณ์แบบ กล้องวงจรปิด หรือ เครื่องเกมคอนโซล ที่ต้องเชื่อมต่อเพื่อให้ได้สัญญาณทั้งภาพและเสียงไปพร้อมกัน ซึ่งรูปแบบการเชื่อมต่อทั้ง Input และ Output ก็มีด้วยกันหลากหลายประเภท แล้วแต่ว่าตัว Capture Card เลือกใช้สายสัญญาณแบบไหน เราจึงควรที่จะตรวจสอบรูปแบบการเชื่อมต่อ ของตัว Capture Card ให้ดีว่า มันอยู่ในรูปแบบไหน และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของเราได้หรือไม่
4. ตรวจสอบบริการหลังการขาย และใบรับประกันคุณภาพสินค้า
สิ่งสำคัญอย่างสุดท้ายคือ ความไว้วางใจ ครับ ในฐานะอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นการใช้งานอย่างหนักหน่วง สินค้าควรต้องมีใบรับประกันคุณภาพ และบริการหลังการขายจากผู้ประกอบการ เผื่อไว้ในกรณีที่ตัวสินค้ามีความเสียหาย หรือมีตำหนิที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ ก็สามารถนำสินค้าไปเปลี่ยนได้เพื่อความสบายใจในการใช้งาน นอกจากนี้ยังควรเลือกซื้อจากยี่ห้อที่ได้มาตรฐานด้วย
แนะนำ 10 อันดับ Capture Card รุ่นไหนดี 2022
หลังจากได้ทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้กันไปแล้วว่าคืออะไร มีประโยชน์อย่างไร และต้องเลือกซื้อแบบไหน คราวนี้เรามาเข้าสู่รายชื่อ 10 Capture Card ยี่ห้อไหนดี ที่น่าโดนสำหรับสายสตรีมมิ่ง ประจำปี 2022 กันเลยว่ามีรุ่นไหนน่าสนใจบ้าง
1. Capture Card ยี่ห้อ Avermedia รุ่น GC311 Live Gamer Mini
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 480p จนถึง 1080p | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| ใช้ได้ทั้งกับ PC, เครื่องเกมคอนโซล และเครื่องพกพา | ไม่รองรับความละเอียด 4K หรือ HDR |
| รองรับการเชื่อมต่อผ่านสาย HDMI และ USB 2.0 |
มาเริ่มรายชื่อ Capture Card ยี่ห้อไหนดี ประจำปี 2022 กันด้วย GC311 Live Gamer Mini จากยี่ห้อ Avermedia ตัวนี้เป็น Capture Card ขนาดพกพา รูปทรงเรียบง่าย รองรับการเชื่อมต่อผ่าน HDMI และ USB 2.0 สามารถใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น ทีวี เครื่องเกมคอนโซล มือถือ แท็บเล็ต บันทึกภาพด้วยความละเอียดสูงสุด 1080p ที่การแสดงผล 60fps บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 มาพร้อมกับไฟ LED แสดงสถานะการทำงานสุดเท่ สำหรับสตรีมเมอร์มือใหม่ผู้กำลังมองหา Capture Card ดีๆ ใช้งานง่าย และราคากำลังดี รุ่นนี้เหมาะจะเป็นตัวเลือกแรกของคุณ
2. Capture Card ยี่ห้อ Razer รุ่น Ripsaw HD Game Capture Card
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับความละเอียดระดับ 1080p จนถึง 4K | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| ใช้ได้ทั้งกับ PC และเครื่องเกมคอนโซล | ควรระมัดระวังความร้อนในการใช้งาน |
| เชื่อมต่อผ่าน HDMI 2.0 และ USB 3.0 |
ต่อกันด้วย Capture Card ยี่ห้อ Razer รุ่น Ripsaw HD Game Capture Card ตัวนี้ดีไซน์เรียบง่ายแต่มากไปด้วยประสิทธิภาพในการสตรีมมิ่งที่ไม่ธรรมดา ด้วยความละเอียดของภาพสูงสุดตั้งแต่ 1080p จนถึงระดับ 4K คมชัดทั้งภาพและเสียง บนการแสดงผล 60fps ลื่นไหลไม่มีสะดุดต่อเนื่องได้ทั้งวัน สามารถเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ และเครื่องเกมคอนโซล ได้อย่างง่ายดายผ่านสาย HDMI และ USB เพียงแต่เสียบเข้ากับตัวเครื่องเท่านั้น ก็สามารถเริ่มต้นใช้งานได้ทันที สำหรับคอเกมสายสตรีมเมอร์แล้วเพียงแค่ชื่อยี่ห้อก็วางใจได้แล้วล่ะ
3. Capture Card ยี่ห้อ Corsair รุ่น Elgato Game Capture 4K60 Pro
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับภาพ HDR ความละเอียดระดับ 4K | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| สตรีมจากเครื่องเกมคอนโซลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ได้อย่างง่ายดาย | ไม่รองรับภาพที่ความละเอียดต่ำกว่า 4K |
| สามารถใช้งานหลายตัวพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน |
สำหรับสตรีมเมอร์ที่ต้องการความคมชัดระดับ 4K โดยเฉพาะ Capture Card จาก CORSAIR รุ่น Elgato Game Capture 4K60 Pro คือตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม กับการรองรับภาพ HDR บนความละเอียด 4K แสดงผลอย่างไหลลื่นไร้รอยต่อไม่มีสะดุดที่ 60fps และยังสามารถอัปเกรดได้สูงจนถึง 140fps เรียกได้ว่าลื่นจนไม่มีอะไรมาหยุดได้เลย และด้วยความที่เป็น Capture Card ที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ จึงสามารถเสียบใช้งานได้หลายตัวพร้อมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้นไปอีก ฉะนั้นถ้าหากคุณมีงบประมาณที่มากพอ Capture Card รุ่นนี้แหละใช่เลย
4. Capture Card ยี่ห้อ Acasis รุ่น AC-2HDCP
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| ใช้ได้อุปกรณ์มัลติมีเดียทุกประเภทที่ต้องการ | ควรระมัดระวังความร้อนในการใช้งาน |
| เชื่อมต่อผ่าน HDMI และ USB 3.0 Type C |
Capture Card ยี่ห้อ Acasis รุ่น AC-2HDCP อีกหนึ่งรุ่นของ Capture Card ราคาเบาๆ แต่ประสิทธิภาพครอบคลุมทุกการใช้งานที่คุณต้องการแบบครอบจักรวาล ด้วยรูปทรงที่กะทัดรัดเรียบง่าย พกพาไปได้ทุกที่ และการเชื่อมต่อด้วยระบบ HDMI และ USB 3.0 ที่สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์มัลติมีเดียได้ทุกรูปแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็น PC, เครื่องเกมคอนโซล, อุปกรณ์พกพา รวมไปถึงกล้องทั้ง DSLR และ Mini Cam ด้วย เรียกได้ว่าเพียงแค่มีเจ้านี่เพียงตัวเดียว ก็สามารถใช้งานสตรีมมิ่งได้จากทุกๆ ที่ อย่างครบครันทันใจแน่นอน ใครยังไม่รู้จะเลือก Capture Card ยี่ห้อไหนดี ตัวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
5. Capture Card ยี่ห้อ EVGA รุ่น XR1
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ระบบ Audio Mixer ปรับเสียงได้ในตัว | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K | ควรระมัดระวังความร้อนในการใช้งาน |
| อัปเกรดภาพเป็น HDR ความละเอียด 1440p ได้ | |
| เชื่อมต่อผ่าน HDMI และ USB 3.0 |
EVGA XR1 อีกหนึ่ง Capture Card อเนกประสงค์ที่น่าใช้งาน แค่รูปลักษณ์ก็โดดเด่นสะดุดตาแล้ว ทั้งลวดลายที่รับเข้ากับไฟ LED ที่สวยงาม และโดดเด่นด้วยปุ่ม Control Dial สีแดงขนาดใหญ่ตรงกลาง ที่ให้คุณปรับระดับเสียงระหว่างสตรีมมิ่งได้อย่างง่ายโดยการบิด แบบเดียวกับปุ่มปรับระดับเสียงของลำโพง พร้อมกับความละเอียดของภาพที่รองรับ HDR ความละเอียดสูงสุดถึง 1440p แสดงผลได้สูงถึง 120fps ใช้ได้กับอุปกรณ์ทุกรูปแบบ ทั้ง PC เครื่องเกมคอนโซล และกล้องวิดีโอ สำหรับสตรีมเมอร์มืออาชีพที่ต้องการการใช้งานที่ครบครันเจ้า EVGA XR1 น่าจะโดนใจคุณบ้างไม่มากก็น้อย
6. Capture Card ยี่ห้อ GENKI รุ่น Shadowcast
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ขนาดเล็กกะทัดรัด พอๆ กับขนาดของ Thumb Drive | เหมาะกับการใช้งานกับโน้ตบุ๊กมากกว่าพีซี |
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 720p จนถึง 1080p | ไม่รองรับความละเอียด 4K หรือ HDR |
| เชื่อมต่อผ่านระบบ HDMI และ USB Type A และ C |
ต่อกันเลยกับราย Capture Card ยี่ห้อไหนดี รุ่นที่ 6 อย่าง Capture Card ยี่ห้อ Genki รุ่น Shadowcast ตัวนี้เป็น Capture Card ขนาดกะทัดรัด เพียงแค่ไม่ถึงฝ่ามือ เรียกว่าพอๆ กับ Thumb Drive เท่านั้น จึงเป็น Capture Card อีกตัวที่เหมาะสำหรับการพกพาไปทุกที่ และการใช้งานสำหรับคนต้องการความละเอียดแบบพอประมาณ ด้วยการรองรับความละเอียดตั้งแต่ 720p ถึง 1080p บนการแสดงผลตั้งแต่ 30fps ถึง 60fps ที่สามารถสลับใช้งานได้ตลอดเวลา สำหรับคนที่ต้องการใช้งานสตรีมมิงแบบเร็วทันใจ ด้วยความละเอียดภาพที่เป็นมิตรกับผู้ชมทุกคน ให้ทุกคนสามารถรับชมได้ผ่านจอมือถือ Capture รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นที่เหมาะกับคุณอย่างยิ่ง
7. Capture Card ยี่ห้อ AverMedi รุ่น Live Gamer EXTREME 2 (GC551)
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| มาพร้อมกับซอฟต์แวร์ปรับแต่งการใช้งานครบครัน | ไม่รองรับภาพ HDR |
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K | ควรระมัดระวังความร้อนในการใช้งาน |
| เชื่อมต่อผ่านระบบ HDMI และ USB 3.1 |
Avermedia Live Gamer EXTREAM 2 (GC551) อีกหนึ่ง Capture Card สำหรับเหล่าเกมเมอร์สายคูลโดยเฉพาะ กับดีไซน์สีแดงดำพร้อมกับรูปทรงสุดเท่ไม่มีใครเหมือน ให้ความรู้สึกเหมือนกับเครื่องเกมคอนโซลยุคเก่า สามารถตกแต่งฝาบนของตัวเครื่องด้วยรูปภาพของเราเองได้อีกด้วย มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่เหมาะสำหรับเกมเมอร์ตัวจริง รองรับความละเอียดสูงสุดตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K พร้อมทั้งซอฟต์แวร์สนับสนุนการปรับแต่งการใช้งานทุกรูปแบบทั้งภาพและเสียง ด้วยฟังก์ชันที่พร้อมใช้ขนาดนี้ Capture Card รุ่น Live Gamer EXTREAM 2 (GC551) จึงเป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรพลาด
8. Capture Card ยี่ห้อ ELGATO รุ่น HD60 S+ (10GAR9901)
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับภาพ HDR | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 480p จนถึง 2160p | ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่คุณภาพใกล้เคียงกัน |
| เชื่อมต่อผ่านระบบ HDMI |
Capture Card ยี่ห้อ ELGATO รุ่น HD60 S+ (10GAR9901) อีกหนึ่ง Capture Card ประสิทธิภาพสูง ที่สามารถรองรับภาพตั้งแต่ภาพเบาๆ ระดับ 480p ไปจนถึงภาพคมชัดระดับ 2160p ทำให้ไม่ต้องเป็นสตรีมมิ่งภาพเทพระดับ 4K ก็สามารถเก็บภาพทุกระดับได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดีไซน์อย่างเรียบง่ายและสวยงาม พร้อมด้วยไฟ LED สีขาวเรียบหรูดูดี เรียกว่าลงตัวทั้งรูปลักษณ์และการใช้งาน หากถามว่า Capture Card ยี่ห้อไหนดี ตัวนี่คืออีกรุ่นที่เราอยากแนะนำ
9. Capture Card ยี่ห้อ GENNIQ รุ่น HDMI to USB 2.0
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K | ไม่รองรับระบบปฏิบัติการที่ต่ำกว่า Windows 10 |
| ใช้ได้อุปกรณ์มัลติมีเดียทุกประเภทที่ต้องการ | ควรระมัดระวังความร้อนในการใช้งาน |
| เชื่อมต่อผ่านระบบ HDMI และ USB 2.0 | |
| รองรับภาพ HDR |
GENNIQ รุ่น HDMI to USB 2.0 อีกหนึ่ง Capture Card ที่มีฟังก์ชันอเนกประสงค์ครบครัน ภายใต้ขนาดที่เล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก ด้วยราคาย่อมเยา กับฟังก์ชันที่สามารถใช้งานได้ดีกับอุปกรณ์มัลติมีเดียทุกรูปแบบที่ต้องการ สามารถรองรับความละเอียดภาพได้ตั้งแต่ 1080p จนถึง 4K เอาอยู่ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการสตรีมมิ่งประเภทไหน ด้วยความสามารถที่พร้อมทุกการใช้งาน ภายใต้ราคาที่ไม่แพงจนเกินไป สำหรับมือใหม่หัดสตรีมมิ่งนี่คือรุ่นที่น่าลองเลยล่ะ
10. Capture Card ยี่ห้อ Llano รุ่น HDMI เป็น USB 2.0
| จุดเด่น | ข้อสังเกต/คำแนะนำ |
|---|---|
| ขนาดเล็กกะทัดรัดพกพาสะดวก | ไม่รองรับความละเอียด 4K หรือ HDR |
| รองรับความละเอียดตั้งแต่ 1080p จนถึง 2160p | |
| ใช้ได้อุปกรณ์มัลติมีเดียทุกประเภทที่ต้องการ | |
| เชื่อมต่อผ่านระบบ HDMI และ USB 2.0 |
ปิดท้ายรายชื่อ Capture Card ยี่ห้อไหนดี ของปี 2022 กับ Capture Card ขนาดกะทัดรัดยี่ห้อ Llano รุ่น HDMI to USB 2.0 ตัวนี้เป็น Capture Card ขนาดเล็กสีเงินเงาวับสวยงาม มาพร้อมสายพ่วง USB 2.0 ติดมากับเครื่อง พร้อมกับการรองรับความละเอียดภาพตั้งแต่ 1080p จนถึง 2160p และสามารถใช้ได้ดีกับอุปกรณ์มัลติมีเดียทุกรูปแบบ และด้วยขนาดที่เล็กพกพาง่าย สามารถวางไว้ที่ไหนก็ได้โดยไม่มีปัญหาเรื่องกินพื้นที่ แบบ Capture Card อื่นๆ ที่มีขนาดใหญ่ สำหรับคนที่ชอบความเรียบง่ายและความสะดวกในการพกพาโดยเฉพาะ Capture Card จาก Llano รุ่นนี้คือรุ่นที่ควรรับไว้พิจารณา
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับ 10 อันดับ Capture Card ยี่ห้อไหนดี 2022 ที่สตรีมเมอร์ต้องลองใช้ เพราะ Capture Card กลายเป็นอีกอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยม อันเนื่องมาจากกิจกรรมการสตรีมมิ่ง ที่จำเป็นสำหรับแทบจะทุกอย่างในยุคนี้ ไม่ว่าจะเป็น เหล่าเกมเมอร์ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ หรือเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ เรียกว่าการถ่ายทอดสดจะกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว เพราะฉะนั้น การมี Capture Card เอาไว้ใช้ จึงเป็นหนึ่งในความสะดวกสำหรับการสตรีมมิ่ง ที่เหล่าสตรีมเมอร์จำเป็นต้องมี ลองดูว่ารุ่นไหนที่ลงตัวกับคุณมากที่สุด
