การจัดเก็บข้อมูลใน iPhone นั้นอาจจะเป็นปัญหาของคนที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บความจุสูงๆ เนื่องจากสมาร์ทโฟนในตระกูลนี้มากับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในเครื่องที่ไม่สามารถเพิ่มได้ นั่นทำให้ต้องใช้อุปกรณ์เสริมซึ่งก็คือ อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone นั่นเอง ซึ่งจะมีด้วยกัน 2 แบบ ให้เลือกใช้งานกันก็คือแบบ USB ที่มีพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ Lightning และอีกแบบคืออุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบ Hard Disk Drive(HDD) ที่ใช้การเชื่อมต่อ Wi-Fi ส่วนจะมีรุ่นไหน ยี่ห้อใดน่าใช้งานบ้าง และควรเลือกอย่างไรถึงจะเหมาะสม เราสรุปข้อมูลมาให้คุณในบทความนี้แล้วครับ
วิธีเลือกอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone
ในส่วนของการเลือกอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone นั้นก็จะคล้ายๆ กันกับการเลือกแฟลชไดรฟ์ USB หรือ HDD โดยสิ่งที่เราต้องพิจารณานั้นประกอบไปด้วยเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. เลือก USB หรือ HDD
ข้อแรกเลยก็คือการเลือกระหว่างอุปกรณ์สำรองข้อมูลแบบ USB หรือ HDD โดยหากเป็น USB ก็จะใช้งานเช่นเดียวกับแฟลชไดรฟ์ทั่วไป เพียงแต่พอร์ตเชื่อมต่อจะเป็นแบบ Lightning มีขนาดเล็กพกพาสะดวก ทั้งนี้ควรเลือกที่เป็น USB 3.0 เพราะสามารถถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว ส่วนหากเป็น HDD แบบไร้สายนั้นขนาดจะใหญ่กว่าแต่ก็จัดเก็บข้อมูลได้เยอะกว่าเหมาะกับการใช้งานอยู่กับที่ ซึ่งสิ่งที่ต้องตรวจสอบก็คือเครือข่ายที่ใช้เชื่อมต่อรวมถึงจำนวนของอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานร่วมกันได้
2. ผ่านการรับรอง MFi
สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่จะใช้งานกับผลิตภัณฑ์ของ Apple นั้น สัญลักษณ์ MFi จะช่วยให้เรามั่นใจในเรื่องของความเข้ากันได้และความปลอดภัย โดย MFi ย่อมาจาก Made For iPhone/ iPad/ iPod นั่นเอง โดยเฉพาะกับอุปกรณ์ประเภท USB ที่ต้องทำการเชื่อมต่อกับตัวเครื่องโดยตรง หากไม่ได้มาตรฐานอาจทำให้เกิดการชำรุดเสียหายได้
3. พื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูล
สิ่งสำคัญในการเลือกอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ก็คือพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลหรือความจุ โดยหากเป็นแบบ USB ปกติจะมีตั้งแต่ 8 GB ไปจนถึง 256 GB แต่หากเป็นแบบ HDD ความจุก็จะสูงขึ้นโดยอยู่ระหว่าง 500 GB ถึง 2 TB ซึ่งการจะเลือกว่าจะใช้ความจุเท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของตัวเองเป็นหลักว่ามีไฟล์ภาพนิ่ง ไฟล์วิดีโอ หรือไฟล์เอกสาร ที่ต้องการถ่ายโอนมากน้อยแค่ไหน
4. ดีไซน์การออกแบบ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องของความสวยงามก็มีส่วนไม่น้อยในการเลือกอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของขนาด รูปทรง และสีสัน โดยในปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ก้าวหน้าขึ้นทำให้สามารถเก็บข้อมูลได้เยอะขึ้นแต่ขนาดเล็กลง นอกจากนี้บางรุ่นยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ นอกจาก iPhone ได้ด้วย เพราะใส่พอร์ตเชื่อมต่อมาหลายแบบทั้ง USB-A, USB-C และ Lightning แต่หากเป็นแบบ HDD ขนาดก็จะใหญ่ขึ้นแต่การออกแบบก็จะมีให้เลือกหลากหลายเช่นกันรวมถึงใช้งานกับอุปกรณ์อื่นๆ ผ่านการเชื่อมต่อแบบไร้สายได้ด้วย
5. ระบบความปลอดภัย
การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยอุปกรณ์สำรองข้อมูลบางรุ่น บางยี่ห้อจะมาพร้อมกับแอพพลิเคชั่นหรือระบบรักษาความปลอดภัยเพื่อให้คุณใช้งานได้อย่างอุ่นใจมากยิ่งขึ้น เช่นต้องใช้งานร่วมกับระบบปลดล็อคของ iPhone อย่าง Touch ID เป็นต้น
6. ราคาและการรับประกันสินค้า
ข้อสุดท้ายที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ ราคาและการรับประกันสินค้า โดยหากเป็นรุ่นที่ความจุสูงราคาก็จะแพงตามไปด้วย ซึ่งยี่ห้อก็มีส่วนเช่นกัน แต่หากผ่านการรับรอง MFi ก็ถือว่าคุ้มค่าและปลอดภัยในการซื้อมาใช้ และอย่าลืมตรวจสอบเงื่อนไขและระยะเวลาในการรับประกันสินค้าด้วย เพราะบางกรณีหากเกิดการชำรุดขึ้นเราอาจสามารถเปลี่ยนสินค้าได้หากอยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน
แนะนำอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ยี่ห้อไหนดี 2024
1. Sandisk iXpand Flash Drive Go
Sandisk iXpand Flash Drive Go อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone จากยี่ห้อมาตรฐานที่วางใจได้ มาพร้อมความจุ 128 GB ใช้หัวต่อแบบ USB 3.0 ช่วยให้ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย ไฟล์วิดีโอ คอนเทนต์ต่างๆ ออกแบบมาให้มีรูสำหรับคล้องกุญแจสะดวกต่อการพกพา มีซอฟต์แวร์ปกป้องความปลอดภัยด้วยการใช้รหัสผ่าน รองรับการบันทึกวีดีโอได้จากไดร์ฟโดยตรง จัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลอัตโนมัติเมื่อเสียบเข้ากับตัวเครื่อง รวมถึงผ่านการรับรอง MFi อีกด้วย
2. PhotoFast MemoriesCable GEN3
PhotoFast MemoriesCable GEN3 อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone จากผู้ผลิตสัญชาติไต้หวัน ผ่านการรับรอง MFi มาพร้อมสายเคเบิลเส้นใยไนล่อน หัวต่อ Lightning และ USB 3.0 ผลิตจากอลูมิเนียมแข็งแรงทนทาน ความจุสูงสุด 128 GB รองรับแอพพลิเคชั่น PhotoFast ONE App ในการเล่นสื่อ สามารถดาวน์โหลดคลิปจาก YouTube มาเก็บเอาไว้ได้ มี App Lock ช่วยควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในระบบปฏิบัติการ iOS รองรับฟังก์ชัน AirPlay ในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นด้วยความคมชัดระดับ 4K สามารถฝากไฟล์ไปยัง Microsoft OneDrive, Google Drive, iCloud Drive หรือ Dropbox ได้ ภาพรวมถือว่าลงตัวทีเดียว
3. WD My Passport Wireless Pro
ต่อกันด้วย WD My Passport Wireless Pro อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่มาพร้อมกับพื้นที่จัดเก็บสูงถึง 3 TB เรียกได้ว่าเก็บไฟล์ต่างๆ ได้อย่างเพียงพอแน่นอน แถมใช้งานง่ายด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สาย ขนาดไม่ใหญ่ พกพาสะดวก และยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่นๆ ได้หลายอย่างอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเครื่องอ่านการ์ด SD ในตัว เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานและถ่ายโอนข้อมูล รองรับ USB 3.0 ภายในมีแบตเตอรี่ความจุ 6,400 mAh สามารถใช้งานได้ยาวนานรวมถึงใช้เป็นแบตเตอรี่สำรองให้กับ iPhone ได้ด้วย ใครมองหาพื้นที่เก็บข้อมูลความจุสูงแนะนำรุ่นนี้เลย
4. APACER AH190
APACER AH190 อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ผ่านการรับรอง MFi , CE, FCC, BSMI, RCM มีความจุให้เลือกที่ 32 GB, 64 GB และ 128 GB ดีไซน์สวยงามทันสมัยในสี Rose Gold และ สีทอง รองรับการเชื่อมต่อพอร์ต Lightning และ USB 3.1 Gen 1 ถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็วและใช้กับอุปกรณ์ได้หลายอย่าง รองรับแอปพลิเคชั่น iFileBridge สำหรับจัดการไฟล์ หมดปัญหาพื้นที่จัดเก็บไม่เพียงพอแม้ไฟล์จะมีขนาดใหญ่ สำรองได้ทั้งรายชื่อติดต่อ ไฟล์รูปภาพ ไฟล์วิดีโอ เป็นอีกรุ่นที่ไม่ควรมองข้าม
5. TRANSCEND Jetdrive Go 300
ส่งท้ายรายชื่อ อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone 2024 กันด้วย TRANSCEND Jetdrive Go 300 รุ่นนี้มีให้เลือกในสี Black, Silver และ Rose Gold มาพร้อมดีไซน์โค้งมน ขนาดกะทัดรัด ใช้งานง่ายผ่านการเชื่อมต่อ Lightning และ USB 3.1 ถ่ายโอนข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นไฟล์ภาพ วิดีโอ หรือเอกสาร มีความจุให้เลือกในรุ่น 32 GB, 64 GB และ 128 GB สามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ จัดการไฟล์ได้ง่ายด้วยแอปพลิเคชั่น JetDrive Go ป้องกันความปลอดภัยด้วยการรหัสการเข้าถึง วางใจได้เพราะผ่านการรับรองมาตรฐาน MFi
บทส่งท้ายจากผู้เขียน
และนี่ก็คือ อุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone น่าใช้ พร้อมเคล็ดลับเบื้องต้นในการเลือกใช้งาน ลองดูว่ารุ่นไหนที่ถูกใจและตรงตามความต้องการมากที่สุด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยและความเข้ากันได้ของอุปกรณ์อย่าลืมมองหาสัญลักษณ์ผ่านการรับรอง MFi เพื่อความอุ่นใจในการใช้งาน
